ให้พี่เขยและพี่สาวยืมเงิน | |
อยากถาม ทนายว่า นกได้ให้พี่สาวและพี่เขยยืมเงินไปได้ 4 ปีแล้วแต่ไม่ได้ทำสัญญากันเลย เป็นเงิน6 แสนบาท นกจะต้องทำอย่างไงดี ถึงจะให้พี่สาวและพี่เขยหาเงินมาคืนได้ ถ้าจะทำสัญญาทำได้หรือไม่ และจะต้องทำสัญญาอะไร นกจะรอคำตอบค่ะ และขอขอบคุณด้วยค่ะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ นก (gtbuajan-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-26 02:30:40 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2156692) | |
การกู้ยืมเงิน ถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม ก็ไม่สามารถฟ้องร้องกันได้ครับ ถ้าถามว่าจะทำอย่างไรดี คงแนะนำได้เพียงให้ผู้กู้ยืมทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ แล้วกำหนดให้ชำระหนี้กัน ถ้าถึงกำหนดไม่ชำระหนี้ก็ฟ้องตามหนังสือรับสภาพหนี้นั้นได้ครับ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-02-27 01:47:35 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2156746) | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-02-27 12:39:41 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2156750) | |
ผู้ให้กู้ก็รับว่าที่ผู้เสียหาย(ผู้กู้ยืม)ไม่ยอมชำระหนี้ดังกล่าว ก็เพราะไม่มีลายมือชื่อของผู้เสียหาย(ผู้กู้ยืมเงิน) หนี้กู้ยืมเงิน 2,000 บาท ของผู้เสียหาย(ผู้กู้ยืม) จึงไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ยืม ผู้ให้กู้ย่อมฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4882/2550
จำเลยไปหาผู้เสียหายโดยมีเจตนาเพื่อทวงหนี้ที่ผู้เสียหายค้างชำระ โดยก่อนเกิดเหตุจำเลยพยายามยกถังแก๊สที่ผู้เสียหายใช้หุงต้มในการขายก๋วยเตี๋ยวไปเพื่อการชำระหนี้ แต่จำเลยเอาไปไม่ได้เพราะสามีผู้เสียหายไม่ยอมให้เอาไป ต่อมาจำเลยกับผู้เสียหายก็โต้เถียงกันอีกเรื่องที่ผู้เสียหายไม่ชำระหนี้ให้จำเลย ทำให้จำเลยโกรธแค้นจึงเข้ากระชากสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายและเอาสร้อยคอทองคำของผู้เสียหายไปครึ่งเส้น แม้เพื่อชดเชยที่ผู้เสียหายไม่ยอมชำระหนี้ แต่การบังคับชำระหนี้ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย มิใช่กระชากสร้อยคอทองคำครึ่งเส้นของผู้เสียหายไปโดยพลการ ทั้งมูลหนี้ที่จำเลยมาทวงผู้เสียหายนั้น ผู้เสียหายเบิกความว่าเกิดจากหนี้การพนันหวยใต้ดิน ซึ่งจำเลยก็มิได้โต้แย้ง จึงเป็นมูลหนี้ที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย ย่อมไม่ก่อให้เกิดหนี้ที่ผู้เสียหายพึงชำระและแม้จำเลยเบิกความว่าเป็นหนี้เงินยืม จำเลยก็รับว่าที่ผู้เสียหายไม่ยอมชำระหนี้ดังกล่าว ก็เพราะไม่มีลายมือชื่อของผู้เสียหาย หนี้กู้ยืมเงิน 2,000 บาท ของผู้เสียหายจึงไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อผู้เสียหายซึ่งเป็นผู้ยืม จำเลยย่อมฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ กรณีจึงไม่มีมูลหนี้ที่จำเลยจะฟ้องร้องบังคับคดีต่อผู้เสียหายได้ด้วย ดังนั้น การกระชากสร้อยคอครึ่งเส้นของจำเลยดังกล่าว จึงเป็นการเอาไปโดยทุจริต เพื่อแสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยย่อมมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตาม ป.อ.มาตรา 336 ตามพฤติการณ์แห่งคดีที่จำเลยขับรถยนต์ไปพบผู้เสียหายเพื่อทวงหนี้ แต่ผู้เสียหายไม่ยอมชำระหนี้ได้เกิดโต้เถียงกัน จำเลยจึงกระชากสร้อยคอของผู้เสียหายไปได้ครึ่งเส้น เพื่อบังคับชำระหนี้แล้วขับรถยนต์ออกไปจากบริเวณที่เกิดเหตุนั้นยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นการจับกุม การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตาม ป.อ.มาตรา 336 ทวิ การกระทำความผิดของจำเลยเป็นการกระทำที่อุกอาจไม่เคารพต่อกฎหมายของบ้านเมืองส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลซึ่งอยู่ร่วมกันในสังคม พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กรณีจึงไม่ควรรอการลงโทษให้จำเลย โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336, 336 ทวิ ให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำส่วนที่เหลือหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 1,250 บาท แก่ผู้เสียหาย จำเลยให้การปฏิเสธ จำเลยอุทธรณ์ โจทก์ฎีกา พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 336 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 6 เดือน และให้จำเลยคืนสร้อยคอทองคำส่วนที่เหลือหรือใช้ราคาทรัพย์จำนวน 1,250 บาท แก่ผู้เสียหาย ( นพวรรณ อินทรัมพรรย์ - เปรมใจ กิติคุณไพโรจน์ - อร่าม เสนามนตรี )
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-02-27 12:56:34 |
[1] |