ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletกรมบังคับคดี
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




บิดามารดา กับ บุตร - คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร

ทนายความโทร0859604258

ภาพจากซ้ายไปขวา ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ, ทนายความภคพล มหิทธาอภิญญา, ทนายความเอกชัย อาชาโชติธรรม, ทนายความอภิวัฒน์ สุวรรณ

-ปรึกษากฎหมาย ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  :

         (1) leenont หรือ (2) @leenont หรือ (3)  peesirilaw  หรือ (4) @peesirilaw   (5)   @leenont1

-Line Official Account : เพิ่มเพื่อนด้วย  QR CODE

การจดทะเบียนรับรองบุตร ขณะที่บุตรไม่อาจให้ความยินยอมได้เองต้องมีคำพิพากษาของศาล

คำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร

ข้อ ๑. ผู้ร้องเป็นบิดาของเด็กชายอาทิตย์ ซึ่งเกิดกับ นางสาวลำดวน ภริยาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน กล่าวคือ ผู้ร้องได้สมรสกับ นางสาวลำดวน เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๕๔๗ แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย จึงเป็นสามีภริยากันโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้อยู่กินฉันสามีภริยาโดยเปิดเผยต่อสายตาของสาธารณชนทั่วไป ว่าเป็นสามีภริยากัน ในระหว่างอยู่กินด้วยกันนั้นได้มีบุตรด้วยกัน ๑ คน คือ เด็กชายอาทิตย์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๘ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาสูติบัตร และสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารท้ายคำร้องหมายเลข ๑  ปัจจุบันผู้ร้องอยู่กินร่วมบ้านเรือนเดียวกับนางสาวลำดวน และร่วมกันให้การอุปการะเลี้ยงดูเด็กชายอาทิตย์ ผู้เยาว์ตลอดมา โดยผู้ร้องยอมให้ระบุในสูติบัตรว่าผู้ร้องเป็นบิดาของผู้เยาว์ ให้เรียกพ่อ แสดงออกเป็นที่รู้กันทั่วไปว่าผู้ร้องและเด็กชายอาทิตย์ เป็นบิดาและบุตรของกันและกัน

ข้อ ๒. ผู้ร้องมีความประสงค์จะจดทะเบียนรับรองบุตรรับเด็กชายอาทิตย์ ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องและให้ผู้เยาว์ใช้นามสกุลของผู้ร้อง โดยที่นางสาวลำดวน ให้ความยินยอมและเห็นชอบด้วย ผู้ร้องและนางสาวลำดวน ได้ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่แล้ว แต่เจ้าหน้าที่จัดการให้ไม่ได้ โดยแจ้งว่าผู้เยาว์มีอายุน้อยไม่อยู่ในเกณฑ์ที่จะให้ความยินยอมได้ เว้นแต่จะมีคำสั่งศาลอนุญาตให้จดทะเบียนได้ไปแสดงเสียก่อนจึงจะจัดการให้ได้

ด้วยเหตุผลดังได้กราบเรียนมาข้าต้น จึงขอความกรุณาต่อศาลขอได้โปรดไต่สวนและมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องจดทะเบียนรับเด็กชายอาทิตย์ ผู้เยาว์เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อไปด้วย

ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

ลงชื่อ........นายทองดี........ผู้ร้อง
คำร้องฉบับนี้ ข้าพเจ้า นาย ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ ทนายความผู้ร้อง เป็นผู้เรียงและพิมพ์

ลงชื่อ.........ลีนนท์......      ผู้เรียงและพิมพ์


(1.) มาตรา 1548  บิดาจะ
จดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก
  *ในกรณีที่เด็กและมารดาเด็กไม่ได้มาให้ความยินยอมต่อหน้านายทะเบียน ให้นายทะเบียนแจ้งการขอจดทะเบียนของบิดาไปยังเด็กและมารดาเด็ก ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กไม่คัดค้านหรือไม่ให้ความยินยอมภายในหกสิบวันนับแต่การแจ้งนั้นถึงเด็กหรือมารดาเด็ก ให้สันนิษฐานว่าเด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอม ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กอยู่นอกประเทศไทยให้ขยายเวลานั้นเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
      *ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอม หรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล
เมื่อศาลได้พิพากษาให้บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ และบิดาได้นำคำพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนดำเนินการจดทะเบียนให้


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1487/2525

 ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นบิดาของเด็กชายเจริญวุฒิ .....   อันเกิดจากนางฉวีวรรณ .....   ภริยาโจทก์ซึ่งไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เด็กชายเจริญวุฒิเกิดเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2513 และในวันเดียวกันนั้นนางฉวีวรรณได้ถึงแก่กรรม ต่อมาวันที่ 10 พฤษภาคม 2515 โจทก์ได้ขอจดทะเบียนรับรองเด็กชายเจริญวุฒิ  เป็นบุตร และในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่นายทะเบียนได้จดทะเบียนการรับรองบุตรดังกล่าวให้โจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 เป็นน้องสาวของนางฉวีวรรณ เป็นน้าของเด็กชายเจริญวุฒิและเป็นผู้อุปการะเลี้ยงเด็กชายเจริญวุฒิมาตั้งแต่เกิด และวินิจฉัยว่าโดยสายโลหิตแล้ว โจทก์เป็นบิดาที่แท้จริงของเด็กชายเจริญวุฒิ  และโจทก์ยังได้จดทะเบียนรับรองว่าเด็กชายเจริญวุฒิเป็นบุตรของตนอีกชั้นหนึ่งด้วย โจทก์จึงเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กชายเจริญวุฒินับแต่วันจดทะเบียนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1557 และเป็นผู้ปกครองเด็กชายเจริญวุฒิ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 ย่อมมีสิทธิเรียกบุตรของตนคืนจากน้าของบุตรคือจำเลยที่ 2 ซึ่งไม่ยอมคืนบุตรมาให้ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567(4)

          ข้อที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์จดทะเบียนเด็กชายเจริญวุฒิ เป็นบุตรโจทก์ไม่ได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก ทั้งเจ้าหน้าที่ก็มิได้แจ้งการขอจดทะเบียนไปยังเด็กและมารดาเด็ก การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรของโจทก์จึงขัดต่อบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าขณะโจทก์จดทะเบียนเด็กชายเจริญวุฒิเป็นบุตรนั้น นางฉวีวรรณมารดาเด็กชายเจริญวุฒิได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว และขณะนั้นเด็กชายเจริญวุฒิก็มีอายุเพียง 1 ปีเศษ นางฉวีวรรณและเด็กชายเจริญวุฒิจึงไม่อาจคัดค้านหรือให้ความยินยอมในการขอจดทะเบียนนั้นได้ การจดทะเบียนดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1584 จึงฟังได้ว่าการจดทะเบียนรับรองบุตรของโจทก์สมบูรณ์และชอบด้วยกฎหมายแล้ว
(ปัจจุบันกฎหมายแก้ไขใหม่แล้ว --- มาตรา 1557  การเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 1547 ให้มีผลนับแต่วันที่เด็กเกิด แต่ทั้งนี้จะอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิของบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตในระหว่างเวลาตั้งแต่เด็กเกิดจนถึงเวลาที่บิดามารดาได้สมรสกันหรือบิดาได้จดทะเบียนว่าเป็นบุตรหรือศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าเป็นบุตรไม่ได้)


(2)  ในกรณีที่มารดาเด็กถึงแก่ความตายไปก่อนที่บิดาจะจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรนั้นเห็นได้ว่า แม้มารดาเด็กจะถึงแก่ความตายไปแล้วก็ตาม  บิดาก็ยังสามารถจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรได้  โดยนำคดีขึ้นมาสู่ศาลเพื่อให้ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร เพราะถือว่ามารดาไม่อาจให้ความยินยอมได้ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1548 วรรคสาม

(3)  การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย เป็นการที่จะต้องทำเอง เฉพาะตัวตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมยแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 23 ดังนั้น แม้บิดาเด็กจะยังไม่บรรลุนิติภาวะ บิดาเด็กก็ไม่จำต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมของตนเองก่อนเช่นเดียวกับกรณีมารดาเด็กที่จะให้ความยินยอมต่อนายทะเบียนก็เป็นการที่ต้องทำเองเฉพาะตัวด้วยเช่นกัน มารดาเด็กแม้จะเป็นผู้เยาว์ก็ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใดอีก

(4)  การนำคดีมาสู่ศาลนั้น อาจฟ้องเด็กเป็นจำเลยได้ ในกรณีที่เด็กยังไม่รู้เดียงสาที่จะให้ความยินยอมได้ ก็ทำเป็นคำร้องขอต่อศาลก็ได้ เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาให้จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรของตน และแม้บิดาเด็กจะยังเป็นผู้เยาว์อยู่ก็สามารถฟ้องคดีหรือร้องขอต่อศาลได้ โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากบิดา มารดาของตนด้วย


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  820/2501

การที่หญิงจำเลยรับว่าบุตรของตนเกิดจากชายซึ่งเป็นโจทก์โดยโจทก์จำเลยได้เสียกันแต่มิได้จดทะเบียนสมรส เพียงเท่านี้ยังไม่เป็นเหตุพอที่จะชี้ขาดให้จดทะเบียนว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของโจทก์ทีเดียว ในเมื่อฝ่ายจำเลยยังคัดค้านอยู่ จำต้องพิจารณาต่อไปว่ามีเหตุผลอย่างใดที่จะให้ศาลมีคำพิพากษาให้จดทะเบียนตามความใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548

 
เมื่อเด็กและมารดาเด็กยินยอม นายทะเบียนก็จะรับจดทะเบียนให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  647/2521

ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 วรรคแรก ซึ่งบัญญัติว่า "บิดาจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก เด็กหรือมารดาอาจคัดค้านว่าผู้ร้องไม่ใช่บิดา ในกรณีเช่นนั้นการจดทะเบียนว่าเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล" วรรคสองบัญญัติว่า "เมื่อเจ้าหน้าที่ได้แจ้งความการขอจดทะเบียนไปยังเด็กและมารดาถ้าไม่คัดค้านภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันรู้หรือควรรู้แจ้งความนั้น ให้ถือว่าเด็กและมารดายินยอม ถ้าเด็กหรือมารดาอยู่นอกประเทศไทยให้ขยายกำหนดเวลานั้นเป็นหกเดือน" และตามพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 มาตรา 19 ได้บัญญัติวิธีการที่นายทะเบียนจะจดทะเบียนในกรณีที่บิดาร้องขอรับรองบุตรไว้ว่า ในกรณีที่บุตรหรือมารดาคัดค้านการขอรับรองบุตร ห้ามมิให้นายทะเบียนจดทะเบียน เว้นแต่ศาลมีคำสั่ง กับกฎกระทรวงมหาดไทยออกตามความในพระราชบัญญัติจดทะเบียนครอบครัว พ.ศ. 2478 ได้กำหนดให้ที่ว่าการอำเภอและกิ่งอำเภอเป็นสำนักทะเบียน ให้นายอำเภอเป็นนายทะเบียนประจำสำนักทะเบียนอำเภอฯ ตามกฎหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่าบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายประสงค์จะจดทะเบียนบุตรที่เกิดก่อนสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะต้องไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อสำนักทะเบียน เมื่อเด็กและมารดาเด็กยินยอม นายทะเบียนก็จะรับจดทะเบียนให้ แต่ถ้าเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านการขอจดทะเบียน บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงจะมีอำนาจนำคดีมาฟ้องศาลได้ โดยฟ้องเด็กและมารดาร่วมกันเป็นจำเลยขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กนั้นเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของตน ให้เด็กและมารดาเด็กไปให้ความยินยอมในการจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายหากบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายไม่ไปขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายต่อนายทะเบียนเสียก่อนและถูกเด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านแล้ว บิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องศาล คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องแต่เพียงว่าโจทก์ประสงค์จะจดทะเบียนรับรองเด็กชายโอภาสเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และใช้อำนาจปกครอง แต่จำเลยไม่ยินยอม ทั้งการนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าก่อนฟ้องโจทก์ได้ไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับรองเด็กชายโอภาสต่อนายทะเบียนแล้วและเด็กชายโอภาสหรือจำเลยได้คัดค้านการขอจดทะเบียน ดังนั้น ข้อโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายจึงยังไม่เกิดขึ้นแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องจำเลยต่อศาล แม้จำเลยจะมิได้ยกข้อต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ไว้ในคำให้การและไม่ได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาขึ้นเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) และเมื่อโจทก์จำเลยมิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายเด็กชายโอภาสจึงเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลยและอำนาจปกครองตกอยู่แก่จำเลยผู้เป็นมารดา จำเลยจึงมีอำนาจฟ้องแย้งเรียกให้โจทก์มอบเด็กชายโอภาสคืนแก่จำเลยได้
          พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์มอบเด็กชายโอภาสคืนให้จำเลย


การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายเด็กต้องให้ความยินยอมด้วยตนเอง อันเป็นการเฉพาะตัว มารดาไม่อาจแสดงเจตนาให้ความยินยอมแทนได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1177/2540

 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ที่ 3 เป็นบุตรนอกกฎหมายของโจทก์ที่ 1 ที่โจทก์ที่ 1 ยอมรับแล้ว และขณะที่โจทก์ที่ 1 ยื่นคำขอจดทะเบียนโจทก์ที่ 3 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายนั้น โจทก์ที่ 3 มีอายุประมาณ 5 เดือน คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งสามว่า การให้ความยินยอมของโจทก์ที่ 2 ที่จะเป็นผลให้โจทก์ที่ 1 จดทะเบียนโจทก์ที่ 3 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 วรรคแรก เป็นกรณีที่โจทก์ที่ 3 จะต้องกระทำด้วยตนเองหรือไม่เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 วรรคแรกบัญญัติถึงหลักเกณฑ์ในการจะจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายไว้ว่า บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ต่อเมื่อได้รับความยินยอมของเด็กและมารดาเด็ก ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมขึ้นใหม่ ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์(ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2533 มาตรา 32 โดยข้อความเดิมได้บัญญัติถึงการจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายจะกระทำได้ต่อเมื่อเด็กหรือมารดาเด็กไม่คัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนมิใช่บิดาเท่านั้น แสดงให้เห็นว่าบทบัญญัติที่แก้ไขเพิ่มเติมขึ้นใหม่ประสงค์วางหลักเกณฑ์ไว้เข้มงวดกว่าเดิมว่าการที่บิดาจะจดทะเบียนบุตรนอกกฎหมายให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย จะกระทำได้ต่อเมื่อทั้งเด็กและมารดาเด็กให้ความยินยอมมิใช่เพียงแต่เด็กหรือมารดาเด็กไม่คัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนมิใช่บิดาดังบัญญัติไว้เดิม นอกจากนี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 ได้บัญญัติถึงทางแก้ในกรณีที่เด็กไม่อาจให้ความยินยอมได้ไว้ในวรรคสามและวรรคสี่โดยวรรคสามว่า "ในกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่ใช่บิดา หรือไม่ให้ความยินยอมหรือไม่อาจให้ความยินยอมได้ การจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรต้องมีคำพิพากษาของศาล" และวรรคสี่ว่า "เมื่อศาลได้พิพากษาให้บิดาจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรได้ และบิดาได้นำคำพิพากษาไปขอจดทะเบียนต่อนายทะเบียน ให้นายทะเบียนดำเนินการจดทะเบียนให้" อันเป็นข้อสนับสนุนให้เห็นชัดเจนว่า ตามบทบัญญัติประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1548 วรรคแรก ประสงค์ให้เด็กเป็นผู้ให้ความยินยอมเป็นการเฉพาะตัว จึงได้บัญญัติทางแก้ไขในกรณีเด็กไม่อาจให้ความยินยอมได้ดังกล่าวมาแล้ว ที่โจทก์ทั้งสามฎีกาอ้างว่า โจทก์ที่ 2 เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองโจทก์ที่ 3 โจทก์ที่ 2 จึงให้ความยินยอมแทนโจทก์ที่ 3 ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะไม่มีกฎหมายบทใดบัญญัติให้โจทก์ที่ 2 ทำการแทนโจทก์ที่ 3 ในกรณีดังกล่าวได้ ดังนั้น กรณีที่โจทก์ที่ 3 ต้องให้ความยินยอมในการที่โจทก์ที่ 1 จดทะเบียนโจทก์ที่ 3 เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1548 วรรคแรกเป็นกรณีที่โจทก์ทั้งสามฟังไม่ขึ้น"

แม้ในขณะผู้ร้องยื่นคำร้องผู้ร้องยังมิได้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เยาว์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  4323/2540

การที่ผู้ร้องประสงค์จะจดทะเบียนรับเด็กชาย ว. อายุ 3 ปี เป็นบุตรของผู้ร้อง แต่เด็กชาย ว. ยังไร้เดียงสา ไม่สามารถให้ความยินยอมได้นั้น ผู้ร้องย่อมมีสิทธิยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งอนุญาตให้ผู้ร้องจดทะเบียนรับเด็กชาย ว. เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ร้องได้

  ในการถอนอำนาจปกครองนั้น กฎหมายให้อำนาจศาลถอนเสียได้โดยลำพังโดยไม่ต้องให้ผู้ใดร้องขอก็ได้ หากมีเหตุตามบทบัญญัติแห่งป.พ.พ.มาตรา 1582 วรรคหนึ่ง ดังนั้น แม้ในขณะผู้ร้องยื่นคำร้องผู้ร้องยังมิได้เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้เยาว์ก็ตาม แต่เมื่อความปรากฏต่อศาลว่ามารดาของผู้เยาว์ย้ายไปอยู่ที่อื่นและสมรสใหม่ตั้งแต่ผู้เยาว์อายุได้เพียงปีเศษและไม่เคยกลับมาดูแลผู้เยาว์อีกเลย กรณีจึงเป็นการที่มารดาผู้เยาว์ใช้อำนาจปกครองแก่ตัวผู้เยาว์โดยมิชอบ ศาลจึงมีอำนาจพิพากษาถอนอำนาจปกครองจากมารดาผู้เยาว์ และเมื่อปรากฏว่าผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของผู้ร้องมาโดยตลอด การให้ผู้ร้องเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ย่อมเหมาะสมกว่า

มาตรา 1549  เมื่อนายทะเบียนได้แจ้งการขอจดทะเบียนขอรับเด็กเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายไปยังเด็กและมารดาเด็กตามมาตรา 1548 แล้ว ไม่ว่าเด็กหรือมารดาเด็กจะคัดค้านการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามมาตรา 1548 หรือไม่ ภายในกำหนดเวลาไม่เกินเก้าสิบวันนับแต่วันแจ้งการขอจดทะเบียนถึงเด็กหรือมารดาเด็ก เด็กหรือมารดาเด็กอาจแจ้งให้นายทะเบียนจดบันทึกไว้ได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด
*เมื่อได้มีคำแจ้งของเด็กหรือมารดาเด็กดังกล่าวในวรรคหนึ่งแล้ว แม้จะได้มีการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรตามมาตรา 1548 บิดาของเด็กก็ยังใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดตามที่เด็กหรือมารดาเด็กแจ้งว่าบิดาไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองนั้นไม่ได้ จนกว่าศาลจะพิพากษาให้บิดาของเด็กใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด หรือกำหนดเวลาเก้าสิบวันนับแต่วันที่เด็กหรือมารดาเด็กแจ้งต่อนายทะเบียนว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดนั้นได้ล่วงพ้นไปโดยเด็กหรือมารดาเด็กมิได้ร้องขอต่อศาลให้พิพากษาว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรไม่เป็นผู้สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด
*ในคดีที่ศาลพิพากษาว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรเป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด ศาลจะพิพากษาในคดีเดียวกันนั้นให้ผู้ใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองหรือเป็นผู้ปกครองเพื่อการปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดก็ได้
 
มาตรา 1551  ในกรณีที่มีการคัดค้านว่าผู้ซึ่งขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรมิใช่บิดาของเด็ก เมื่อผู้ซึ่งขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรนำคดีไปสู่ศาลขอให้ศาลพิพากษาว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรเป็นบิดาของเด็ก เด็กหรือมารดาเด็กจะขอให้ศาลพิพากษาในคดีเดียวกันนั้นก็ได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรแม้จะเป็นบิดาของเด็ก ก็เป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด ในกรณีเช่นว่านี้ให้นำความในวรรคสามของมาตรา 1549 มาใช้บังคับโดยอนุโลม

หมายเหตุ - โดยปกติแล้ว เมื่อนายทะเบียนจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรให้แก่บิดาของเด็กแล้ว บิดาของเด็กถือเป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเด็กนั้น หากเด็กยังเป็นผู้เยาว์อยู่ บิดาก็เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองด้วย อย่างไรก็ตามกฎหมายเปิดช่องให้เด็กหรือมารดาเด็กสามารถใช้สิทธิแจ้งให้นายทะเบียนจดบันทึกไว้ได้ว่า  ผู้ขอจดทะเบียนไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด หากมีการแจ้งเช่นว่านี้แล้ว บิดาเด็กก็ยังใช้อำนาจปกครองเด็กบางส่วนหรือทั้งหมดไม่ได้ จนกว่าศาลจะได้มีคำพิพากษาให้บิดาเด็กใช้อำนาจปกครองเด็กได้ และเฉพาะกรณีที่เด็กหรือมารดาเด็กได้ให้นายทะเบียนจดบันทึกไว้ว่า ผู้ขอจดทะเบียนไม่สมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมดนี้ เด็กหรือมารดาเด็กจะต้องไปยื่นคำร้องขอต่อศาลภายใน 90 วัน นับแต่วันแจ้งนายทะเบียนเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาว่า  บิดาผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร เป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองเด็กบางส่วนหรือทั้งหมด หากมีการยื่นคำร้องขอต่อศาล  ศาลก็จะพิจารณาว่า  บิดาเด็กสมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองร่วมกับมารดาเด็ก ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กอยู่แล้วหรือไม่  ในทางกลับกัน  หากมารดาเด็กหรือเด็กมิได้ไปยื่นคำร้องภายในกำหนดเวลาดังกล่าว เมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ว่ามาแล้ว  บิดาผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรก็สามารถใช้อำนาจปกครองเด็กนั้นได้ตามอำนาจที่มีอยู่ตามกฎหมาย

สำหรับกรณีที่บิดาเด็กไปขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรของตน แต่เด็กหรือมารดาเด็กคัดค้านว่า  ไม่ใช่บิดา  บิดาผู้ขอจดทะเบียนจะต้องนำคดีมาสู่ศาลโดยฟ้องเด็กหรือมารดาเด็กเป็นจำเลย ในกรณีนี้เด็กหรือมารดาเด็กอาจขอให้ศาลพิพากษาในคดีเดียวกันนั้นก็ได้ว่าผู้ขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรแม้จะเป็นบิดาของเด็ก ก็เป็นผู้ไม่สมควรใช้อำนาจปกครองบางส่วนหรือทั้งหมด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2499

ศาลฎีกาได้นั่งฟังคำแถลงการณ์ของทนายฝ่ายจำเลย และได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ปัญหาที่ว่าโจทก์หรือจำเลยสมควรจะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายประกอบเกียรติ์นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามธรรมดาแล้วอำนาจปกครองอยู่แก่บิดา แต่ในบางกรณีศาลอาจสั่งให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1538(6) ตามธรรมดามารดาผู้ให้กำเนิดแก่บุตร ย่อมจะมีความรักในบุตรของตนยิ่งกว่าผู้อื่น หากจะให้เด็กชายประกอบเกียรติ์อยู่กับจำเลย ๆ ก็ต้องเอาไปให้บิดามารดาจำเลยหรือพี่สาวจำเลยเลี้ยงดู ซึ่งอย่างไรก็ไม่อบอุ่นเท่ากับอยู่กับมารดาเอง พิเคราะห์ถึงฐานะโจทก์จำเลยก็ไม่ผิดอะไรกัน และไม่มีเหตุผลอะไรที่จะให้เห็นว่าถ้าอยู่กับจำเลยแล้วเด็กจะได้รับการอบรมดีกว่าอยู่กับโจทก์ดังที่จำเลยอ้างเมื่อพิเคราะห์ถึงความผาสุขอันจะมีแก่เด็กทั้งในปัจจุบันและอนาคตประกอบด้วยแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าควรให้อำนาจปกครองอยู่แก่โจทก์ซึ่งเป็นมารดาจะดีกว่า ส่วนข้อที่ว่าจำเลยควรจะจ่ายเงินเป็นค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กสักเท่าใดนั้นศาลฎีกาเห็นว่าจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นกะให้เป็นรายปีนั้น เมื่อถัวเฉลี่ยเป็นรายเดือนแล้ว เดือนหนึ่งก็ตกไม่เท่าไร ไม่เกินกว่าที่จำเลยจะอุปการะได้ ศาลฎีกาจึงเห็นว่าจำนวนเงินที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ให้จำเลยจ่ายให้โจทก์นั้นเป็นจำนวนสมควรแล้ว
          ฉะนั้น จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย ให้จำเลยเสียค่าทนายชั้นฎีกาแทนโจทก์อีก 50 บาท

คดีฟ้องขอให้รับรองว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย,

1. กรณีเด็กมีอายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์ ผู้แทนโดยชอบธรรมสามารถฟ้องคดีแทนเด็กได้  รวมถึงผู้รับบุตรบุญธรรม ด้วย ในกรณีที่มารดาของเด็กไม่อาจทำหน้าที่ได้ ญาติสนิทของเด็กหรือพนักงานอัยการจะเป็นผู้ร้องขอต่อศาลให้ตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเพื่อทำหน้าที่ฟ้องคดีแทนได้เช่นกัน
2. กรณีเด็กมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์แล้ว เด็กต้องฟ้องคดีเอง โดยเด็กไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก็ได้
3. กรณีเด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว เด็กจะต้องฟ้องคดีเอง และต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่บรรลุนิติภาวะ
4. กรณีเด็กถึงแก่ความตายไปแล้ว  และในเวลาที่เด็กถึงแก่ความตายนั้น เด็กมีสิทธิฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้  ถ้าแบบนี้ผู้สืบสันดานของเด็ก เช่น ลูก หลาน เหลน สามารถฟ้องคดีให้รับเด็กเป็นบุตรก็ได้ แต่ก็มีเงื่อนไขว่าจะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้เหตุที่จะฟ้องขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้ก่อนวันที่เด็กถึงแก่ความตาย หรือฟ้องภายใน 10 ปี ถ้ารู้ภายหลังเด็กถึงแก่ความตาย 

ปัจจุบันมีการแก้ไข ป.พ.พ. มาตรา 1557 เป็นว่า  เมื่อมีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดว่าเด็กเป็นบุตรของชายแล้ว  เด็กจะมีฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของชายย้อนหลังไปถึงวันที่เด็กเกิด เพียงแต่จะนำมาอ้างเป็นเหตุเสื่อมสิทธิบุคคลภายนอกผู้ทำการโดยสุจริตในระหว่างเวลาที่เด็กเกิดจนถึงเวลาที่ศาลพิพากษาถึงที่สุดว่าเด็กเป็นบุตรไม่ได้ ผลดังกล่าวทำให้เกิดสิทธิและหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติต่อกันตามกฎหมายคือ คดีฟ้องศาลขอให้บุตรนอกกฎหมายเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดานั้น ไม่ต้องแยกเป็นคดีฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรคดีหนึ่ง  เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้วจึงมาฟ้องเป็นคดีเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในภายหลังเป็นอีกคดีหนึ่งก็ได้ โดยโจทก์สามารถฟ้องขอให้จำเลยรับรองบุตรและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรรวมมาในคดีเดียวกันโดยถือว่าเป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกัน สามารถฟ้องรวมมาเป็นคดีเดียวกันได้ ซึ่งสิทธิเรียกร้องค่าอุปการะเลี้ยงดูซึ่งมีอายุความ 5 ปี  การกำหนดให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูจึงย้อนหลังไปถึงวันที่บุตรเกิดนั้น จะย้อนหลังจากวันฟ้องคดีเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูได้เพียง 5 ปี เท่านั้น

 ฟ้องรับรองบุตร

จดทะเบียนรับรองบุตร ทำไมต้องจดทะเบียนรับรองบุตร ในเมื่อในสูติบัตรของบุตรก็แสดงโดยแจ้งชัดระบุชื่อบิดาแล้วว่าเป็นพ่อในเอกสารราชการ

ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
๑.  ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า เด็กหญิง        ...    เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของจำเลย  ๒.  ให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูเด็กหญิง   .... 

ค้นหารายชื่อสำนักทนายความ

สำนักงานทนายความ โดย  ทนายความ ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ รับฟ้องคดีครอบครัว เช่น

ฟ้องหย่าโดยความยินยอม  

ฟ้องหย่าตามบันทึกข้อตกลง

ฟ้องหย่าให้โจทก์แต่เพียงผู้เดียวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง

ฟ้องหย่าให้จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร

ฟ้องหย่าเรียกค่าเลี้ยงชีพ

ฟ้องหย่าเรียกคืนของหมั้น

ฟ้องหย่าแบ่งสินสมรส

ฟ้องหย่าอ้างเหตุอุปการะเลี้ยงดูหญิงอื่น

ฟ้องหย่าอ้างเหตุเป็นชู้หรือมีชู้

ฟ้องหย่าอ้างเหตุร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ

บริการของ สำนักงานกฎหมายพีศิริ ทนายความ
สำนักงานกฎหมายพีศิริทนายความ ก่อตั้งโดย ทนายความ ลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ  รับว่าความคดีแพ่ง คดีอาญา คดีผู้บริโภคและคดีอื่นๆ ทุกคดี รับเป็นที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย รับเป็นทนายความแก้ต่างต่อสู้คดี ข้อตกลง ตลอดจนข้อสัญญาต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจ ยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดก ยื่นคำร้องขอถอนผู้จัดการมรดก ฟ้องเรียกเงินผิดสัญญากู้ยืมเงิน ผิดสัญญาจ้างทำของ  ฟ้องหย่า ฟ้องเกี่ยวเนื่องกับสิทธิในคดีครอบครัว ฟ้องเรียกบุตรคืน ฟ้องถอนอำนาจปกครองผู้เยาว์ ฟ้องหย่าและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดู ฟ้องหย่าและขอแบ่งสินสมรส ฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนจากหญิงที่แสดงตนว่ามีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับคู่สมรส ฟ้องหย่าและเรียกค่าเลี้ยงชีพ ฟ้องขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองแต่เพียงผู้เดียว ฟ้องให้จดทะเบียนรับรองบุตร ยื่นคำร้องขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร ฟ้องขอให้ศาลมีว่าเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตาย ฟ้องขอเปลี่ยนอำนาจปกครองบุตร ฟ้องให้คู่หย่าปฏิบัติตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า ฟ้องขอให้แบ่งทรัพย์สินตามบันทึกท้ายทะเบียนหย่า  ฟ้องเรียกค่าทดแทนผิดสัญญาหมั้นเรียกสินสอดคืน ฟ้องบอกเลิกสัญญาหมั้นเรียกของหมั้นคืน ฟ้องคู่สมรสขอแยกกันอยู่ชั่วคราว ฟ้องขอให้จดทะเบียนใส่ชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์รวมคนละครึ่ง ยื่นคำร้องต่อศาลขออนุญาตแทนการให้ความยินยอมขายที่ดินสินสมรส ฟ้องขอเพิกถอนการให้ที่ดินสินสมรส  ฟ้องขอใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมในที่ดินสินสมรส  ฟ้องขอใส่ชื่อเป็นเจ้าของร่วมในบัญชีธนาคาร  ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการจดทะเบียนสมรสซ้อน   ยื่นคำร้องขอเพิกถอนการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร ฟ้องบิดาขอให้รับเด็กเป็นบุตรและเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูรวมมาด้วย  ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรเพื่อรับบำเหน็จตกทอดจากทางราชการ  ฟ้องไม่รับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากเป็นหมันไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้  ฟ้องคดีขอรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม  ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งแทนการให้ความยินยอมของมารดาในการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม  ยื่นคำร้องขอตั้งผู้ปกครอง  ขอให้ศาลแต่งตั้งเป็นผู้ปกครองเด็ก  คดีขอให้ศาลสั่งเปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครองหรือผู้ปกครอง ติดต่อทนายความได้เลย ฟ้องหย่าคิดถึงทนายความลีนนท์ ติดต่อทนายความลีนนท์ ได้ที่หมายเลข 0859604258

รายชื่อสำนักงานทนายความ,และ ทนายความ

สำนักงานกฎหมายและบัญชี อินเตอร์ คอนซัลแตนท์
หมวดหมู่ : ทนายความ,สำนักทนายความ
บริการ-ทางด้านกฎหมาย ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย รับว่าความทั่วราชอาณาจักร  กฎหมาย บัญชี ทนายความ, จดทะเบียนบริษัท,
ที่อยู่ - 399/48 ซอยทองหล่อ 21 สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม 10110

บริษัท กฎหมายเมืองทอง จำกัด
หมวดหมู่ : ทนายความ,สำนักทนายความ
บริการ-รับว่าความทั่วราชอาณาจักร,รับจัดตั้งบริษัท,รับทำบัญชีและยื่นภาษี,งานรับเหมาก่อสร้างและการให้บริการรักษาความปลอดภัย(รปภ.)
ที่อยู่ -อาคารซี 3 อิมแพคเมืองทองธานี ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด นนทบุรี 11120

บริษัท ศักยภาพกฎหมายและธุรกิจ จำกัด
หมวดหมู่ :  ทนายความ,สำนักทนายความ

บริการทวงถามจัดเก็บหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อ - ฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งคดีแพ่ง คดีอาญา คดีล้มละลาย ฯลฯ
ที่อยู่ - 267/4-5 ซอยลาดพร้าว 101 แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง กทม 10310

สำนักงานกฎหมาย อัมรา สามนกฤษณะ ทนายความ
หมวดหมู่ :  ทนายความ,สำนักทนายความ

ที่อยู่ -  135/27 หมู่ 12 หมู่บ้านลิขิต 7 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี สมุทรปราการ 10540
บริการ - ปรึกษาคดี ประกันตัวผู้ต้องหา ทำบัญชี จดทะเบียนบริษัท รับว่าความทั่วราชอาณาจักร

บริษัท ติลลิกีแอนด์กิบบินส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
หมวดหมู่ : ทนายความ,สำนักทนายความ
ที่อยู่ - สนง ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์ ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กทม 10120
บริการ - ที่ปรึกษากฎหมาย (Legal Advice)

 ดนัยและเพื่อน สนง ทนายความ
หมวดหมู่ :ทนายความ,สำนักทนายความ
ที่อยู่ - 15 สมเด็จเจ้าพระยา 4 แขวงสมเด็จเจ้าพระยา เขตคลองสาน กทม 10600
บริการ - ดนัย และเพื่อน สำนักงาน ทนายความ ให้บริการทางด้านกฎหมาย ทนายความ งานด้านบัญชีครบวงจร จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด

ห้างหุ้นส่วนจำกัด สำนักงานสหนนท์กฎหมายและธุรกิจ
หมวดหมู่ : ทนายความ,สำนักทนายความ
ที่อยู่ - 155/131-3 ซอยรัตนาธิเบศร์ 18 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี นนทบุรี 11000
บริการ - รับว่าความทั่วราชอาณาจักร เร่งรัดติดตามหนี้สิน เช็คเด้ง, เงินกู้, ตั้งผู้จัดการมรดก, บังคับคดี, อุทธรณ์, ฏีกา ด้านกฎหมาย



ฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรเนื่องจากไม่ใช่บุตรที่แท้จริง
เด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ความยินยอมจดทะเบียนรับรองบุตรได้หรือไม่
ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนเป็นบุตรเพราะมิใช่บิดาแท้จริง
สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมายที่เจ้ามรดกได้รับรองแล้ว
บุตรนอกสมรสตาย บิดามารดาจดทะเบียนสมรสภายหลังการตาย
เมื่อศาลได้พิพากษาแล้วไม่จำต้องบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรอีก
เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน
ฟ้องขอให้เพิกถอนข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่า ค่าเลี้ยงชีพ อำนาจปกครองบุตร
ฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร-มารดาเป็นผู้แทนโดยชอบธรรมฟ้องแทนได้
การถอนอำนาจปกครองเป็นอำนาจของศาล
บุตรไม่ชอบด้วยกฎหมายฟ้องบิดาไม่เป็นคดีอุทลุม
ส่วนแบ่งสินสมรสและความรับผิดค่าอุปการะบุตร
อายุความฟ้องขอเลิกรับบุตรบุญธรรม
รับสมอ้างว่าเป็นบุตรในการแจ้งเกิด, บิดาในสูติบัตร
ทำสัญญาประนีประนอมแทนผู้เยาว์ต้องขออนุญาตศาล
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรแต่บิดาปฏิเสธว่าเป็นบุตร
เปลี่ยนตัวผู้ใช้อำนาจปกครอง
ให้ใช้นามสกุลในสูติบัตรยังไม่เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย
การจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร (เด็กและมารดาของเด็กถึงแก่ความตายแล้ว)
ค่าอุปการะเลี้ยงดูกับค่าเลี้ยงชีพ, การใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์
การถอนอำนาจปกครองบิดา ตั้งน้าสาวเป็นผู้ปกครองผู้เยาว์แทน
บุตรนอกกฎหมายเรียกค่าขาดไร้อุปการะได้หรือไม่?
บุตรนอกกฎหมาย สิทธิประกันสังคม
บุตรจำต้องเลี้ยงดูบิดามารดา เรียกค่าขาดไร้อุปการะจากจำเลยได้
ข้อตกลงท้ายทะเบียนหย่าให้บิดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร
ผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
ฟ้องบุพการี,คดีอุทลุม,การใช้สิทธิติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์จากผู้ไม่มีสิทธิยึดถือได้
เปลี่ยนสิทธิดูแลบุตรจากมารดาเป็นบิดา
ขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว
เรียกบุตรคืนจากสามีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย, บิดานอกกฎหมายไม่มีสิทธิที่จะกำหนดที่อยู่ของบุตร
ฟ้องให้บิดารับรองบุตร เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์
ไม่มีกฎหมายให้บิดาจำต้องอุปการะเลี้ยงดูบุตรนอกกฎหมาย
ขอจดทะเบียนรับรองบุตร,ขอรับเด็กเป็นบุตร บุตรนอกสมรส
การฟ้องคดีไม่รับเด็กเป็นบุตรต้องพิสูจน์หักล้างข้อสันนิษฐานของกฎหมาย
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (บิดาถึงแก่ความตาย)
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตร (คดีขาดอายุความ)
ใช้สิทธิทางศาลขอเป็นบิดาชอบด้วยกฎหมาย
บิดาขอจดทะเบียนรับรองบุตรกรณีเด็กถึงแก่ความตายแล้ว
หน้า 1/1
1
[Go to top]