ชาวต่างชาติถูกหลอกแต่งงาน | |
ขอเรียนปรึกษาด้านกฎหมายในกรณีชาวต่างชาติ ถูกหญิงไทยหลอกให้แต่งงานจดทะเบียนสมรสที่ต่างประเทศ ฝ่ายชายซื้อที่ดิน และทรัพย์สินให้ฝ่ายหญิงโดยเข้าใจโดยสุจริต คิดว่าการแต่งงานสมบูรณ์ถูกต้อง โดยฝ่ายชายย้ายจากต่างประเทศมาอยู่ที่บ้านของฝ่ายหญิงที่เมืองไทย ซึ่งต่อมาฝ่ายชายได้ซื้อรถ, ที่ดิน และเริ่มสร้างบ้านบนที่ดินที่ซื้อ โดยใส่ชื่อทรัพย์สินทั้งหมดเป็นชื่อของฝ่ายหญิง หลังจากอยู่กับฝ่ายหญิงได้ประมาณ 1 ปีเศษ ฝ่ายหญิงเริ่มหาเรื่องทะเลาะ ทุบตี และไล่ฝ่ายชายออกจากบ้านของฝ่ายหญิง ซึ่งต่อมาฝ่ายชายทราบว่าฝ่ายหญิงได้คบหามีความสัมพันธ์กับชาวต่างชาติอีกคน ฝ่ายชายจึงได้ดำเนินการเรื่องการหย่ากับฝ่ายหญิงที่ต่างประเทศ จนเสร็จสิ้น ต่อมาภายหลังฝ่ายชายได้รับทราบความจริง หลังจากการหย่าว่า ฝ่ายหญิงได้จดทะเบียนสมรสซ้อนกับตน โดยฝ่ายหญิงได้จดทะเบียนหย่ากับสามีเก่าที่เมืองไทย หลังจากที่ได้จดทะเบียนสมรสกับตนที่ต่างประเทศแล้วประมาณ 2 เดือน ในกรณีนี้ไม่ทราบว่าฝ่ายชายสามารถฟ้องร้อง ดำเนินการทางกฎหมาย และเรียกทรัพย์สินคืนจากฝ่ายหญิง ได้หรือไม่?
| |
ผู้ตั้งกระทู้ สายธาร :: วันที่ลงประกาศ 2009-05-07 01:44:06 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1934134) | |
1. ขณะที่จดทะเบียนสมรสระหว่าง หญิง และชายชาวต่างด้าว ไม่ว่าจะได้จดทะเบียนดังกล่าว ณ ที่เมืองไทยหรือต่างประเทศ การจดทะเบียนครั้งหลังเป็นอันโมฆะ มาตรา 1452 ชายหรือหญิงจะทำการสมรสในขณะที่ตนมีคู่สมรสอยู่ ไม่ได้ มาตรา 1495 การสมรสที่ฝ่าฝืน มาตรา 1449,มาตรา 1450,มาตรา 1452 และ มาตรา 1458 เป็นโมฆะ การจดทะเบียนสมรสระหว่างหญิงและชายดังกล่าว เป็นอันสูญเปล่าเสมือนหนึ่งไม่เคยเกิดขึ้นเลยดังนั้นการจดทะเบียนหย่าจึงไม่มีผลใดๆ แต่อย่างไรก็ตาม การสมรสซ้อนดังกล่าวจะใช้ยันบุคคลภายนอกไม่ได้ หมายความว่า หากบุคคลภายนอกเขาเข้าใจว่าเป็นคู่สมรสกัน หากเกิดความเสียหายแก่บุคคลภายนอก จะยกข้อที่ว่า การสมรสระหว่างตนเป็นโมฆะไม่มีผลผูกพันตนไม่ได้ ในกรณีที่ฝ่ายหญิงปิดบังว่าตนเองไม่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อนนั้นเป็นการแจ้งข้อความอันเท็จมีความผิดทางกฎหมายและมีโทษจำคุก ฝ่ายชายชาวต่างชาติซึ่งได้รับความเสียหาย จึงเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา มีอำนาจร้องทุกข์กับตำรวจได้ แต่ในกรณีนี้เหตุเกิดขึ้นที่ต่างประเทศ ดังนั้นความผิดฐานแจ้งความเท็จจะดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในประเทศไทยไม่ได้ครับ สำหรับเรื่องทรัพย์สินนั้นแม้จะซื้อในระหว่างสมรส ก็ต้องดูรายละเอียดในโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ว่า สามีชาวต่างด้าวนั้นได้ทำหนังสือยืนยันว่าเป็นเงินที่นำมาซื้อบ้านและที่ดินนี้เป็นสินส่วนตัวของฝ่ายหญิง ดังนี้แล้ว ฝ่ายชายย่อมไม่มีสิทธิในกรรมสิทธิ์ดังกล่าวเลย แต่ถ้าการซื้อที่ดิน ดังกล่าวไม่ได้ทำหนังสือให้ไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นเงินของตนก็เรียกคืนได้ (บางส่วน)
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-05-07 08:36:17 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1934146) | |
หญิงไทยซึ่งมีสามีเป็นคนต่างชาติจะซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้ จะต้องนำคู่สมรสชาวต่างชาติไปบันทึกกับเจ้าพนักงานที่ดิน โดยถ้าคู่สมรสชาวต่างชาติยืนยันว่า เงินที่ซื้อนั้นเป็นสินส่วนตัวของหญิงไทย ก็สามารถซื้อขายกันได้ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือด่วนที่สุดที่ มท.0710/ว 732 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2542 กำหนดให้เป็นแนวทางปฏิบัติไว้
กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ดังกล่าว โดยให้ยกเลิกหนังสือที่อ้างถึงทั้งหมด และบรรดาระเบียบ คำสั่งอื่นใดในส่วนที่ขัดหรือแย้งกับหนังสือฉบับนี้ โดยให้พนักงานเจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติ ดังต่อไปนี้ 2. กรณีที่บุคคลสัญชาติไทยที่มีคู่สมรสเป็นคนต่างด้าวโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขอซื้อที่ดินหรือขอรับโอนที่ดินในกรณีอื่นที่คล้ายคลึงกันในระหว่างที่อยู่กินฉันสามีภริยากับคนต่างด้าว หากสอบสวนแล้ว ผู้ขอและคู่สมรสที่เป็นคนต่างด้าวได้ยืนยันเป็นลายลักษณ์ อักษรร่วมกันว่า เงินที่บุคคลสัญชาติไทยนำมาซื้อที่ดินทั้งหมดเป็นทรัพย์ส่วนตัวของบุคคลสัญชาติไทยแต่เพียงฝ่ายเดียว มิใช่ทรัพย์ที่ทำมาหาได้ร่วมกัน ก็ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้กับผู้ขอต่อไปได้ http://www.jarataccountingandlaw.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=404849
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น 123 วันที่ตอบ 2009-05-07 08:59:44 |
ความคิดเห็นที่ 3 (1934159) | |
มาตรา 1498 การสมรสที่เป็นโมฆะ ไม่ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ทาง ทรัพย์สินระหว่างสามีภริยา ในกรณีที่การสมรสเป็นโมฆะ ทรัพย์สินที่ฝ่ายใดมีหรือได้มาไม่ว่าก่อน หรือหลังการสมรสรวมทั้งดอกผลคงเป็นของฝ่ายนั้น ส่วนบรรดาทรัพย์สิน ที่ทำมาหาได้ร่วมกันให้แบ่งคนละครึ่ง เว้นแต่ศาลจะเห็นสมควรสั่งเป็น ประการอื่น เมื่อได้พิเคราะห์ถึงภาระในครอบครัว ภาระในการหาเลี้ยงชีพ และฐานะของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย ตลอดจนพฤติการณ์อื่นทั้งปวงแล้ว
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-05-07 09:11:36 |
ความคิดเห็นที่ 4 (1934563) | |
ขอบคุณมากค่ะ สำหรับคำแนะนำ ดิฉันมีคำถามเพิ่มเติมดังนี้ 1. คดีมีอายุความหรือไม่ เนื่องจากฝ่ายชายได้ทราบความจริงเกี่ยวกับการสมรสซ้อน หลังจากหย่ากับฝ่ายหญิงแล้วประมาณ 1 ปี? 2. ฝ่ายชายสามารถฟ้องร้องเป็นคดีหลอกลวง ฉ้อฉล ให้เสียทรัพย์ได้หรือไม่ เนื่องจากฝ่ายหญิงมีพฤติกรรมเดียวกันนี้กับชาวต่างชาติอีกคน คือพยายามหลอกให้แต่งงานก่อน แล้วจึงหย่ากับสามีคนปัจจุบันภายหลัง? ขอบคุณอีกครั้งค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สายธาร วันที่ตอบ 2009-05-08 00:18:02 |
ความคิดเห็นที่ 5 (1934758) | |
1. อายุความในเรื่องทรัพย์สิน ไม่มีครับเพราะ เป็นการทวงถามติดตามเอาทรัพย์ของตนเองคืน --- มาตรา 1336 ภายในบังคับแห่งกฎหมาย เจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิใช้สอย และจำหน่ายทรัพย์สินของตนและได้ซึ่งดอกผลแห่งทรัพย์สินนั้น กับทั้งมีสิทธิ ติดตามและเอาคืนซึ่งทรัพย์สินของตนจากบุคคลผู้ไม่มีสิทธิจะยึดถือไว้ และ มีสิทธิขัดขวางมิให้ผู้อื่นสอดเข้าเกี่ยวข้องกับทรัพย์สินนั้นโดยมิชอบด้วย กฎหมาย 2. การฟ้องร้องในความผิดฐานฉ้อโกง มีอายุความ 3 เดือนหลังจากรู้ตัวผู้กระทำความผิด ----ตามข้อเท็จจริงที่ให้มาก็ไม่น่าจะเข้าหลักเกณฑ์ ความผิดฐานฉ้อโกง เพราะฝ่ายหญิงก็อยู่กินฉันสามีภรรยากันอย่างเปิดเผยจึงน่าจะขาดเจตนาฉ้อโกงครับ แต่ฟ้องเรียกทรัพย์คืนน่าจะยังมีความหวังอยู่มากนะครับ(อยู่ที่ข้อเท็จจริงและรายละเอียด)
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-05-08 18:15:48 |
ความคิดเห็นที่ 6 (1934989) | |
ขอบพระคุณมากค่ะ คุณลีนนท์ สำหรับคำแนะนำ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น สายธาร วันที่ตอบ 2009-05-09 10:30:10 |
ความคิดเห็นที่ 7 (2027902) | |
ตอนนี้ดิฉันโดนฟ้องเรื่องแจ้งความเท็จในการจดทะเบียนสมรสซ้อน | |
ผู้แสดงความคิดเห็น nong วันที่ตอบ 2010-01-24 04:57:46 |
[1] |