
ติดต่อเรา โทร. 085-9604258
(อ่าน)คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2568 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประเด็นต้องพิจารณาคือจำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์โดยมีอาวุธตาม ป.อ. มาตรา 335 (7) หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าความผิดฐานชิงทรัพย์ครอบคลุมลักทรัพย์โดยมีอาวุธ และเมื่อจำเลยรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 แต่เห็นว่าความผิดฐานชิงทรัพย์ตาม มาตรา 339 มีโทษจำคุกอย่างต่ำ 5 ปี แม้จำเลยรับสารภาพก็ไม่พอ ศาลต้องฟังพยานโจทก์ยืนยันตาม มาตรา 176 เมื่อโจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน จึงไม่มีหลักฐานให้ลงโทษฐานนี้ได้ ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลอุทธรณ์มีอำนาจวินิจฉัยเองได้ แม้จำเลยไม่อุทธรณ์ อีกทั้งแม้มาตรา 192 วรรคท้ายเปิดทางให้ศาลลงโทษในความผิดที่เบากว่า หากมีข้อเท็จจริงปรากฏ แต่ในคดีนี้มีเพียงข้อกล่าวหาในฟ้อง ไม่มีข้อเท็จจริงอื่นปรากฏในสำนวน ศาลจึงไม่อาจลงโทษฐานลักทรัพย์แทนได้ ดังนั้น คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ยกฟ้องโจทก์ในความผิดฐานชิงทรัพย์จึงชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
(อ่าน)คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1552/2568 ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บริษัท ว. ผู้จัดสรรที่ดินสร้างรั้วคอนกรีตรอบโครงการหมู่บ้าน ช. ถือเป็นสาธารณูปโภคตาม พ.ร.บ.การจัดสรรที่ดิน พ.ศ. 2543 มาตรา 43 ไม่ตกเป็นส่วนควบของที่ดินรายบุคคลตาม ป.พ.พ. มาตรา 146 ต่อมาโจทก์จัดตั้งเป็นนิติบุคคลหมู่บ้านและได้รับโอนสาธารณูปโภคดังกล่าว รวมถึงรั้วกำแพงเป็นกรรมสิทธิ์ด้วย ภายหลังจำเลยซื้อบ้านเลขที่ 6 แล้วร่วมกับพวกทุบทำลายรั้วด้านหลังยาว 11 เมตร สูง 2 เมตร อ้างว่าเป็นกรรมสิทธิ์ตน แต่ศาลเห็นว่าเป็นเพียงความเข้าใจผิด การทุบรั้วเพื่อประโยชน์ส่วนตัวถือเป็นการทำให้ทรัพย์สินของนิติบุคคลเสียหาย แม้จะมีการห้ามปรามก็ยังดำเนินการต่อ แสดงถึงเจตนาทำให้เสียหาย การกระทำเข้าข่ายความผิดตาม ป.อ. มาตรา 358 มิใช่ มาตรา 360 เพราะรั้วใช้เพื่อประโยชน์สมาชิกหมู่บ้าน มิใช่สาธารณประโยชน์ทั่วไป ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้เป็นจำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท โทษอื่นให้ยก
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2996/2567 บทนำ คำพิพากษาศาลฎีกานี้เกี่ยวข้องกับ ความลับของรายงานการสืบเสาะและพินิจจำเลย ซึ่งพนักงานคุมประพฤติจัดทำตามคำสั่งศาลเพื่อใช้ประกอบการพิจารณาคดีอาญา ศาลเห็นว่ารายงานดังกล่าวเป็นข้อมูลลับตามกฎหมาย ไม่อาจให้คู่ความคัดถ่ายได้ ข้อเท็จจริง • โจทก์ฟ้องจำเลยฐานประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส จำเลยรับสารภาพ • ศาลชั้นต้นสั่งให้คุมประพฤติและบริการสังคม พร้อมปรับและรอการลงโทษ • โจทก์ขอคัดถ่ายรายงานสืบเสาะ ศาลไม่อนุญาต ศาลอุทธรณ์และฎีกาพิพากษายืน ประเด็นปัญหา คำสั่งศาลที่ไม่อนุญาตให้โจทก์คัดถ่ายรายงานสืบเสาะและพินิจจำเลย ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ คำวินิจฉัย • รายงานสืบเสาะและพินิจเป็นข้อมูลทั้งด้านดีและเสียของจำเลย ใช้เพื่อดุลพินิจศาล (ป.อ. มาตรา 56, พ.ร.บ.คุมประพฤติ มาตรา 30) • กฎหมายกำหนดว่าเป็นความลับ หากเปิดเผยมีโทษ (มาตรา 46) • จัดเป็นข้อมูลที่ไม่ต้องเปิดเผยตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร มาตรา 15 • ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้คัดถ่าย จึงชอบแล้ว
วิเคราะห์ 1. หลักความลับ – รายงานมีไว้เพื่อศาลใช้ ไม่ใช่เพื่อคู่ความ 2. สมดุลสิทธิ – แม้กฎหมายให้สิทธิประชาชนเข้าถึงข้อมูล แต่ยกเว้นเพื่อคุ้มครองจำเลยและความยุติธรรม 3. การตีความกฎหมาย – ศาลเชื่อมโยงหลายมาตราเพื่อยืนยันความเป็นความลับ
ข้อคิดทางกฎหมาย • รายงานสืบเสาะและพินิจเป็น ข้อมูลลับเพื่อดุลพินิจศาล ไม่ใช่สิทธิของคู่ความ • การคุ้มครองนี้รักษาสมดุลระหว่างสิทธิของจำเลยกับความเป็นธรรมของกระบวนการพิจารณาคดี
|
หน้า 1/1 1 | [Go to top] |