ช่วยตอบผมหน่อยครับ ผมเดือดร้อนจริง ๆ | |
เปิดเพลงในร้านอาหารโดนข้อหาละเมิดลิขสิทธ์ หมดไป 15000 บาท คือเมื่อ ผมเปิดร้านอาหารประเภทหมู่จุ่มและขายเหล้าเบียร์มีทั้งหมดประมาณ 10 โต็ะ พึ่งเปิดเมื่อวันที่ 22 เม.ย. 2553 ผมก็ได้เปิดเพลงmp3จากคอมพิวเตอร์ให้ลูกค้าฟังโดยไม่ได้เจาะจงว่าตั้งเป็นเพลงค่ายไหนคือเปิดไปเรื่อย ๆ ไทยบ้างสากลบ้าง เพลงไหนเพราะก็เปิด เพราะไม่รู้ว่าเพลงเป็นเพลงของค่ายไหนบ้าง และทีวีก็เปิดยูบีซีให้ลูกค้าดูข่าวดูละครบ้าง บอลบ้างแล้วแต่ลูกค้า
แล้ววันที่ 20 มิ.ย.2553 เวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง ก็เป็นปกติดังเช่นทุกวัน มีลูกค้าเข้ามากิน 2 – 3 โต๊ะ มีโต๊ะหนึ่งเข้ามาชาย 1 คน หญิง 1 คน ก็สั่งของกินตามปกติ แต่พอเช็คบิลเค้าถามว่าเพลงนี้เพลงอะไร ซึ่งตอนนั้นเพลงที่เล่นอยู่ คือ เพลงเพ้อ ของ วง ลาบานูน ผมก็ไม่ได้คิดอะไรก็ตอบไป สักพัก ก็มีชาย 4 คนเดินเข้ามา พร้อมกับตำรวจ ในเครื่องแบบอีก 1 นาย
ตอนแรกก็ยังงง แต่พอตั้งสติได้ มีชายคน 1 เดินเข้ามาถามหาเจ้าของร้าน ผมก็ตอบว่าแฟนผมเป็นเพราะใช้ชื่อแฟนในการธุรกรรมทุกอย่าง(ผมเปิดร้านกับแฟน 2 คน ไม่มีเด็กเสิร์ฟ) เค้าก็บอกว่าผมเปิดเพลงระเมิดลิขสิท์ของแกรมมี่ผมก็งง ๆ เพราะไม่รู้ว่าเพลงไหนเพลงอะไรและเพลงเป็นของค่ายไหนบ้าง แล้วเค้าก็เอาเอกสารการแจ้งความมาให้อ่าน ซึ่งผมก็ไม่ได้อ่านถี่ถ้วนเท่าไหร่เพราะต้องดูลูกค้า พวกชายคนที่เหลือก็เดินไปมาแล้วถ่ายรูปเครื่องเสียงผม แล้วก็เรื้อเครื่องเสียงของผมออกไป แล้วถามผมว่าเปิดเพลงจากไหนผมก็บอกว่าคอมพิวเตอร์ พวกเค้าก็มายกคอมผมไปด้วย ชายคนแรกก็เอาเอกสารให้แฟนผมเซ็นยินยอมยึดของ โดยให้เซ็นยินยอมว่าได้ยึดของไปมี คอม 1 เครื่อง เครื่องเสียง 1 ชุด บัตรประชาชนแฟนผม และใบจดทะเบียนพาณิช แล้วบอกว่าให้ไปคุยกันที่โรงพัก ส่วนตำรวจที่มาก็ไม่ได้พูดอะไร เข้ามานั่งดูทีวีเฉย ๆ แล้วก็เป็นคนขับรถพาพวกนั้นไปที่โรงพักซึ่งตอนแรกก็มาด้วยกัน แฟนผมให้ผมไปเพราะเธอต้องดูลูกค้าและส่วนใหญ่เกี่ยวกับร้านผมจะเป็นคนตัดสินใจเอง
พอไปถึงก็มีคนอยู่หลายคน คืนนี้แบบนี้มีประมาณ 3 ร้านที่โดนจับลักษณะเดียวกัน ชายคนแรกก็ให้ผมไปคุยด้วยด้านหลังโรงพักโดยบอกว่า ผมมีตัวเลือกอยู่ 3 ทาง
1.ยินยอมชดใช้ค่าเสียหายและได้ใบอนุญาติแต่ต้องจ่ายเงิน 30000 บาท ตั้งจ่ายตอนนี้เลย แล้วก็จบ
2.ยินยอมชดใช้ค่าเสียหาย 20000 บาท ตอนนี้เลย แล้วค่าใบอนุญาตเอาไว้จ่ายตอนสิ้นเดือน 9000 บาท
3.ให้เรื่องเป็นคดีความแล้ว ก็ต้องนอนในโรงพัก แล้วเช้าค่อยมาประกันตัว แล้วไปสู้กันในศาล โดยจะมีเจ้าหน้าที่และทนายจากแกรมมีมาทำการฟ้องร้อง และอาจจะต้องเสียเงิน ประมาณ 50000 – 100000 บาท ยังไม่รวมค่าทนายและเสียเวลาอีกหลายอย่าง
ผมฟังแล้วก็ยังอึ้งขนาดนี้เลยเหรอ ผมเพิ่งเปิดร้านยังไม่ถึง2 เดือน รายได้รวมกันยังไม่ถึง 30000 เลยแล้วจะไปหาที่ไหนมาให้ได้ในคืนนี้ ผมนั่งคิดอยู่นานเค้าก็ทั้งขู่ทั้งพูดว่าถ้าไม่ยอมความก็ต้องจ่ายมากกว่านี้อีกและผมต้องนอนโรงพักและยึดของทุกอย่าง
ผมก็เลยตัดสินใจโทรไปหาเพื่อนที่เคยทำงานร้านอาหารเพื่อนผมก็บอกว่าอย่าไปขัดมันมากเดี๋ยวมันจะเป็นเรื่องราวขึ้นศาลมันยุ่งยาก และอาจต้องเสีย 50000 บาท ผมก็เลยตัดสินใจยอมไป
แต่ตอนนั้นผมไม่มีตังเลยทั้งตัวมีอยู่ 300 บาท เลยบอกเค้าไปว่า ผมของเลือกยอมจ่าย 20000 บาท แล้วใบอนุญาตไว้ทีหลัง แต่ของไว้พรุ่งนี้ได้ไหม เค้าก็บอกว่าไม่ได้เพราะร้อยเวรปิดสำนานคดีไม่ได้ต้องจ่ายคืนนี้เลย แล้วผมจะไปหาที่ไหน ตั้ง 20000บาทตอน 4 ทุ่มผมก็บอกงั้นผมยอมติดคุกนอนนี่ก็ได้เพราะไม่รู้จะหาที่ไหนได้ตอนนั้น เค้าก็ทำท่าเหมือนอยากช่วยผมแล้วเค้าก็บอกว่า พี่ลดให้เอามา 15000 บาท แล้วจบกัน ผมก็ยังไม่มีอยู่ดี ผมก็เลยขอเค้าไปว่าพรุ่งนี้ได้ไหมจะเอาอะไรเป็นประกันก็เอาไป เค้าก็เงียบไปสักพักแล้วก็เดินไปหาพวกกลุ่มชายที่มาด้วยกัน แล้วเดินกลับมาบอกผมว่าได้แล้วก็ให้ผมไปลงบันทึกประจำวันว่ายินยอมรับผิดและชดใช้ค่าเสียหาย 15000 บาท ในวันที่ 21 มิ. ย. 2553 โดยยึดคอมพิวเตอร์และเครื่องเสียงของผมเป็นประกัน
พอเสร็จ ตอนร้อยเวรให้เวรให้เซ็นชื่อ ชายคนนี้ก็เดินออกไปให้ชายอีกคนเข้ามาแทน ชื่อนายพงษ์พันธ์ คุดคำ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท จี พาเทนท์ จำกัด มาเซ็นรับ แล้วก็ปล่อยตัวผมมาโดยยึดของผมไว้
มาวันที่21มิ.ย.2553 เวลา 4 โมงเย็นผมกับแฟนก็ไปตามนัดซึ่งผมได้โทรไปขอยืมเงินมาจากแม่แฟน 15000 บาท พอไปถึงก็เจอนาย พงษ์พันธ์ กันชายลูกน้องอีกคน มารอผมแล้วให้ขึ้นไปพบร้อยเวร แต่ก่อนเข้าพบเค้าให้แฟนผมเซ็นเอกสารยินยอดชดใช้ค่าเสียหาย 15000 บาท แต่แฟนผมก็บอกไปว่าลดให้หน่อยได้ไหม ช่วยหนูหน่อยเพิ่งเปิดร้านใหม่ไม่ค่อยมีเงิน เค้าก็บอกว่างั้นจ่ายมา 20000 จะให้ใบอนุญาตด้วยเลย ผมก็ยังงงเมื่อคืน 30000 บาทแล้วตอนนี้ทำไมลดไวจังวะ แล้วคุยกับแฟนแต่ตอนนี้ผมมีเงินแค่ 15000 บาทเลยจ่ายให้แค่นั้น เราก็เข้าพบร้อยเวรชายคนนั้นก็ให้ร้อยเวรเขียนรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่ายอมความโดยชดใช้ค่าเสียหาย 15000 บาท ให้แก่นาย นายพงษ์พันธ์ คุดคำ เป็นผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท จี พาเทนท์ จำกัด แฟนผมก็จ่ายเงินไป แล้วก็บอกว่า ขอใบเสร็จ ใบบันทึกประจำวัน และรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี และใบพนักงานของชายคนนั้น ขอถ่ายเอกสาร แต่ชายคนนั้นไม่ยอม บอกว่าถ่ายแค่ใบรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดี ก็พอแล้วแล้วเค้าก็บอกว่าจบละ แล้วเรื่องใบอนุญาติ บอกว่าตอนสิ้นเดือนจะโทรมาว่าจะซื้อไหม แต่ตอนนี้เปิดเพลงได้ถึงสิ้นเดือน ผมก็กลับมาร้านแล้วเปิดคอมหาเว็ปศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็เจอบ้างคนก็โดนในลักษณะเดียวกันหลายคนเสียเงินเยอะบ้างน้อยบ้าง แต่มีบ้างคนก็ไม่ยอมบ้าง เลยไม่รู้จะเชื่อใครดี เพราะบางคนก็ว่าไม่ผิดเราโดนหลอก บางคนก็ว่าเราผิด แต่โดยส่วนตัวผมคิดว่าผมโดนหลอก เพราะผมเปิดเพลง ไม่ได้เปิดในเชิงการค้าหรือหาเงินจากเสียงเพลงเลย แต่เปิดให้ลูกค้าและฟังเองเฉย ๆ บางวันก็ไม่ได้เปิด และก็ไม่ได้เจาะจงละตั้งใจว่าจะต้องเพลงไหนค่ายไหน และถ้ารู้มาก่อนหรือมีใครมาเตือนก็คงไม่เปิดหรอก ผมรู้เรื่องกฎหมายน้อย แล้วกลัวจะต้องเป็นเรื่องคดีความ เลยยอมโง่จ่ายไป
ผมอยากถามว่าเปิดร้านอาหารเปิดเพลงจาก mp3 ให้ลูกค้าฟังผมผิดหรือไม่ครับ เพราะสิ้นเดือนผมต้องจ่ายเงินให้มันอีก 9000 บาทต่อปีและที่รู้ยังมีอีกหลายค่ายที่ต้องเจอแบบนี้อีก แต่ถ้าไม่ผิดคราวหน้าผมจะได้ไม่ยอมมันและสู้ให้ถึงที่สุด
รบกวนพี่ทนายหรือท่านที่พอจะมีความรู้ด้านนี้ช่วยตอบผมด้วยนะครับ เพราะจะได้ช่วยคนสุจริตอีกหลายคนที่เปิดร้าน ทำงานกว่าจะหาเงินมาได้มาเจอพวกใช้กฎหมายมาขูดรีดเงินแล้วเจอแบบเดียวกัน จะเป็นพระคุณอย่างสูงมาก ๆ เลยครับ
ตอบกลับด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
แล้วข้อความนี้จริงไหมครับ
ทุกวันนี้คนรู้น้อยมาก และโดนหลอกเก็บเงินค่าเปิดเพลงรายปีมาตลอด โดยเงินเหล่านั้นไม่ถึงมือนักร้องเลยครับ - คำพิพากษาที่ 10579/2551 โจทก์บรรยายฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดรู้อยู่แล้วหรือมีเหตุอันควรรู้ว่างานใดได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น กระทำอย่างใดอย่างหนึ่งแก่งานนั้นเพื่อหากำไร ให้ถือว่าผู้นั้นกระทำการละเมิดลิขสิทธิ์..." ความผิดตามบทบัญญัติดังกล่าวจึงต้องเป็นการกระทำแก่งานที่ได้ทำขึ้นโดยละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่น "เพื่อหากำไร" เท่านั้น แต่ตามที่โจทก์บรรยายฟ้องปรากฏแต่เพียงว่า จำเลยเปิดแผ่นเอ็มพีสามและซีดีเพลงให้ลูกค้าในร้านอาหารได้ร้องและฟังเพลงของผู้เสียหาย 1 แผ่น "เพื่อประโยชน์ในทางการค้า" ขายอาหารและเครื่องดื่มของจำเลยแต่ไม่ปรากฏในคำฟ้องว่าจำเลยกระทำเพื่อหากำไรโดยตรงจากการที่ให้ลูกค้าได้ร้องและฟังเพลงโดยเรียกเก็บค่าตอบแทนจากลูกค้าในการเปิดเพลงดังกล่าวหรือเรียกเก็บรวมไปกับค่าอาหารและเครื่องดื่มแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 31 แม้จำเลยให้การรับสารภาพก็ไม่อาจลงโทษจำเลยได้ ตาม พ.ร.บ.จั้ดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 185 -สรุปสั้นๆ ร้านที่ขายอาหาร..ไม่ต้องจ่ายค่าเพลง เปิดด้วยคอมได้เลย | |
ผู้ตั้งกระทู้ worarit :: วันที่ลงประกาศ 2010-06-22 05:06:55 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2077427) | |
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10579/2551 ที่แนบมาถือเป็นฎีกาใหม่มากและได้วางบรรทัดฐานให้ชัดแจ้งเสียที เพราะเจอพวกหาเงินโดยไม่ชอบมายาวนานแล้ว ดังนั้นจึงขอยืนยันตามคำพิพากษาว่าไม่มีความผิดเพราะไม่ได้หากำไรโดยตรงจากลูกค้าที่มาฟังเพลง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2010-06-22 16:28:54 |
[1] |