ReadyPlanet.com


ปลูกบ้านเกินในที่เป็นมรดก


สวัสดีครับ

คือผมมีปัญหาอยากจะขอความช่วยเหลือ เกี่ยวกับที่ดินมรดก เรื่องมีอยู่ว่า พ่อผมปลูกบ้านไม้ เมื่อประมาณ ปี 2517 ในที่ดินของย่า ต่อมา ในปี 2525 พ่อผมได้ปลูกบ้านอีกหนึ่งหลัง เป็นบ้านปูนแล้วกันรั้วไว้ระหว่างบ้านย่ากับบ้านพ่อผม โดยปลูกอยู่ในที่ของย่าเหมือนเดิม แล้วรื้อหลังเดิมออก ต่อมา ปี 2530 ย่าได้เสียชีวิตลง โดยไม่ได้ยกมรดกให้ใคร นอกจากหนี้สิน เพราะย่าเอาที่ดินไปค้ำประกันเงินกู้ไว้กับคนอื่น ต่อมาปี 2534 พ่อผมได้ขอทะเบียนบ้าน และในปี 2536 ได้ปลูกบ้านปูนอีกหนึ่งหลัง ต่อมาในปี 2538 เจ้าหนี้ได้ให้ทนายความดำเนินการทวงหนี้มายังย่าผม แต่ย่าผมได้เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2530 อา คนนึ่งเลยมาบอกพ่อผมว่ามีจดหมายมาทวงหนี้ที่ย่าเอาโฉนดไปค้ำประกันเงินกู้ ไว้ พ่อผมจึงได้ถามน้อง ๆ ของเขา ซึ่งมีทั้งหมด 7 คน ว่า ให้เอาเงินมาช่วยกันไถ่โฉนดคืน พ่อผมจะไถ่ในส่วนที่ตัวเองปลูกบ้านไว้ ส่วนที่เหลือคนที่ปลูกก็เอาเงินมาช่วยกันไถ่ แต่พวก อา ๆ ปฏิเสธ กันทุกคน เพราะอา 2 คนไม่ได้อยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ก็บอกว่าเขาไม่ได้มาปลูกบ้านที่ตรงนี้ทำไมเขาต้องเสียเงินจ่ายเงินไถ่ที่ดิน ด้วย พ่อผมก็ไปถามอา ๆ ที่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินของย่า อีก 4 คน เขาก้อบอกว่าไม่มีเงิน พ่อผมเลยไม่ได้เงินจากใครเลย ต่อมาทนายจะยื่นฟ้องศาล พ่อผมเลยยอม ชำระหนี้คนเดียว ในปี 2539 แล้วเก็บโฉนดที่ดินเอาไว้ที่บ้าน ต่อมา ปี 2547 พ่อผมได้เสียชีวิตลง แล้วในปี 2549 อา คนหนึ่ง ก้อมาบอกแม่ผมว่าขอที่ดินที่พ่อผมปลูกบ้านเกินไว้เขาจะมาปลูกบ้าน แม่ผมไม่ยอม แล้วต่อว่าไป ว่า ตอนนั้นไม่มีใครเอาที่ดิน พอไถ่ที่ดินมาจะมาเอา พวกอา ๆ เขาไปปรึกษาทนายกัน ทางทนายของ พวกอา ๆ เขาให้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก

แล้วผมกับแม่ ควรทำยังไงครับมีทางแ้ก้ไขบ้างไม๊ครับ ตอนที่ไถ่โฉนดมา ก้อไม่ได้เปลี่ยนชื่อ ยังคงเป็นชื่อ ย่า อยู่ แล้วบ้านที่ปลูกอยู่ปัจจุบัน จะถูกรื้อออกไปไม๊ครับ เพราะถ้าถูกรื้อ อีกครึ่งนึงจะพังลงมาด้วย เพราะถ้าต้องแบ่งกันจริง ๆ บ้านผมน่าจะมีสิทธิ์ครึ่งนึงเพราะปลูกบ้านเกินส่วนของคนอื่นไปครึ่งนึ่ง เพราะตอนที่ปลูกย่าเป็นคนให้ปลูก ผมไม่รู้ว่าจะกลายมาเป็นมรดกในตอนย่าเสีย



ผู้ตั้งกระทู้ sin :: วันที่ลงประกาศ 2011-04-08 15:18:08


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2168154)

ดูรูปคดีแล้วทางคุณกับแม่น่าจะเสียเปรียบอยู่มากเพราะการไปไถ่โฉนดที่ดินมาก็เป็นการกระทำกันเองซึ่งควรที่จะให้เจ้าหนี้ฟ้องตั้งแต่แรกแล้วขอซื้อจากเจ้าหนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมายจะได้มีหลักฐาน เพราะตอนนี้บุคคลที่เกี่ยวข้องก็เสียชีวิตไปแล้วคงเป็นเรื่องที่น่าหนักใจอยู่มาก ฝ่ายทางอาก็รู้อยู่แก่ใจว่าพ่อคุณเป็นคนออกเงินแต่เพียงผู้เดียวก็น่าจะยอม ๆ กันบ้างเพราะถ้าจะถือกฎหมายอย่างเดียวก็คงไม่สุจริต ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ต้องไปใช้หนี้กันชาติหน้าอยู่ดี

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-04-08 23:09:01



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล