ติดต่อเรา โทร. 085-9604258
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกันและให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียว จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง เมื่อจำเลยเป็นผู้เหมาะสมที่จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ยิ่งกว่าโจทก์ แม้มิได้ฟ้องแย้ง ศาลก็มีอำนาจชี้ขาดให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวหลังการหย่าได้
โจทก์กับจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงเป็นเพียงบิดามิชอบด้วยกฏหมายที่ไม่มีอำนาจปกครองบุตร ส่วนโจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีบทกฎหมายใดที่บัญญัติให้สิทธิผู้ใช้อำนาจปกครองสละการใช้อำนาจปกครองให้ผู้อื่นได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดให้ผู้เยาว์ไปอยู่กับปู่และย่าซึ่งเป็นบิดาของจำเลย ทั้งที่โจทก์ยังมีชีวิตและไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครองจึงเป็นการไม่ถูกต้องด้วยข้อกฎหมาย
โจทก์กับจำเลยไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน จำเลยจึงเป็นเพียงบิดามิชอบด้วยกฏหมายที่ไม่มีอำนาจปกครองบุตร ส่วนโจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว ไม่มีบทกฎหมายใดที่บัญญัติให้สิทธิผู้ใช้อำนาจปกครองสละการใช้อำนาจปกครองให้ผู้อื่นได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งกำหนดให้ผู้เยาว์ไปอยู่กับปู่และย่าซึ่งเป็นบิดาของจำเลย ทั้งที่โจทก์ยังมีชีวิตและไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครองจึงเป็นการไม่ถูกต้องด้วยข้อกฎหมาย
โจทก์และจำเลยอยู่กินฉันสามีภริยาโดยมิได้จดทะเบียนสมรสกัน มีบุตรด้วยกัน 1 คน คือ เด็กหญิง ว. โจทก์จึงมีอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่เพียงผู้เดียวย่อมมีสิทธิกำหนดที่อยู่ของบุตร และเรียกบุตรคืนจากบุคคลอื่น ซึ่งกักบุตรไว้โดยมิชอบด้วยกฎหมายได้ ตาม ป.พ.พ. 1567 (1) และ (4)
โจทก์ฟ้องหย่าจำเลย ขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองของจำเลย และให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองฝ่ายเดียว จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่ได้ทำการเป็นปรปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยา โจทก์ไม่อาจฟ้องหย่าได้ จำเลยยังประสงค์อยู่กินฉันสามีภริยากับโจทก์ และแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องแย้งว่า หากศาลพิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดกัน ขอให้บุตรทั้งสองอยู่ในอุปการะเลี้ยงดูของจำเลย ให้จำเลยมีอำนาจปกครอง ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองนั้น แสดงให้เห็นถึงเจตนาแท้จริงตามฟ้องแย้งจำเลยว่า ไม่ประสงค์หย่ากับโจทก์และยืนยันว่าโจทก์ไม่ปฏิบัติตาม ป.พ.พ. มาตรา 1564 วรรคหนึ่ง โจทก์ในฐานะบิดามารดามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าวไม่ว่าโจทก์จำเลยยังคงเป็นสามีภริยาหรือหย่าขาดกันแล้วหรือไม่
โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยและขอเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและอุปการะเลี้ยงดูเด็กชาย ม. จำเลยให้การว่า โจทก์ว่าจ้างจำเลยให้จดทะเบียนสมรส และใช้วิทยาการทางการแพทย์โดยการผสมเชื้ออสุจิเพื่อตั้งครรภ์เด็กชาย ม. ให้โจทก์ โดยไม่เคยได้ใช้ชีวิตดังสามีภริยาเลย
ในคดีฟ้องหย่ากันนั้นแม้โจทก์จะไม่ได้นำสืบเรื่องอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดว่าจะให้ฝ่ายใดเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรคนใดและอีกฝ่ายจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูได้ ตามข้อเท็จจริงคดีนี้คือผู้เยาว์อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์มาตลอด เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ได้ให้การว่าจำเลยที่ 1 ประสงค์จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์ ศาลให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์จึงชอบแล้ว โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้โจทก์และจำเลยหย่าขาดจากกัน ให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวและให้แบ่งสินสมรส จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องและฟ้องแย้งขอให้พิพากษาให้จำเลยกับโจทก์หย่าขาดจากกันและให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรเพียงผู้เดียว กับให้โจทก์จ่ายค่าการศึกษาของบุตรผู้เยาว์จนกว่าบุตรผู้เยาว์จะมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือจนกว่าบุตรผู้เยาว์จะเรียนจบในระดับชั้นสูงสุด (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1490/2558)
ศาลอุทธรณ์ภาค 9 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษากลับ ให้โจทก์กับจำเลยหย่าขาดจากกัน และให้บุตรผู้เยาว์ทั้งสองอยู่ในความดูแลเลี้ยงดูของจำเลยแต่ฝ่ายเดียว โดยให้โจทก์จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองร่วมกันและให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ทั้งสองให้แก่จำเลยเป็นเงินคนละ 3,000 บาทต่อเดือน นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนบุตรผู้เยาว์ทั้งสองมีอายุ 15 ปี หลังจากนั้นให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นเงินคนละ 4,500 บาทต่อเดือน จนกว่าบุตรผู้เยาว์ทั้งสองจะบรรลุนิติภาวะ คำขอให้จำเลยไปจดทะเบียนหย่าขาดจากโจทก์ หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติก็ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
อำนาจศาลที่จะสั่งให้บิดาหรือมารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียวได้ หากผู้ใช้อำนาจปกครองประพฤติตนไม่สมควรหรือภายหลังพฤติการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยคำนึงถึงประโยชน์และความผาสุกของผู้เยาว์เป็นสำคัญ การที่จำเลยยังคงเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ร่วมกับโจทก์ต่อไปจะเป็นผลร้ายต่อสุขภาพจิตของบุตรผู้เยาว์ แต่หากให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรเพียงผู้เดียวจะเกิดความผาสุกและเป็นประโยชน์แก่บุตรผู้เยาว์มากกว่า ศาลย่อมมีคำพิพากษาให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว กรณีไม่ถือว่าเป็นการสั่งเพิกถอนอำนาจปกครองของผู้ใช้อำนาจปกครองดังที่จำเลยฎีกา อย่างไรก็ตาม จำเลยก็ยังมีโอกาสไปเยี่ยมเยียนบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควร โดยความสมัครใจของบุตรผู้เยาว์ ซึ่งหากภายหลังมีพฤติการณ์เปลี่ยนแปลงไป ศาลก็อาจมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงการใช้อำนาจปกครองได้โดยคำนึงถึงความผาสุกและประโยชน์ของผู้เยาว์
การที่บิดารับราชการครูย่อมไม่สะดวกในการเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เพราะบิดามีเวลาเฉพาะวันหยุดเสาร์และวันอาทิตย์ ส่วนมารดาอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับบุตรผู้เยาว์มาตั้งแต่คลอด ดังนั้นบุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาย่อมจะได้รับความอบอุ่นมากกว่าอยู่กับบิดา แม้ว่าศาลกำหนดให้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตกแก่มารดาก็ตาม แต่กฎหมายรับรองให้บิดามีสิทธิจะติดต่อกับบุตรผู้เยาว์ได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์ ห้ามมารดากีดกันไม่ให้บิดาพบเยี่ยมเยียมบุตร
การที่จำเลย(บิดา)ได้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ เป็นการได้มาโดยความยินยอมในกรณีหย่า อันเป็นการได้อำนาจปกครองมาโดยข้อสัญญา การที่โจทก์(มารดา)ฟ้องขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ โดยอ้างเหตุแห่งการฟ้องร้องว่าจำเลย(บิดา)ปล่อยปละละเลยไม่ทำหน้าที่ของผู้ใช้อำนาจปกครอง ดังนั้น สถานที่ที่ได้มีการจดทะเบียนหย่าเป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล
หลังจากโจทก์และจำเลยแยกกันอยู่บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์ตลอดมา และโจทก์ประสงค์จะเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงผู้เดียวจำเลยรับราชการถือว่ามีความสามารถเพียงพอที่จะให้ความช่วยเหลือค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้พิพากษาให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์แต่ผู้เดียว และกำหนดให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เดือนละ 3,000 บาท
|
หน้า 1/1 1 | [Go to top] |