ผมเพิ่งย้ายเข้าหอใหม่มาได้ 2 เดือนครับ
ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาได้พบปัญหามากมายดังนี้ คือ
1. น้ำหยดในห้องน้ำจนฝ้าทะลุเป็นรู จนทุกวันนี้ก็ยังหยดอยู่ (สกปรกมาก หยดใส่อ่างจะอ่างเป็นคราบดำๆเต็มอ่าง)
หยดตลอดเวลาทุกๆ 10-15 วิ
แจ้งไปตั้งแต่วันแรก จนวันนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข
2. น้ำไหลออกมาจากท่อที่ระเบียง แต่จะไหลแรงกว่าในห้องน้ำ + มีฟองออกมาด้วย
สันนิษฐานว่าเป็นน้ำซักผ้ารั่วออกมา ซึ่งมาโดนเสื้อผ้าที่ตากไว้
อันนี้ 2 เดือน โดนมา 2 ครั้ง ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
3. ในเดือนแรก น้ำไม่ไหลไป 2 ครั้ง (น้ำหมดแทงค์) ห้องผมได้รับการแก้ไขช้าที่สุด ห้องอื่นน้ำมาหมดแล้ว เหลือห้องผม
พอผมแจ้งไปก็ได้รับการแก้ไขปัญหาช้ามาก
การแก้ปัญหาคือ บอกให้ผมไปอาบน้ำในห้องชั้น 8 (ซึ่งยังไม่มีคนอยู่) ก่อน
ในการเกิดปัญหาแต่ละครั้ง ใช้เวลา 3-4 วันกว่าน้ำจะไหล
ในอนาคตถ้าน้ำหมดแทงค์ไม่รู้จะพบปัญหานี้อีกรึเปล่า
4. เรื่องค่าไฟ ผมสังเกตพบว่าค่าไฟฟ้านั้นสูงผิดปกติ
ผมเปิดแอร์วันนึงประมาณ 4-6 ชั่วโมง ค่าไฟเดือนล่าสุด 2,300 บาท
ยิ่งไปกว่านั้น ห้องเพื่อนผมที่หอเดียวกันนี้ ค่าไฟพุ่งไปถึง 5,400 บาท (ประมาณ 770 ยูนิต) ในเดือนเดียว
***ค่าไฟยูนิตละ 7 บาท
ทำให้ผมคิดว่ามันผิดปกติ เลยแจ้งคนดูแลหอ
เถียงกันไปมาจนเค้าบอกว่า จะเปลี่ยนมิเตอร์ไฟให้
"แต่ถ้าเปลี่ยนแล้วปรากฎว่ากินไฟเหมือนเดิม ให้ผมออกค่ามิเตอร์ไฟที่เอามาใหม่เอง"
(จนวันนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนให้)
5. เรื่องที่จอดรถ .. ตอนที่ผมย้ายเข้ามาครั้งแรก ทางหอพักได้ให้จอดรถด้านหน้าหอ
และผู้ให้เช่าได้บอกว่า "กำลังทำที่จอดรถใหม่" ผมจึงถามว่า จอดฟรีได้เลยใช่ไหม
ทางผู้ให้เช่าได้สัญญาปากเปล่ากับทางผมว่า "ใช่"
ต่อมาเมื่อที่จอดรถสร้างเสร็จ (ทั้งเล็กและแคบมาก ความปลอดภัยก็ต่ำ)
ได้มีการแจ้งมาที่ห้องผมว่า ถ้าหากจะจอดต้องเสียค่าที่จอดรถเป็นเงินเดือนละ 1,000 บาท
ด้วยปัญหาทั้งหมดทั้งมวลนี้ ผมจึงมีความประสงค์จะย้ายออกจากหอพัก
และได้แต่ทางผู้ให้เช่าบอกว่าหากต้องการย้ายออกต้องเสียเงินประกันทั้งหมด (ในสัญญาบอกไว้ว่าเสีย 50% ด้วยซ้ำไป)
อีกทั้ง ผมได้ลองสอบถามไปหลายๆห้อง พบว่าทุกคนบอกเหมือนกันว่า "ค่าไฟแพงเกินจริง"
และมีปัญหาเรื่องของพังแล้วมาซ่อมช้าบ้าง ไม่ซ่อมบ้าง ซ่อมแล้วคิดเงินบ้าง ทั้งๆที่เป็นหน้าที่ของผู้ให้เช่าที่ต้องจัดการในส่วนนี้
ในตัวสัญญานั้น ผมได้คัดลอกข้อสำคัญๆมาดังนี้
ข้อ 4. อัตราค่าเช่าและระยะเวลาการเช่า
คู่สัญญาตกลงเช่าทรัพย์ตามข้อ 1. มีกำหนดเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ 12 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2553 ถึงวันที่ 16 เดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2554 โดยอัตราค่าเช่าเดือนละ 4,800 บาท และผู้เช่าตกลงชำระค่าเช่าล่วงหน้าของเดือนสุดท้ายให้ไว้แก่ผู้เช่าเป็นเงินจำนวน 4,800 บาท ในสัญญานี้แล้ว และผู้ให้เช่าได้รับเงินดังกล่าวไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับค่าเช่าปกตินั้น ผู้เช่าตกลงชำระให้แก่ผู้เช่าตั้งแต่วันที่ 20 ถึงวันสิ้นเดือนของทุกเดือน
ข้อ 6. เงินประกันการเช่า
ในวันที่ทำสัญญานี้ ผู้เช่าได้วางเงินประกันจำนวน 13,000 บาท
ให้แก่ผู้เช่า เงินประกันดังกล่าว เมื่อสัญญาสิ้นสุดลงไปไม่ว่ากรณีใดๆ หากผู้เช่าไม่ได้ติดค้างค่าเช่า หรือก่อความเสียหายใดๆแก่ผู้เช่า
ผู้ให้เช่าคืนเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้เช่า แต่หากผู้เช่ายังค้างค่าเช่า หรือก่อความเสียหายใดๆแก้ผู้ให้เช่า
ผู้เช่ายินยอมให้ผู้ให้เช่านำค่าเช่าที่ค้างชำระหรือค่าเสียหายมาหักจากเงินประกันดังกล่าวได้
ข้อ 14. การเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดระยะเวลาการเช่าโดยผู้เช่า
ในกระณีที่ผู้เช่าประสงค์จะยกเลิกสัญญาเช่าก่อนครบกำหนดระยะเวลาการเช่าตาม ข้อ 4.
ผู้เช่าจะต้องมีคำบอกกล่าวเป็นหนังสือไปยังผู้ให้เช่าทราบไม่น้อยกว่า 1 เดือน
และผู้เช่าตกลงที่จะจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้เช่าเป็นเงินจำนวนร้อยละห้าสิบของเงินค่าอายุสัญญาเช่าที่เหลือ
เพื่อเป็นค่าตอบแทนความเสียหายในการที่ผู้เช่ายกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนด
ถ้าจะให้พูดปัญหาทั้งหมด ทั้งของตัวเองและเพื่อนๆร่วมชะตากรรมที่หอพักนี้
คงพรรณนาในนี้ไม่หมดแน่ๆ ผมจึงยกส่วนสำคัญๆมาขอคำแนะนำในการย้ายออกครับว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนดี
เคยคุยดีๆก็แล้ว ยกกฎหมายไปให้ดูก็แล้ว ทางผู้ให้เช่าให้คำตอบว่า "จะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมาขู่ ถ้าจะออกก็ยึดเงินประกันหมด"
ขอบคุณครับ
|