ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ-ป้องกันเกินกว่าเหตุ

   -ปรึกษากฎหมาย นายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

     โทร.085-9604258

   -ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์   

   (1) @leenont 

   (2) @peesirilaw  

   (3) 0859604258 เพิ่มด้วยหมายเลขโทรศัพท์

  -Line Official Account : เพิ่มเพื่อน QR CODE

ป้องกันพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย 

 ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิด หรือเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงไม่อาจริบได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8079/2549

จำเลยและผู้เสียหายมีสาเหตุขุ่นข้องหมองใจกันจนต่างฝ่ายต่างหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะมาทำร้ายตน ตามพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายเรียกชื่อจำเลยและชักอาวุธปืนออกมาจากเอว วิญญูชนเช่นจำเลยย่อมเข้าใจได้ว่าผู้เสียหายจะใช้อาวุธปืนนั้นยิงจำเลย ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตาม ป.อ. มาตรา 68 แล้ว การที่จำเลยหยิบอาวุธมีดพร้าที่วางอยู่พื้นถนนซึ่งเป็นของบุคคลอื่นฟันทำร้ายผู้เสียหายไปเพียงครั้งเดียวแล้ววิ่งหลบหนีไป จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุ เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด

      โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 33 ริบมีดปลายแหลมของกลาง
      จำเลยให้การปฏิเสธ

       ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คืนของกลางแก่เจ้าของ
       โจทก์อุทธรณ์

       ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80 ลงโทษจำคุก 10 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 ปี 8 เดือน ริบมีดปลายแหลมของกลาง
               จำเลยฎีกา

               ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นที่คู่ความไม่โต้แย้งกันฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยใช้อาวุธมีดพร้าของกลางฟันทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส นิ้วก้อยมือข้างซ้ายขาด และบริเวณข้อมือขวามีบาดแผลฉีกขาดรายละเอียดปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลหรือศพของแพทย์ ผู้เสียหายใช้อาวุธปืนสั้นยิงจำเลย ทำให้จำเลยมีบาดแผลกระสุนเข้าและออกที่ขาขวา กับบาดแผลที่อกด้านซ้ายมีกระสุนฝังในผนังทรวงอก รายละเอียดปรากฏตามผลการตรวจชันสูตรบาดแผลหรือศพของแพทย์ ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยมีว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ตามที่จำเลยนำสืบว่า วันเกิดเหตุผู้เสียหายเรียกชื่อจำเลยและชักอาวุธปืนออกจากเอวจำเลยจึงคว้าอาวุธมีดพร้าของกลางซึ่งเป็นของชาวบ้านที่วางอยู่ที่พื้นถนนฟันไปที่ผู้เสียหาย 1 ครั้ง แล้วหลบหนีไป เมื่อจำเลยและผู้เสียหายมีสาเหตุขุ่นข้องหมองใจกันจนแต่ละฝ่ายต่างหวาดระแวงว่าอีกฝ่ายจะมาทำร้ายตน ตามพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายเรียกชื่อจำเลยพร้อมชักอาวุธปืนออกมานั้น วิญญูชนเช่นจำเลยย่อมเข้าใจได้ว่าผู้เสียหายจะใช้อาวุธปืนนั้นยิงจำเลยนั่นเอง ถือได้ว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 แล้ว ดังนั้น การที่จำเลยหยิบอาวุธมีดพร้าของกลางที่วางอยู่ที่พื้นถนน ซึ่งเป็นของบุคคลอื่นฟันทำร้ายผู้เสียหายไปเพียงครั้งเดียวแล้ววิ่งหลบหนีไป จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันพอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น

อนึ่ง มีดปลายแหลมของกลางไม่ใช่ทรัพย์ที่มีไว้เป็นความผิดหรือเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิด จึงไม่อาจริบได้

  พิพากษากลับให้ยกฟ้องคืนของกลางแก่เจ้าของ.


คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 620/2532

จำเลยกับผู้ตายอยู่บ้านหลังเดียวกัน วันเกิดเหตุจำเลยกับผู้ตายร่วมวงดื่มสุรากัน ผู้ตายเมาสุรา จึงมีผู้แยกผู้ตายไป ต่อมาผู้ตายกลับมาอีกถือมีดทำครัวเข้ามาในห้องจำเลยในลักษณะจะใช้มีดนั้นทำร้ายร่างกายจำเลย ผู้ตายมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ การกระทำของผู้ตายเป็นภยันตรายต่อจำเลย ซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยจึงมีสิทธิป้องกันตนเองได้แต่ผู้ตายมีเพียงมีดทำครัว การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงยิงผู้ตายถึง 5 นัด จึงเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการที่จำต้องทำเพื่อป้องกัน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 69

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288และริบของกลาง จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 69 จำคุก 6 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปี ของกลางริบ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุผู้ตายถูกกระสุนปืนถึงแก่ความตายรายละเอียดของบาดแผลปรากฏตามรายงานการชันสูตรพลิกศพท้ายฟ้องปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยกระทำความผิดดังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษหรือไม่ ในเบื้องต้นข้อที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า จำเลยยิงผู้ตายหรือผู้ตายถูกกระสุนปืนเพราะอุบัติเหตุโจทก์มีพยานที่รู้เห็นเหตุการณ์มาเบิกความ 3 ปาก คือ นางสุริยารักษาทัพ ซึ่งอยู่กินเป็นสามีภริยากับผู้ตายแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส นายพายัพ ภูมิประเสริฐ ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายใดและนางพรพรรณ ปะกู ภริยาของจำเลย นางสุริยาเบิกความว่าจำเลยยิงผู้ตาย 5 นัด ส่วนนายพายัพและนางพรพรรณเบิกความว่าจำเลยกับผู้ตายกอดปล้ำกันและมีเสียงปืนดังขึ้น แต่จะกี่นัดจำไม่ได้ปรากฏตามรายงานการตรวจศพท้ายฟ้องที่จดแจ้งว่าเป็นแผลถูกยิงจำนวน5 นัด เห็นว่า ผู้ตายถูกกระสุนปืนถึง 5 นัด นับว่าเป็นจำนวนมากยากที่จะเชื่อได้ว่าเกิดจากปืนลั่นเนื่องจากผู้ตายกับจำเลยกอดปล้ำกัน และได้ความว่าเกิดเหตุแล้วจำเลยหลบหนี เพิ่งเข้ามอบตัวหลังเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน ซึ่งถ้าผู้ตายถูกกระสุนปืนเนื่องจากจำเลยกับผู้ตายกอดปล้ำกัน เพราะเหตุที่ผู้ตายถือมีดจะเข้าไปฟันทำร้ายร่างกายจำเลยแล้ว จำเลยไม่น่าจะหลบหนี นอกจากนั้นพันตำรวจโทสวง มีแทน สารวัตรสืบสวนสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลหัวหมากซึ่งร่วมสอบสวนคดีนี้ด้วยเบิกความว่า ชั้นสอบสวนจำเลยให้การว่าจำเลยยิงผู้ตาย ดังนั้นจึงเชื่อว่า กระสุนปืนที่ถูกผู้ตายจนถึงแก่ความตายนั้นเกิดจากจำเลยใช้อาวุธปืนยิง หาใช่เกิดจากจำเลยกับผู้ตายกอดปล้ำกันแล้วปืนลั่นถูกผู้ตายไม่ ข้อที่จะต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่าจำเลยยิงผู้ตาย เพราะเป็นการป้องกันตัวหรือไม่นางสุริยาเบิกความว่า จำเลยชกต่อยกับผู้ตาย บุตรสาวของพยานเข้ามาฉุดแขนผู้ตายออกไป จำเลยเรียกนายพายัพให้มาดื่มสุรากันต่อนายพายัพจึงออกมานั่งที่ม้ายาวซึ่งนั่งดื่มสุรากันแต่เดิมผู้ตายเดินเข้าไปหาจำเลยและยกมือไหว้จำเลย จำเลยใช้ด้ามปืนตีศีรษะผู้ตายจนศีรษะแตก ผู้ตายเดินขึ้นไปชั้นบนไปที่ห้องหยิบมีดซึ่งใช้ผ่าฟืนลงมาถึงหน้าห้องจำเลย และใช้มีดขว้างใส่จำเลยซึ่งขณะนั้นนั่งอยู่หน้าห้อง แต่ไม่ถูกจำเลย จำเลยใช้ปืนยิงสวนมา1 นัด ถูกผู้ตายที่หัวไหล่ ยิงอีก 1 นัด ถูกที่หน้าอก ผู้ตายล้มลงจำเลยถอยหลังไปเล็กน้อย และยิงอีก 3 นัด นายพายัพเบิกความว่าผู้ตายเมาสุรา พูดซ้ำซากให้พยานต่อยหน้าผู้ตาย และหยิบขวดเป๊ปซี่ขึ้นเงื้อจะตีศีรษะพยาน จำเลยจับมือไว้และแย่งขวดมาได้ จำเลยอุ้มผู้ตายว่าจะเอาไปส่งบ้าน ผู้ตายดิ้นรนไม่ยอมไป จำเลยจึงให้เด็กไปเรียกนางสุริยาภริยาผู้ตายมา นางสุริยาได้ลากผู้ตายออกไป พยานกับจำเลยนั่งดื่มสุรากันต่อ ต่อมาขณะที่จำเลยกำลังเก็บขวดและแก้วเข้าไปไว้ในห้อง ผู้ตายเดินเอามือไพล่หลังเข้าไปในห้องจำเลย ต่อมาได้ยินเสียงปลุกปล้ำกัน พยานลุกขึ้นมองดูทางหน้าต่างเห็นผู้ตายกับจำเลยกอดปล้ำแย่งปืนกัน และมีเสียงปืนดังขึ้น พยานเข้าไปดูในห้องพบผู้ตายนอนจมกองโลหิตอยู่ และนางพรพรรณเบิกความว่าขณะที่จำเลยผู้ตายและนายพายัพกำลังดื่มสุราอยู่นอกห้องนั้นพยานอยู่ในห้องได้ยินผู้ตายร้องเอะอะโวยวายมีปากเสียงกับนายพายัพ ได้ยินเสียงจำเลยห้าม ผู้ตายไม่ยอมหยุด จำเลยจึงเรียกหลายชายของจำเลยให้ไปตามภริยาผู้ตายมาเอาผู้ตายกลับไปบ้านเมื่อภริยาผู้ตายเอาผู้ตายกลับไปประมาณ 10-20 นาทีแล้ว ผู้ตายก็กลับมาอีก ขณะนั้นจำเลยกับพยานอยู่ในห้อง ผู้ตายผลักประตูเข้ามาผู้ตายถืออะไรไม่ทราบแนบอยู่ข้างตัว จำเลยผลักพยานให้หลบไปผู้ตายกอดปล้ำกับจำเลย ต่อจากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น คำเบิกความของพยานปากนี้ตรงกันกับคำเบิกความของนายพายัพ แต่คำเบิกความของพยานทั้งสองขัดกับคำเบิกความของนางสุริยา โดยตามคำเบิกความของนางสุริยาจับใจความได้ว่า เหตุเกิดนอกห้อง แต่ตามคำเบิกความของนายพายัพและนางพรพรรณ ยืนยันว่าเหตุเกิดในห้อง เห็นว่านายพายัพไม่เกี่ยวข้องกับคู่ความฝ่ายใดถือได้ว่าเป็นพยานคนกลางคำเบิกความของพยานจึงมีน้ำหนัก และตามคำเบิกความของพันตำรวจโทสวงว่า สาเหตุแห่งการตายเกิดจากการที่ผู้ตายถือมีดปังตอเข้าไปบ้านของจำเลย จำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงตาย มีดดังกล่าวพบในที่เกิดเหตุนอกจากมีดแล้วยังพบปลอกอาวุธปืนในที่เกิดเหตุกับมีกองโลหิตบนเสื่อน้ำมัน ซึ่งปูอยู่ในห้องจำเลยด้วย ศาลฎีกาเชื่อว่าเหตุเกิดในห้องของจำเลย และเชื่อว่าผู้ตายถือมีดเข้าไปหาจำเลยจริงกับได้ความจากคำเบิกความของนายพายัพและนางพรพรรณว่า ขณะที่ผู้ตายถูกพาตัวออกไปก่อนเกิดเหตุนั้น ผู้ตายพูดว่าเดี๋ยวจะเอาปืนมายิง เห็นว่า การที่ผู้ตายถือมีดบุกรุกเข้าไปในห้องจำเลยในลักษณะที่จะใช้มีดนั้นทำร้ายร่างกายจำเลย และได้ความว่าผู้ตายมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าจำเลย นับว่าการกระทำของผู้ตายเป็นภยันตรายต่อจำเลยซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยจึงมีสิทธิที่จะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดพอสมควรแก่เหตุเพื่อป้องกันตนเองได้ ข้อที่จะต้องวินิจฉัยประการสุดท้ายก็คือว่า การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันหรือไม่ เห็นว่าถึงแม้ผู้ตายจะมีรูปร่างสูงใหญ่กว่าจำเลยก็ตาม แต่ผู้ตายก็มีมีดซึ่งได้ความแน่ชัดว่าเป็นเพียงมีดใช้ทำครัวเท่านั้น ดังนั้น การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งมีอานุภาพในการทำลายร้ายแรงยิงผู้ตายถึง5 นัด นับว่าเป็นการกระทำเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกัน ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยกระทำเพื่อป้องกันเกินกว่ากรณีแห่งการจำต้องกระทำเพื่อป้องกันชอบแล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนมีดของกลางยังมิได้ใช้กระทำความผิด จึงไม่ริบ"

พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288ประกอบด้วยมาตรา 69 จำคุก 6 ปี จำเลยเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและนำสืบเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 4 ปีอาวุธปืนและหัวกระสุนปืนของกลางให้ริบ ส่วนมีดของกลางให้คืนเจ้าของ

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4500/2531

ผู้ตายเตะต่อยและใช้ขวดตีจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้ขวดตีผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่ผู้ตายเมาสุราและเข้าไปทำร้ายจำเลยก่อนจำเลยก็ชอบที่จะป้องกันได้ตามกฎหมาย แต่เนื่องจากจำเลยทราบอยู่แล้วว่าผู้ตายชอบด่าและทำร้ายคนในบ้าน ทั้งผู้ตายมีอายุมากและยังเมาสุรา จำเลยอาจกระทำการใดเพื่อป้องกันโดยไม่จำต้องรุนแรงจนถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ได้ การที่จำเลยใช้ขวดตีผู้ตายตรงบริเวณที่สำคัญของร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ

โจทก์ฟ้องว่าขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ประกอบด้วย มาตรา 69 จำคุก 3 ปีจำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยตีผู้ตายหรือไม่ และจำเลยป้องกันตัวเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น โจทก์มีนางหล้า งามสุด เบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายด่านางประเสริฐบุตร แล้วบ่นต่อไปอีกเรื่อย ๆ ต่อมาพยานได้ยินเสียงผู้ตายว่าไอ้เชียรมึงให้ควยกูหรือแล้วผู้ตายเดินไปที่ครัวทันใดนั้นพยานได้ยินเสียงโครมครามที่ครัว พยานรู้สึกกลัวจึงวิ่งลงจากบ้านไปหลบอยู่ใต้ถุน เพราะเคยถูกผู้ตายตบตีบ่อย ๆสักพักหนึ่งได้ยินเสียงขวดแตก แล้วได้ยินเสียงผู้ตายร้องโอ๊ยและพูดว่ามึงทำกูได้ เมื่อเสียงผู้ตายเงียบ พยานเดินไปที่ครัวพบจำเลยเดินลงจากครัวออกจากบ้านไป ส่วนจำเลยต่อสู้ว่าผู้ตายเตะต่อยจำเลยและใช้ขวดตีจำเลยเฉียดศีรษะ จำเลยจึงจับขวดไว้และยื้อแย่งขวดกัน ขวดตกลงไปแตก ผู้ตายเสียหลักล้มลงเห็นว่าในขณะเกิดเหตุคงมีผู้ตายกับจำเลยอยู่ด้วยกันเพียง 2 คนนางหล้าเป็นภรรยาผู้ตายและเป็นแม่ยายของจำเลย และเคยถูกผู้ตายทำร้ายเสมอเวลาเมาสุรา น่าเชื่อว่านางหล้าเบิกความไปตามจริงและจากบาดแผลที่ผู้ตายได้รับนั้น นายแพทย์มานะ จันทรชาติเบิกความยืนยันว่าบาดแผลที่ท้ายทอยเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย เมื่อพิจารณาถึงที่เกิดเหตุตามภาพถ่ายหมาย ป.จ.5จะเห็นได้ว่าตรงที่ผู้ตายล้มลงนอนตายนั้นเป็นพื้นกระดาน หากผู้ตายเสียหลักล้มลงตามที่จำเลยต่อสู้บาดแผลจะไม่เกิดที่ท้ายทอยเมื่อนำคำเบิกความของนางหล้าที่เบิกความว่าได้ยินเสียงผู้ตายร้องโอ๊ยและพูดว่ามึงทำกูได้มาประกอบแล้ว พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักฟังได้ว่า จำเลยใช้ขวดตีผู้ตายที่ท้ายทอยจริงข้อต่อสู้ของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานโจทก์ได้ ในปัญหาว่าจำเลยกระทำโดยป้องกันเกินกว่าเหตุหรือไม่นั้น ได้ความว่าผู้ตายเข้าไปหาจำเลยซึ่งกำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในครัว และมีเสียงโครมคราม จำเลยนำสืบว่าผู้ตายเตะต่อยจำเลยแล้วใช้ขวดตีจำเลยก่อน เห็นว่าโจทก์ไม่มีพยาน เห็นว่าจำเลยตีผู้ตายเพียงฝ่ายเดียว ข้อเท็จจริงน่าเชื่อว่าผู้ตายเตะต่อยและใช้ขวดตีจำเลยก่อน จำเลยจึงใช้ขวดตีผู้ตายถึงแก่ความตาย การที่ผู้ตายเมาสุราและเข้าไปทำร้ายจำเลยก่อน จำเลยก็ชอบที่จะป้องกันได้ตามกฎหมาย แต่เนื่องจากจำเลยทราบอยู่แล้วว่าผู้ตายชอบด่าและทำร้ายคนในบ้าน ทั้งผู้ตายมีอายุมากและยังเมาสุรา จำเลยอาจกระทำการใดเพื่อป้องกันโดยไม่จำต้องรุนแรงจนถึงกับเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายก็ได้ การที่จำเลยใช้ขวดตีผู้ตายตรงบริเวณที่สำคัญของร่างกายเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายนั้น จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ และโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดมานั้นเหมาะสมแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

ประมวลกฎหมายอาญา

 มาตรา 68 ผู้ใดจำต้องกระทำการใดเพื่อป้องกันสิทธิของตนหรือของผู้อื่น ให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าได้กระทำพอสมควร แก่เหตุ การกระทำนั้นเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้น ไม่มีความผิด

     มาตรา 80 ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายาม กระทำความผิด
     ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองใน สามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

     มาตรา 288 ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุก ตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีถึงยี่สิบปี

     มาตรา 289 ผู้ใด
(1) ฆ่าบุพการี
(2) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุ ที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่
(3) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำ ตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่บุคคลนั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงาน ดังกล่าวแล้ว
(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
(5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการ ที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือ
(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อ หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้
ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต




เกี่ยวกับคดีอาญา

บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคายกรณีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อาญา มาตรา 188
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล article
การพรากเด็กไม่ว่าเด็กจะออกจากบ้านเองก็ย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น
ผู้ปกครองอนุญาตให้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยเท่านั้น
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและฐานฉ้อโกง
พิพากษาจำคุกจำเลยศาลฎีกายกฟ้องเพราะคำฟ้องไม่ได้ลงชื่อ
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสมรสในต่างประเทศระหว่างหญิงไทยกับหญิงไทย
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
การสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายอิสลามจำเลยไม่ต้องรับโทษ
กระทำโดยประมาทไม่อาจอ้างเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจสอบสวนไม่มีอำนาจฟ้อง
ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราถูกจำคุก 48 เดือน
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุดคดีอาญาระงับ
บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง
การชวนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าไปในห้องนอนไม่ผิดพรากผู้เยาว์
กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีจำคุก 50 ปี
จำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี
การนับอายุความคดีความผิดอันยอมความได้
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากในฟ้อง
ปลัดกระทรวงไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัด
จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การสนทนาผ่านเมสเซนเจอร์ไม่เป็นการกล่าวไขข่าวให้แพร่หลาย
ภยันตรายจากการประทุษร้ายที่จะใช้อ้างเพื่อการป้องกันสิทธิ
ฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน
กระทำชำเราเด็กและพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีจำคุก 48 ปี
"อนาจาร" มีความหมายว่า การกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ
พาเด็กหญิงจากที่เปิดเผยเข้าไปในจุดลับตาผู้คน
จำเลยเป็นบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขายทองเงินผ่อนอำพรางการให้กู้ยืมเงินดอกเบี้ย318%ต่อปี
ศาลฎีกาพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยรอการชำระเงิน
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแต่จำเลยหลบหนีขาดอายุความอย่างไร
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร,เต็มใจไปด้วย
ขู่เข็ญให้จ่ายเงิน มิฉะนั้นเปิดเผยความลับวีดีโอ-ความสัมพันธ์ทางเพศ รีดเอาทรัพย์
ความผิดตามมาตรา 149 บทเฉพาะและมาตรา 157 บททั่วไป
ลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมเอกสารสิทธิ การกระทำกรรมเดียว
ศาลยุติธรรมย่อมไม่มีอำนาจเหนือศาลทหาร
พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้ปกครอง
งดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือเล็งเห็นผลว่าอาจถึงแก่ความตายเป็นพยายามฆ่า
การกระทำโดยพลาด
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
คำร้องทุกข์ | อำนาจพนักงานสอบสวน
ขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ-มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
ความผิดฐานบุกรุกเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล article
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ