สามีต่างชาติขอแบ่งสินสมรสในประเทศไทย | |
หนูจดทะเบียนสมรสกับแฟนต่างชาติ และได้หย่าจากกัน แฟนต่างชาติขอแบ่งสินสมรสในประเทศไทยจะได้หรือไม่คะ จดทะเบียนสมรสต่างประเทศ | |
ผู้ตั้งกระทู้ สมรัก :: วันที่ลงประกาศ 2011-08-29 21:33:14 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2222165) | |
หนูจดทะเบียนสมรสกับแฟนต่างชาติ และได้หย่าจากกัน แฟนต่างชาติขอแบ่งสินสมรสในประเทศไทยจะได้หรือไม่คะ จดทะเบียนสมรสต่างประเทศ ตอบ - ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้ว่าห้ามฟ้องนะครับ ดังนั้นหากมีสินสมรส ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ครอบครองอยู่และยังไม่ได้แบ่ง อีกฝ่ายหนึ่งย่อมมีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอให้แบ่งได้ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-10-03 12:02:04 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2222173) | |
แบ่งสินสมรสของสามีต่างด้าว โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของบิดา โจทก์กับจำเลยเป็นบุตร บิดา+มารดา มีสินสมรสคือที่ดิน 1 แปลงพร้อมบ้านอีก 2 หลัง บิดาเป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งมีตราจอง จึงให้มารดาถือกรรมสิทธิ์แทน ต่อมาบิดาถึงแก่กรรม บ้านและที่ดินอันเป็นสินสมรสของบิดา 2 ใน 3 ส่วน จึงเป็นมรดกตกทอดมายังบุตร 9 คน และมารดาคนละส่วน บุตรทุกคนและมารดาครอบครองที่ดินมรดกร่วมกันมาจนกระทั่งมารดาถึงแก่กรรม ก่อนถึงแก่กรรมมารดาได้ทำพินัยกรรมยกบ้านและที่ดินทั้งหมดให้จำเลยทั้งสองโดยไม่มีสิทธิ ขอให้พิพากษาว่าทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นสินสมรสและมรดกของบิดา 2 ใน 3 ส่วน ให้โจทก์มีสิทธินำมาแบ่งปันแก่ทายาทต่อไป คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2881/2532 จำเลยให้การว่า ที่ดินตามฟ้องไม่ใช่สินสมรสระหว่าง ป. กับ ล. ซึ่งเป็นบิดามารดาโจทก์และจำเลย แต่เป็นสินเดิมของ ล.มาก่อนสมรส ในชั้นพิจารณาจำเลยนำสืบว่าที่ดินดังกล่าวเป็นมรดกของ ป. มารดาของ ล. ตกได้แก่ ล. ดังนี้ ข้อนำสืบของจำเลยเป็นการนำสืบถึงที่มาของที่ดินที่ ล. ได้มาก่อนทำการสมรสกับ บ.อยู่นั่นเอง จึงมิใช่เป็นการนำสืบนอกคำให้การแต่อย่างใด. โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนายบังภู่ ดวงวิชัยตามคำสั่งศาล โจทก์กับจำเลยเป็นบุตรของนายบังภู่กับนางลูกอินทร์ระหว่างนายบังภู่กับนางลูกอินทร์อยู่กินด้วยกัน มีสินสมรสคือที่ดิน1 แปลงพร้อมบ้านอีก 2 หลัง นายบังภู่เป็นคนต่างด้าวไม่มีสิทธิลงชื่อถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินซึ่งมีตราจอง จึงให้นางลูกอินทร์ถือกรรมสิทธิ์แทน ต่อมานายบังภู่ถึงแก่กรรมบ้านและที่ดินอันเป็นสินสมรสของนายบังภู่ 2 ใน 3 ส่วน จึงเป็นมรดกตกทอดมายังบุตร9 คน และนางลูกอินทร์คนละส่วน บุตรทุกคนและนางลูกอินทร์ครอบครองที่ดินมรดกร่วมกันมาจนกระทั่งนางลูกอินทร์ถึงแก่กรรม ก่อนถึงแก่กรรนางลูกอินทร์ได้ทำพินัยกรรมยกบ้านและที่ดินทั้งหมดให้จำเลยทั้งสองโดยไม่มีสิทธิ ขอให้พิพากษาว่าทรัพย์มรดกดังกล่าวเป็นสินสมรสและมรดกของนายบังภู่ 2 ใน 3 ส่วน ให้โจทก์มีสิทธินำมาแบ่งปันแก่ทายาทต่อไป พินัยกรรมของนางลูกอินทร์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินตามฟ้องไม่ใช่สินสมรสระหว่างนายบังภู่กับนางลูกอินทร์ แต่เป็นสินเดิมของนางลูกอินทร์จึงมีชื่อนางลูกอินทร์เป็นเจ้าของผู้เดียว นายบังภู่กับนางลูกอินทร์ได้จดทะเบียนหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยา และแบ่งทรัพย์สินกันโดยนางลูกอินทร์ได้ทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องเป็นของตนทั้งหมดและครอบครองฝ่ายเดียวตลอดมาจนกระทั่งถึงแก่กรรม ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้คดีว่าที่ดินตามตราจองเลขที่ 28 เนื้อที่ 3 ไร่ 1 งาน 65 ตารางวาตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องอันดับ 1 ไม่ใช่สินสมรสระหว่างนายบังภู่กับนางลูกอินทร์ แต่เป็นสินเดิมของนางลูกอินทร์มาก่อนแต่งงานกับนายบังภู่ แต่ในชั้นพิจารณาจำเลยกลับนำสืบว่า ที่ดินพิพาทตามฟ้องเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ในตราจองเลขที่ 28 เป็นมรดกของนางเปลี่ยนมารดานางลูกอินทร์ตกได้แก่นางลูกอินทร์ ข้อนำสืบดังกล่าวของจำเลยจึงเป็นการนำสืบนอกคำให้การนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อนำสืบดังกล่าวของจำเลยเป็นการนำสืบถึงที่มาของที่ดินที่นางลูกอินทร์ได้มาก่อนทำการสมรสกับนายบังภู่อยู่นั่นเอง จึงมิใช่เป็นการนำสืบนอกคำให้การจำเลยดังที่โจทก์ฎีกา และศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า นายบังภู่กับนางลูกอินทร์ได้จดทะเบียนหย่ากันโดยมีการแบ่งทรัพย์สินกันไปเรียบร้อยแล้วดังที่จำเลยนำสืบ พิพากษายืน. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2011-10-03 12:31:49 |
[1] |