การเช่าบ้านจะต้องมีสัญญาจึงจะมีผลผูกพันกัน ตามสัญญา เมื่อไม่มีสัญญาเช่า กฎหมายบอกว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีไม่ได้ คำว่าจะฟ้องร้องบังคับคดีกันไม่ได้นี้หมายถึงทั้งสองฝ่ายคือ ผู้ให้เช่าก็จะฟ้องเรียกค่าเช่าค้างชำระก็ไม่ได้ ผู้เช่าจะอ้างอยู่ต่อไปโดยไม่ย้ายออกก็ไม่มีกฎหมายรับรองที่จะอ้างได้

ในกรณีของคุณ ถามว่า "ถ้ากรณีนี้ตามกฏหมายดิชั้นต้องย้ายออกจากบ้านเช่าวันไหนคะ"  ตอบ  เมื่อไม่มีสิทธิตามสัญญาเช่าก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในบ้านนั้นอีกต่อไป แต่การที่คุณเข้ามาอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวเป็นการรับอนุญาตจากผู้ให้เช่า แม้คุณไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในบ้านในฐานะผู้เช่าอีกต่อไป แต่ก็ไม่มีความผิดฐานบุกรุก แต่หากคุณไม่ออกเขาก็ต้องฟ้องขับไล่เรียกค่าเสียหายนับแต่วันที่เขาแจ้งให้คุณออก เมื่อคุณไม่ออกจึงเป็นละเมิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน สำหรับเรื่องจะออกไปเมื่อใดนั้นก็อยู่ที่เรา เขาคงไม่มีสิทธิที่จะมาจับตัวคุณ อุ้มคุณออกไปจากบ้านเช่าแน่ ผู้ให้เช่าคงต้องนำหมายศาลมาบังคับให้ออก แต่คุณก็มีหน้าที่ต้องจ่ายค่าเสียหายในเรื่องละเมิดเขาครับ

มาตรา 538  เช่าอสังหาริมทรัพย์นั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายที่ต้องรับผิดเป็นสำคัญ ท่านว่าจะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่ ถ้าเช่ามีกำหนดกว่าสามปีขึ้นไป หรือกำหนดตลอดอายุของผู้เช่าหรือผู้ให้เช่าไซร้ หากมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ท่านว่าการเช่านั้นจะฟ้องร้องให้บังคับคดีได้แต่เพียงสามปี

เช่าที่ดินปากเปล่าไม่มีสัญญาเช่า
มักจะมีคำถามกันอยู่เสมอ ๆ ว่า การเช่าบ้านหรือเช่าที่ดินโดยไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน แต่ก็จ่ายค่าเช่ากันมาตลอดนั้น หากต่อมาผิดนัดไม่ชำระค่าเช่ากัน อย่างนี้จะทำอย่างไร จะทำหนังสือบอกกล่าวทวงถาม หรือฟ้องร้องเรียกค่าเช่าได้หรือไม่ และถ้าเขาไม่ชำระจะทำอย่างไร ในคำพิพากษาฎีกาเรื่องนี้ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อโจทก์แถลงยอมรับว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานการเช่าเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยเป็นผู้รับผิดแล้วโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง...
 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2533

เช่าช่วงโดยไม่มีสัญญาเช่า

การเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ต้องตกอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 คือจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญใบเสร็จรับเงินซึ่งมิได้มีลายมือชื่อของผู้ให้เช่าหรือผู้ให้เช่าช่วงไม่ใช่หลักฐานการเช่า ผู้ที่อ้างว่าไม่ใช่บริวารของลูกหนี้ตามคำพิพากษาและยื่นคำร้องแสดงอำนาจพิเศษต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 จัตวา (3) จะต้องมีหลักฐานเบื้องต้นมาแสดงต่อศาลเมื่อตามคำร้อง ของ ผู้ร้องปรากฏว่าผู้ร้องเช่าช่วงตึกแถวพิพาทจากจำเลยโดยไม่มีสัญญาเช่ากับจำเลยหรือโจทก์ และมิได้มีหลักฐานการเช่ามาแสดง ทั้งมิใช่เป็นสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าการเช่าเพราะเงินกินเปล่าที่ผู้ร้องอ้างว่าได้เสียให้ไป มิใช่เงินช่วยค่าก่อสร้างตึกแถวพิพาท ผู้ร้องจึงไม่อาจยกการเช่าช่วงขึ้นใช้ยันโจทก์ได้ ไม่ว่าโจทก์จะรู้เห็นยินยอมด้วยหรือไม่ กรณีถือไม่ได้ว่าผู้ร้องเป็นผู้มีอำนาจพิเศษตามบทกฎหมายดังกล่าวผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลย ศาลจึงต้องยกคำร้องของผู้ร้อง และศาลสั่งคำร้องโดยไม่ไต่สวนคำร้องก่อน.