1. นางแดง(มีมรดกที่บ้าน 1 ไร่ และที่นา 3 ไร่)

ตอบ---  นางแดงยังมีชีวิตอยู่ จึงไม่เรียกมรดก แต่เรียกว่ามีทรัพย์ เป็นที่ดินที่บ้าน 1 ไร่  นา 3 ไร่

2. ได้แต่งงานกับนายดำ(ไม่มีมรดกมาเลย)

ตอบ-- นายดำยังมีชีวิตอยู่จึงไม่อาจมีมรดกได้

3. ได้จดทะเบียนสมรสกัน และมีลูกด้วยกัน 3 คน และมีลูกด้วยกัน 3 คน (ชื่อ หนึ่ง สอง สาม)

ตอบ---  นางแดงและนายดำเป็นสามีภริยาชอบด้วยกฎหมาย

4. ระยะนั้นได้ซื้อที่นา 12 ไร่ ที่สวน 3 ไร่

ตอบ--- ที่นา 12 ไร่ ที่สวน 3 ไร่ เป็นสินสมรส ของนางแดงและนายดำ

5.  นายดำได้โอนที่นา 12ไร่และที่สวน 3 ไร่ ให้ลูก(ชื่อ หนึ่ง สอง สามเท่าๆกัน โดยไม่ได้แบ่งให้นางแดงเลย นางแดงก็ยอมเพราะต้องการให้ลูกสามคนนี้) และนายดำตอนนี้เสียชี่วิตไปนานแล้ว

ตอบ---  ตามคำตอบข้อ 4. ที่ดิน 12 ไร่ ที่สวน 3 ไร่ เป็นสินสมรส จึงไม่อาจโอนสินสมรสส่วนที่เป็นของนางแดง (ภริยาชอบด้วยกฎหมาย) ให้แก่บุตรได้ และเจ้าพนักงานที่ดินก็จะไม่ดำเนินการให้อยู่แล้ว (เข้าใจว่าแต่งเรื่องขึ้นเอง) แต่เนื่องจากข้อเท็จจริงให้มาเพิ่มเติมว่า นางแดงยินยอม จึงน่าจะเป็นกรณีที่ บิดา + มารดา มีความประสงค์ที่จะโอนทรัพย์สินที่เป็นสินสมรสให้กับบุตรโดยนายดำมีสินสมรส 6 ไร่ +ที่สวน 1.5 ไร่ และในทางกลับกัน นางแดงมีสินสมรสครึ่งหนึ่งคือ ที่นา 6 ไร่ ที่สวน 1.5 ไร่ (คนละครึ่งเพราะเป็นสินสมรส) เป็นการโอนให้โดยเสน่หา

6.    ส่วนนางดำก็มีมรดก ที่บ้าน 1 ไร่ ที่นา 3 ไร่ (จะให้ลูกสามีใหม่)

ตอบ--- ส่วนนางดำ (น่าจะเป็นนางแดงนะครับ)  มีมรดก (ที่ถูกไม่ใช่มรดก) มีที่บ้าน 1 ไร่ ที่นา 3 ไร่ จะยกให้ลูกสามีใหม่ ก็เป็นสิทธิของผู้เป็นเจ้าของ ถ้าจะพูดให้ชัดและเข้าใจง่ายก็คือ "จะยกให้วัด" ก็ได้ เพราะเป็นสิทธิของผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์

คำถามของคุณ

1.ลูกสามีเก่าไม่พอใจ มีสิทธิ์เรียกร้องที่มรดกจากแม่(คือนางแดง)ตอนนี้ยังมีชีวิต ได้อีกหรือไม่

ตอบ-- ตามคำตอบข้างต้น เขาไม่เรียกมรดก เขาเรียกว่าทรัพย์สินของนางแดง เมื่อนางแดงจะยกให้ใครก็เป็นสิทธิของนางแดง ไม่ว่าลูกสามีเก่า หรือสามีใหม่ก็จะเรียกร้องให้นางแดงยกให้หรือโอนให้ไม่ได้ และจากคำถามย่อยว่า "และนางแดงสามารถเรียกร้อง สิทธิ์ความเป็นแม่จากสินสมรสที่ได้แบ่งให้ลูกสามีคนก่อนได้อีกหรือไม่" เรื่องนี้ตอบได้ว่า   --   เมื่อสมัครใจโอนทรัพย์สินให้แก่บุคคลอื่น ไม่ว่าจะเป็นบุตรหรือบุคคลภายนอกแล้ว โดยเสน่หา ก็ไม่อาจเรียกคืนได้  คำถามต่อเนื่อง "เพราะลูกสามีเก่าไม่มาดูแลแม่เลย สมบัติที่ให้ก็เอาไปกู้เงินตลอดพอธนาคารจะยึด(ที่ถูกน่าจะเป็น--จะถูกยึด) ลูกสามีใหม่ก็ไปไถ่คืนมา" เรื่องนี้ขอตอบว่า การให้โดยเสน่หา เป็นเรื่องสมัครใจที่จะให้ เมื่อให้แล้วไม่มีเหตุถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณ ก็จะเรียกคืนไม่ได้

สนใจศึกษาเรื่องการถอนคืนการให้เพราะเหตุประพฤติเนรคุณ อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา

2.กรณีที่โฉนดที่นาที่พ่อแบ่งให้ของคนชื่อ นางหนึ่ง มีพื้นที่ 3.5 ไร่ (ซึ่งมี่เนื้อทำนาอยู่ 2 ไร่ และพี้นที่ธรรมดา 1.5 ไร่ เขาเอาไปกู้เงินธนาคารแล้วไม่มีเงินไปผ่อนชำระ ธนาคารจะยึด ลูกสามีใหม่ก็ไปไถ่คืนมาโดยทำสัญญาซื้อขายกันโฉนด  3.5 ไร่ โดยลูกสามีใหม่ก็ไปเข้าธนาคารอาคารสงเคราะห์ จนตอนนี้ชำระหนี้หมดแล้ว ประมาณ   10 ปี  ตอนนี้  นางหนึ่ง มาบอกว่าที่ขายที่ให้ขายเฉพาะที่นา 2 ไร่ พื้นที่ธรรมดา 1.5 ไร่ ไม่ได้ให้ ซึ่งนางหนึ่งบอกว่าเป็นของตนเองอยู่ ** งงมาก **

ตอบ--- กรณีที่โฉนดที่นาที่พ่อแบ่งให้ของคนชื่อ นางหนึ่ง มีพื้นที่ 3.5 ไร่ (ซึ่งมี่เนื้อทำนาอยู่ 2 ไร่ และพี้นที่ธรรมดา 1.5 ไร่) เมื่อเขามี่สิทธิเป็นเจ้าของแล้ว (เพราะพ่อแม่ยกให้) เขาจะนำไปทำนิติกรรม อะไรก็ได้ทั้งนั้น  และจะปล่อยให้ธนาคารยึดก็ไม่เกี่ยวกับคนอื่น

 คำถามว่า "ลูกสามีใหม่ก็ไปไถ่คืนมาโดยทำสัญญาซื้อขายกันโฉนด  3.5 ไร่ " 

การซื้อขายที่ว่าได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์กันที่สำนักงานที่ดินหรือไม่ ขอให้ตรวจสอบที่หลังโฉนดที่ดินว่ามีการเปลี่ยนชื่อจากเจ้าของเดิมเป็นของ "ผู้ซื้อ" หรือไม่ 

คำถามต่อมา  " จนตอนนี้ชำระหนี้หมดแล้ว ประมาณ   10 ปี  ตอนนี้  นางหนึ่ง มาบอกว่าที่ขายที่ให้ขายเฉพาะที่นา 2 ไร่ พื้นที่ธรรมดา 1.5 ไร่ ไม่ได้ให้ ซึ่งนางหนึ่งบอกว่าเป็นของตนเองอยู่ ** งงมาก ** "  ตอบได้ว่า เมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์จนถึงขั้นตอนว่า ชำระหนี้ให้ธนาคารหมดแล้ว นางหนึ่ง ก็ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องใด ๆ จากใครอีก ในเรื่องนี้ ขอให้ไปตรวจสอบว่า การขาย มีการโอนกรรมสิทธิ์กันอย่างไร? เพราะจะตอบให้ชัดเจนได้ก็ต้องมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเท่านั้น