ReadyPlanet.com


ผิดเข้าข้อกฏหมายมั้ย


หวัดดีคับพี่ลีนนท์ คือผมจ้างทนายว่าความให้ในคดีอาญา(ของน้อง) จ่ายค่าจ้างให้ตามที่ตกลงประมาณ 100,000 บาท แต่ผ่านไปปีกว่า เขาไม่ทำอะไรผมเลยส่งหนังสือ ไปบอกเลิกสัญญาจ้าง หลังจากเขารับหนังสือประมาณ10 วัน เขาเอาใบแต่งทนาย ที่น้องของผมลงลายมือชื่อใว้ไปให้เพื่อนของเขาลงชื่อ แล้วยื่นศาล หลังจากที่เลิกจ้างแล้ว ผมอยากถามว่า เขาผิดมาตรา264 วรรคสองมั้ย ช้วยอธิบายที่ว่าอาจจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด แล้วกรณีที่เล่ามานี้เกิดความเสียหายยังคับ



ผู้ตั้งกระทู้ ธวัช :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-17 02:45:01


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2016737)

มาตรา 264 วรรคสอง บัญญัติว่า ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้นถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสารต้องระวางโทษเช่นเดียวกันศาลฎีกาเห็นว่า การมอบอำนาจยังไม่สมบูรณ์เมื่อผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายการมอบอำนาจก็สิ้นผล แต่จำเลยที่ 2 กลับทำให้การมอบอำนาจซึ่งยังมิได้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ดูเสมือนเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ด้วยการกรอกข้อความ การกระทำดังกล่าวแม้ผู้เสียหายจะไม่เสียหายแต่ก็อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคสอง

          อย่างไรก็ดีเมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายรู้ว่าผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายก่อนแล้วยังยอมให้มีการกรอกข้อความในใบมอบอำนาจขึ้นทั้งผู้เสียหายก็มิได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดจึงไม่สมควรลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงจำคุก

          พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 2,000 บาท

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268 วรรคสอง, 341เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด จำคุก 2 ปี ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 จำคุก 6 เดือน คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 219 ข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยมามีว่า จำเลยที่ 2 และผู้เสียหายทราบแล้วว่านางยี่เหนี้ยถึงแก่ความตาย ต่อมาวันที่ 14 มีนาคม 2534จำเลยที่ 2 นำหนังสือมอบอำนาจเอกสารหมาย จ.2 ซึ่งยังมิได้กรอกข้อความคงมีแต่ลายพิมพ์นิ้วมือของนางยี่เหนี้ยในช่องผู้มอบอำนาจเรียบร้อยแล้วมาบอกให้นายสุจินต์ น้ำใส กรอกข้อความ นายสุจินต์กรอกข้อความว่านางยี่เหนี้ยมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ขายที่ดินแทนการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการกระทำโดยพลการ เพื่อให้จำเลยที่ 1นำหนังสือมอบอำนาจไปใช้ในการทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินกับผู้เสียหาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ตรงกับความประสงค์ของนางยี่เหนี้ยคดีมีปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง หรือไม่ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคสอง บัญญัติว่า ผู้ใดกรอกข้อความลงในแผ่นกระดาษหรือวัตถุอื่นใดซึ่งมีลายมือชื่อของผู้อื่นโดยไม่ได้รับความยินยอมหรือโดยฝ่าฝืนคำสั่งของผู้อื่นนั้นถ้าได้กระทำเพื่อนำเอาเอกสารนั้นไปใช้ในกิจการที่อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชน ให้ถือว่าผู้นั้นปลอมเอกสารต้องระวางโทษเช่นเดียวกันศาลฎีกาเห็นว่า การมอบอำนาจยังไม่สมบูรณ์เมื่อผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายการมอบอำนาจก็สิ้นผล แต่จำเลยที่ 2 กลับทำให้การมอบอำนาจซึ่งยังมิได้เกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ดูเสมือนเกิดขึ้นโดยสมบูรณ์ด้วยการกรอกข้อความ การกระทำดังกล่าวแม้ผู้เสียหายจะไม่เสียหายแต่ก็อาจเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือประชาชนดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264 วรรคสอง

          อย่างไรก็ดีเมื่อพิเคราะห์ถึงพฤติการณ์แห่งคดีที่ผู้เสียหายรู้ว่าผู้มอบอำนาจถึงแก่ความตายก่อนแล้วยังยอมให้มีการกรอกข้อความในใบมอบอำนาจขึ้นทั้งผู้เสียหายก็มิได้รับความเสียหายจากการกระทำความผิดจึงไม่สมควรลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงจำคุก

          พิพากษาแก้เป็นว่า ปรับจำเลยที่ 2 เป็นเงิน 2,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

คำพิพากษาที่  6898/2539

ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2009-12-17 08:19:23



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล