
ติดต่อเรา โทร. 085-9604258
(อ่าน)คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1346/2568 ตาม พ.ร.บ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540 มาตรา 13 กำหนดว่ามัสยิดที่จดทะเบียนมีฐานะเป็นนิติบุคคล และมีคณะกรรมการอิสลามประจำมัสยิดเป็นผู้แทน โดยมาตรา 30 วรรคหนึ่งระบุให้ประกอบด้วยอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น และกรรมการอื่นไม่น้อยกว่า 6 ไม่เกิน 12 คน ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งต้องเป็นสัปปุรุษมัสยิดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 90 วัน สัปปุรุษคือมุสลิมที่คณะกรรมการมัสยิดมีมติรับและมีชื่อในทะเบียน การพิจารณารับเป็นสัปปุรุษจึงเป็นอำนาจของคณะกรรมการมัสยิดเท่านั้น ไม่ใช่คณะกรรมการจังหวัด ระเบียบคณะกรรมการกลางอิสลามฯ ปี 2560 ข้อ 32 ให้อำนาจคณะกรรมการจังหวัดเพียงจัดทำทะเบียนในกรณีที่มัสยิดไม่มีคณะกรรมการหรือทะเบียนสูญหาย ไม่ได้ให้อำนาจพิจารณารับมุสลิมเป็นสัปปุรุษ ต่อมาปรากฏว่าตำแหน่งอิหม่าม คอเต็บ บิหลั่น และกรรมการมัสยิด ก. ว่างลง ไม่สามารถคัดเลือกใหม่ได้ เพราะสัปปุรุษเดิมเหลือน้อย ไม่เพียงพอต่อการคัดเลือก แม้มัสยิดยังเปิดทำศาสนกิจและมีผู้ประสงค์ขึ้นทะเบียนใหม่ แต่หากเลิกมัสยิด ทรัพย์สินต้องโอนไปมัสยิดอื่นตามมาตรา 14 วรรคสอง จึงเกิดภาวะเสี่ยงต่อความเสียหาย ผู้ร้องทั้งแปดซึ่งเป็นมุสลิมที่ปฏิบัติศาสนกิจในมัสยิด ก. มีส่วนได้เสีย จึงยื่นคำร้องขอให้ศาลแต่งตั้งผู้แทนชั่วคราวของมัสยิด ก. ได้ตามมาตรา 73 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
|
หน้า 1/1 1 | [Go to top] |