ติดต่อเรา โทร. 085-9604258
• การแบ่งมรดกของคู่สมรส • การจัดการสินสมรสเมื่อคู่สมรสเสียชีวิต • กฎหมายมรดกไทย • สิทธิของคู่สมรสและทายาทในมรดก • การสิ้นสุดการสมรสด้วยความตาย • การคิดส่วนแบ่งมรดกตาม ป.พ.พ. • มาตรา 1625 และการแบ่งมรดก
การจัดการสินสมรสเมื่อคู่สมรสเสียชีวิตมีประเด็นที่เกี่ยวข้องอะไรบ้าง เช่น สิทธิของคู่สมรสและทายาทในมรดกของผู้ตาย ประเด็นที่ 1. เรื่องผลของการสมรสสิ้นสุดเพราะความตายของอีกฝ่ายหนึ่งคือ การสมรสยุติลงเมื่อคู่สมรสฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย โดยข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องคือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1514 ซึ่งบัญญัติว่า “การสมรสย่อมสิ้นสุดลงด้วยความตายของคู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง” หมายความว่าหลังจากการเสียชีวิตของคู่สมรสฝ่ายหนึ่ง สถานะสมรสจะสิ้นสุดลงและฝ่ายที่ยังมีชีวิตอยู่จะไม่มีสถานะเป็นสามีหรือภรรยาอีกต่อไป และจะมีสิทธิในฐานะผู้รับมรดกหรือผู้จัดการมรดกตามที่กฎหมายกำหนด ประเด็นที่ 2. คือการแบ่งทรัพย์สินของคู่สมรสที่ตาย กับคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ และทายาทโดยธรรมอื่น ๆ การแบ่งทรัพย์สินเมื่อคู่สมรสฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตายจะต้องพิจารณาแยกทรัพย์สินออกเป็นสินส่วนตัวและสินสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1471 ถึง 1474 เสียก่อนโดยสินส่วนตัวจะตกเป็นของผู้ตายและถูกนำมาจัดแบ่งในฐานะมรดก ส่วนสินสมรสจะต้องแบ่งครึ่งเพื่อให้คู่สมรสที่ยังมีชีวิตได้รับส่วนของตน ส่วนครึ่งที่เหลือของสินสมรสจะตกเป็นมรดกของผู้ตายที่จะแบ่งให้ทายาทตามลำดับชั้นของกฎหมายมรดก ประเด็นที่ 3.การคิดส่วนแบ่งทรัพย์สินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1625 กล่าวคือมาตรา 1625 ระบุหลักการเกี่ยวกับการคิดส่วนแบ่งมรดกว่า “ทรัพย์มรดกจะต้องจัดแบ่งระหว่างทายาทตามลำดับชั้นที่กฎหมายบัญญัติ” ซึ่งหมายความว่าทายาทที่มีสิทธิรับมรดกจะได้รับส่วนแบ่งตามลำดับชั้นของตน หากมีทายาทในลำดับแรก (ได้แก่บุตร) ทายาทในลำดับถัดไปจะไม่มีสิทธิได้รับมรดก และในกรณีที่ไม่มีทายาทในลำดับชั้นบุตรเลย มรดกจึงจะตกไปถึงทายาทในลำดับถัดไป เช่น บิดามารดาของผู้ตาย เป็นต้น ประเด็นที่ 4. กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคิดส่วนแบ่งเมื่อคู่สมรสฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย นอกเหนือจากมาตรา 1625 แล้ว ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 ถึง 1635 ได้กล่าวถึงสิทธิของทายาทในลำดับชั้นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแบ่งทรัพย์สิน และมาตรา 1599 ที่ระบุเกี่ยวกับการจัดการมรดกว่ามรดกของผู้ตายให้ตกทอดแก่ทายาทตามลำดับที่กฎหมายกำหนด โดยมีการจัดแบ่งทรัพย์มรดกในกรณีที่ผู้ตายมีพินัยกรรมและกรณีที่ไม่มีพินัยกรรม ประเด็นที่ 5. เรื่องการจัดการมรดกของผู้ตายโดยนำสินสมรสและสินส่วนตัวของผู้ตายมาจัดแบ่งเป็นมรดก การจัดการมรดกจะเริ่มจากการแยกสินสมรสและสินส่วนตัวของผู้ตายก่อน โดยคู่สมรสที่ยังมีชีวิตจะได้รับครึ่งหนึ่งของสินสมรส และส่วนที่เหลือจะตกเป็นมรดกของผู้ตาย ส่วนสินส่วนตัวของผู้ตายทั้งหมดจะถูกนำมาคำนวณเป็นมรดก การจัดแบ่งมรดกจะต้องเป็นไปตามมาตรา 1629 ที่กำหนดลำดับชั้นของทายาท เช่น บุตรจะได้รับส่วนแบ่งก่อนทายาทอื่น ๆ แต่หากมีการจัดการโดยพินัยกรรม การจัดแบ่งจะดำเนินไปตามพินัยกรรมนั้นแต่ต้องไม่ขัดต่อกฎหมาย ประเด็นที่ 6. คือหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1635 เกี่ยวกับส่วนแบ่งของทายาทของผู้ตาย ซึ่งตามมาตรา 1635 ระบุถึงการจัดสรรส่วนแบ่งของทายาทผู้ตายตามกฎหมายว่า ทายาททุกคนที่มีสิทธิรับมรดกจะได้รับส่วนแบ่งในสัดส่วนเท่ากันกรณีที่ทายาทอยู่ในชั้นลำดับเดียวกัน ซึ่งหากไม่มีการกำหนดพินัยกรรมที่ระบุสัดส่วนการแบ่งที่แตกต่างกันออกไปตามเจตนาของผู้ตาย การแบ่งมรดกจะต้องเป็นไปตามลำดับชั้นของทายาทที่กฎหมายกำหนด โดยในกรณีที่ผู้ตายมีคู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ คู่สมรสนี้จะได้รับสิทธิเป็นทายาทร่วมกับทายาทในลำดับชั้นอื่น ๆ ตามที่กฎหมายระบุ หลักการเหล่านี้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ทรัพย์สินของผู้ตายถูกแบ่งสรรอย่างยุติธรรมและเป็นไปตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด ต่อไปประเด็นที่ 6. เรื่องการแบ่งมรดกของผู้ตายในกรณีที่มีบุตรของผู้ตายและมีมารดาของผู้ตายที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น จะเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1629 ซึ่งระบุถึงลำดับชั้นของทายาทที่มีสิทธิรับมรดก โดยมีหลักการแบ่งดังนี้: 1.ทายาทในลำดับชั้นที่ 1 คือ บุตรของผู้ตาย จะมีสิทธิรับมรดกร่วมกันก่อน หากผู้ตายมีบุตร บุตรทั้งหมดจะมีสิทธิได้รับส่วนแบ่งมรดกเท่า ๆ กัน 2.ทายาทในลำดับชั้นที่ 2 คือ บิดาและมารดาของผู้ตาย ถ้ามีบุตร (ซึ่งเป็นทายาทในลำดับที่ 1) และมีมารดาที่มีชีวิตอยู่ มารดาจะมีสิทธิรับมรดกร่วมกับบุตรของผู้ตาย การแบ่งมรดกตามกฎหมาย: หากผู้ตายมีบุตรและมารดาที่มีชีวิตอยู่ จะได้รับมรดกคนละหนึ่งส่วนเท่า ๆ กัน เช่นผู้ตายมีบุตร 2 คน ทรัพย์สินของผู้ตายจะถูกแบ่งโดยให้บุตรได้รับส่วนแบ่งมรดกสองส่วนคือได้คนละส่วน และมารดาจะได้รับหนึ่งส่วนของมรดก ตัวอย่างบทบัญญัติของกฎหมาย: ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1635 บัญญัติว่า “ทายาทชั้นเดียวกันย่อมได้ทรัพย์มรดกในส่วนเท่า ๆ กัน แต่ถ้าทายาทชั้นอื่นมีอยู่ด้วยกันหลายชั้น ให้แบ่งกันตามสัดส่วนที่กำหนดในมาตรานี้และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง” ตัวอย่างการคำนวณ: สมมุติว่าผู้ตายมีทรัพย์สินมูลค่า 900,000 บาท และมีบุตร 2 คน กับมารดาที่ยังมีชีวิตอยู่ บุตรทั้งสองคนจะได้ส่วนแบ่งรวมเป็น 2 ส่วน (แบ่งคนละส่วน) ซึ่งรวมกันเท่ากับ 600,000 บาท (คือได้คนละ 300,000 บาท) ส่วนมารดาจะได้รับหนึ่งส่วนของมรดก คือ 300,000 บาท หลักกฎหมาย: กฎหมายต้องการให้การแบ่งมรดกเป็นธรรมระหว่างทายาท โดยให้ทายาทในลำดับชั้นแรกมีสิทธิเหนือกว่า แต่ทายาทในลำดับถัดไปที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะได้รับส่วนแบ่งตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การขอเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อเจ้ามรดกตาย ทรัพย์สมบัติของเจ้ามรดก ตกเป็นของทายาททันที และก็ยังรวมถึงหนี้สินด้วย ความรับผิดก็ตกทอดมาถึงทายาทเหมือนกัน แต่ก็รับผิดในฐานะเป็นทายาทเท่านั้นไม่ใช้ฐานะส่วนตัว แม้ว่ากองมรดกจะตกทอดแก่ทายาทแล้วก็ตาม ก็อาจมีปัญหาขัดข้องในการจัดสรรแบ่งปันมรดก หรือติดตามทวงถามหนี้สินที่บุคคลอื่นเป็นหนี้เจ้ามรดกอยู่ หรือจะไปโอนที่ดินเป็นของตน เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินไม่ดำเนินการให้ ลูกหนี้เจ้ามรดกไม่ยอมชำระหนี้ ธนาคารไม่ยอมให้เบิกเงินของผู้ตาย โดยต้องนำเอาคำสั่งศาลตั้งผู้นั้นเป็นผู้จัดการมรดกมาให้ดูมาแสดงเสียก่อนว่าผู้มาติดต่อนั้นศาลได้ตั้งเป็นผู้จัดการมรดกแล้วมิฉะนั้นไม่ดำเนินการให้
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ทายาทจะต้องไปดำเนินการขอให้ศาลแต่งตั้งตนเองหรือบุคคลอื่นเป็นผู้จัดการมรดก ซึ่งก็จะเสียเวลาพอสมควรกว่าจะยื่นคำร้องขอและกว่าจะไต่สวนคำร้องและศาลมีคำสั่ง
อายุความคดีมรดก กับอายุความเกี่ยวกับการจัดการมรดก
ขณะถึงแก่ความตายไม่มีคู่สมรสและไม่มีบุตร บิดามารดาถึงแก่ความตายไปแล้วมรดกจึงตกได้แก่พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ไม่มีกฎหมายบังคับให้ฟ้องเอาทรัพย์มรดกจากทายาทอื่นที่ครอบครองแทนภายใน 1 ปี การที่ทายาทบางคนได้ครอบครองทรัพย์มรดกแทนทายาทอื่นแม้ครอบครองแทนนานเพียงใด หากยังไม่ได้เปลี่ยนเจตนาการยึดถือครอบครองก็ยังถือว่าเป็นการครอบครองแทนอยู่นั่นเอง |
หน้า 1/1 1 | [Go to top] |