ReadyPlanet.com


ขอปรึกษาครับ โดนจี้ในลานจอดรถของห้าง


ปรึกษาครับ พอดีน้าโดนจี้และขโมยรถ ณ ลานจอดรถในห้างแห่งหนึ่ง โดยคนร้ายนั้นบังคับให้น้าไปนั่งฝั่งซ้าย  แต่ระหว่างที่โจรกำลังพยายามสตาร์ทรถ เปิดประตูรถหนีออกมาได้ และพอคนร้ายเห็นดังนั้นก็เลยกระโดดหนีตาม  ทิ้งรถไว้แล้วหายไปในห้าง แต่กล้องวงจรปิดก็สามารถบันทึกหน้าคนร้ายไว้ได้  อยากทราบว่า กรณีนี้เราจะเรียกให้ห้างกดังกล่าว แสดงความรับผิดชอบได้อย่างไรบ้างครับ 
 



ผู้ตั้งกระทู้ ป่าน :: วันที่ลงประกาศ 2011-07-27 19:38:00


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2208950)

กรณีดังกล่าวไม่ใช่เรื่องการขโมยรถยนต์ที่ฝากทางห้างสรรถสินค้าเป็นผู้ดูแล แต่เป็นเรื่องถูกคนร้ายพยายามชิงทรัพย์ แต่กระทำไม่สำเร็จ ทางห้างฯ ไม่มีหน้าที่ต้องรับผิดในเรื่องการก่ออาชญากรรม ห้างฯ ไม่ใช่ผู้กระทำความผิดทางอาญานั้นจึงไม่อาจให้ห้างฯ ต้องรับผิดในทางอาญา ส่วนในทางแพ่ง รถยนต์ก็ไม่ได้ถูกนำออกไปจากห้างฯ โดยความประมาทเลินเล่อของห้างฯ ที่ให้คนร้ายนำรถยนต์ออกไปได้โดยไม่ตรวจบัตรผ่าน และคุณยังไม่ได้รับความเสียหายเกี่ยวกับทรัพย์สินที่อยู่ในเกณฑ์ที่ห้างฯ ต้องรับผิดชอบด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-08-24 13:26:24


ความคิดเห็นที่ 2 (2208956)

 จอดรถยนต์ในห้างสรรพสินค้ารถถูกขโมยทางห้างฯ ต้องรับผิดชอบหรือไม่?

โจทก์ฟ้องว่า รปภ รับจ้างดูแลความปลอดภัยในบริเวณที่ขายสินค้าของห้างสรรพสินค้ารวมทั้งดูแลรถยนต์ของลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในบริเวณที่ขายสินค้า ผู้เอาประกันภัยของโจทก์ขับรถยนต์ไปจอดที่ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้า เพื่อซื้อสินค้า รปภ ได้กระทำด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวถูกลักไป ขอให้ รปภ และห้างสรรพสินค้าร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน รปภ ให้การว่า การนำรถมาจอดที่ลานจอดรถ ลูกค้าสามารถหาที่จอดได้ตามความพอใจ ทางห้างสรรพสินค้า มิได้เก็บค่าจอดรถหรือรับมอบของสิ่งใดจากลูกค้ามาเก็บรักษา เหตุที่รถยนต์สูญหายไปเป็นความประมาทเลินเล่อของลูกค้าเอง   ห้างสรรพสินค้าให้การว่า ในการนำรถเข้าจอด ลูกค้าสามารถเลือกหาที่จอดได้และต้องรับผิดชอบเพื่อไม่ให้รถสูญหายด้วยตนเอง ตลอดเวลาที่รถยนต์จอดอยู่ที่ลานจอดรถ ลูกค้าเป็นผู้เก็บรักษากุญแจรถไว้เอง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง  ศาลอุทธรณ์พิพาษายืน ศาลฎีกาพิพากษาว่า การที่ลูกค้านำรถเข้าไปจอดดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นการมอบการครอบครองรถจึงไม่ใช่สัญญาฝากทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาฝากทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่  1936/2549

          การที่จำเลยที่ 2 จัดสถานที่จอดรถให้แก่ลูกค้า ผู้ที่นำรถเข้าไปจอดเป็นผู้หาที่จอดรถเองและเก็บลูกกุญแจรถไว้เอง พนักงานของจำเลยที่ 1 มอบบัตรจอดรถให้ตอนขาเข้า คอยดูแลจัดหาที่จอดรถ และรับบัตรจอดรถคืนตอนขาออกเป็นการช่วยรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่นำรถเข้าไปจอด โดยไม่เก็บค่าจอดรถ การที่ลูกค้านำรถเข้าไปจอดดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นการมอบการครอบครองรถให้แก่จำเลยทั้งสอง จึงไม่ใช่สัญญาฝากทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 657 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาฝากทรัพย์

          บัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 ที่พนักงานของจำเลยที่ 1 แจกให้แก่ลูกค้าเมื่อนำรถเข้าจอดในลานจอดรถยนต์เป็นหลักฐานสำคัญที่จะแสดงว่ารถของลูกค้า ซึ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถสูญหายอาจเกิดจากพนักงานของจำเลยที่ 1 ปล่อยรถออกไปโดยมิได้ตรวจและเรียกบัตรจอดรถคืน หรือเจ้าของรถประมาทเลินเล่อลืมบัตรจอดรถไว้ในรถเป็นเหตุให้คนร้ายที่ลักรถนำบัตรจอดรถไปแสดงต่อพนักงานของจำเลยที่ 1 แล้วนำรถออกไปได้ หรือแม้แต่เจ้าของรถรู้เห็นกับคนร้ายโดยให้บัตรจอดรถแก่คนร้ายให้นำรถออกไปก็เป็นได้ กล่าวคือ บัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 ต้องยังอยู่ในความครอบครองของเจ้าของรถ เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์มีบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 มาแสดงว่า บัตรจอดรถยังอยู่กับโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาทแต่พนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อปล่อยรถยนต์พิพาทออกไปโดยไม่ได้ตรวจบัตรจอดรถ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์พิพาทสูญหายไป
________________________________

          โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยที่ 1 รับจ้างดูแลความปลอดภัยในบริเวณที่ขายสินค้ารวมทั้งดูแลรถยนต์ของลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้าในบริเวณที่ขายสินค้าของจำเลยที่ 2 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2538 เวลา 19.30 นาฬิกา นายสุเทพ  ขับรถยนต์พิพาทหมายเลขทะเบียน 7 ผ - xxxx กรุงเทพมหานคร ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับโจทก์เข้าไปจอดที่ลานจอดรถในบริเวณที่ขายสินค้าของจำเลยที่ 2 เพื่อซื้อสินค้า แต่ลูกจ้างจำเลยที่ 1 ได้กระทำด้วยความประมาทเลินเล่อปราศจากความระมัดระวังซึ่งบุคคลในภาวะเช่นนั้นจักต้องมีตามวิสัยและพฤติการณ์และลูกจ้างจำเลยที่ 1 อาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้ให้เพียงพอไม่ เป็นเหตุให้รถยนต์คันดังกล่าวถูกลักไป โจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์พิพาทชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยหรือผู้รับประโยชน์ไปแล้วจำนวน 260,000 บาท จึงรับช่วงสิทธิตามกฎหมายมาเรียกร้องเอาจากจำเลยทั้งสองพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่โจทก์ชำระค่าสินไหมทดแทนคำนวณดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 13,000 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 273,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงิน 260,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

          จำเลยที่ 1 ให้การว่า การนำรถมาจอดที่ลานจอดรถของจำเลยที่ 2 ลูกค้าสามารถหาที่จอดได้ตามความพอใจ โดยจำเลยที่ 1 มิได้เก็บค่าจอดรถหรือรับมอบของสิ่งใดจากลูกค้ามาเก็บรักษา เหตุที่รถยนต์พิพาทสูญหายไปเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ครอบครองรถ มิใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง

          จำเลยที่ 2 ให้การว่า ในการนำรถเข้าจอด ลูกค้าสามารถเลือกหาที่จอดได้และต้องรับผิดชอบเพื่อไม่ให้รถสูญหายด้วยตนเอง จำเลยที่ 2 จึงไม่เคยรับฝากรถยนต์พิพาท ตลอดเวลาที่รถยนต์พิพาทจอดอยู่ที่ลานจอดรถ นายสุเทพเป็นผู้เก็บรักษากุญแจรถไว้โดยตลอด จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

          ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทการ์เดียนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับประกันภัยจำเลยที่ 2 เพื่อความรับผิดต่อบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต

          จำเลยร่วมให้การว่า การที่จำเลยที่ 2 ให้รถยนต์มาจอดในลานจอดรถของจำเลยที่ 2 ก็เพื่อความสะดวกแก่ลูกค้าที่เข้ามาซื้อสินค้า โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้ให้ความสะดวกจัดการจราจรให้เป็นระเบียบเรียบร้อยเท่านั้น จำเลยทั้งสองมิได้รับมอบกุญแจรถจากผู้นำรถเข้ามาจอดและมิได้คิดค่าบริการในการจอดรถ จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง

          ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

          โจทก์อุทธรณ์
          ศาลอุทธรณ์พิพาษายืน

          โจทก์ฎีกา
          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันรถยนต์กระบะยี่ห้อนิสสัน หมายเลขทะเบียน 7 ผ - xxxx กรุงเทพมหานคร ไว้จากนางสุนันทา  เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2538 เวลา 19.30 นาฬิกา ซึ่งอยู่ในอายุสัญญาประกันภัย นายสุเทพ  สามีนางสุนันทาขับรถยนต์พิพาทที่โจทก์รับประกันภัยไปที่บริษัทจำเลยที่ 2 สาขาแจ้งวัฒนะเพื่อซื้อสินค้าโดยจอดรถยนต์พิพาทไว้ที่ลานจอดรถของบริษัทจำเลยที่ 2 ปรากฏว่ารถยนต์พิพาทสูญหายไป โจทก์ได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัยเป็นเงิน 260,000 บาท คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า การที่จำเลยที่ 2 จัดสถานที่จอดรถให้แก่ลูกค้า ผู้ที่นำรถเข้าไปจอดเป็นผู้หาที่จอดรถเองและเก็บลูกกุญแจรถไว้เอง พนักงานของจำเลยที่ 1 มอบบัตรจอดรถให้ตอนขาเข้าคอยดูแลจัดหาที่จอดรถ และรับบัตรจอดรถคืนตอนขาออก เป็นการช่วยรักษาความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่นำรถเข้าไปจอด โดยไม่เก็บค่าจอดรถ การที่ลูกค้านำรถเข้าไปจอดดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นการมอบการครอบครองรถให้แก่จำเลยทั้งสองจึงไม่ใช่สัญญาฝากทรัพย์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 657 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาฝากทรัพย์

          ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยแก่รถที่เข้าจอดโดยพนักงานของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของรถนำรถออกไปจากลานจอดรถ การที่รถยนต์พิพาทสูญหายจึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยทั้งสอง เห็นว่า คดีนี้โจทก์และจำเลยทั้งสองนำสืบตรงกันว่า ทางปฏิบัติจะมีพนักงานของจำเลยที่ 1 แจกบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 แก่ลูกค้าเมื่อนำรถเข้าจอดในลานจอดรถและเก็บบัตรจอดรถคืนเมื่อลูกค้านำรถออกจากลานจอดรถ ดังนั้น การที่รถยนต์ซึ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถสูญหายอาจเกิดจากพนักงานของจำเลยที่ 1 ปล่อยรถออกไปโดยมิได้ตรวจและเรียกบัตรจอดรถคืน หรือเจ้าของรถประมาทเลินเล่อลืมบัตรจอดรถไว้ในรถเป็นเหตุให้คนร้ายที่ลักรถนำบัตรจอดรถไปแสดงต่อพนักงานของจำเลยที่ 1 แล้วนำรถออกไปได้หรือแม้แต่เจ้าของรถรู้เห็นกับคนร้ายโดยให้บัตรจอดรถแก่คนร้ายให้นำรถออกไปก็เป็นได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าหลักฐานสำคัญที่จะแสดงว่ามีการนำรถเข้าจอดในลานจอดรถแล้วสูญหายเพราะพนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อ คือบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในความครอบครองของเจ้าของรถ แต่คดีนี้โจทก์ไม่มีบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 มาแสดงว่า บัตรจอดรถยังอยู่กับเจ้าของรถยนต์พิพาท แต่พนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อปล่อยรถยนต์พิพาทออกไปโดยไม่ได้ตรวจบัตรจอดรถส่วนนายสุเทพคนขับรถยนต์พิพาทและนางสุนันทาผู้เอาประกันภัยซึ่งร่วมเดินทางไปกับนายสุเทพในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นพยานสำคัญที่จะให้ความกระจ่างในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 หรือไม่ ลืมบัตรจอดรถไว้ในรถยนต์พิพาทหรือไม่ และได้ล็อกประตูรถยนต์พิพาทไว้หรือไม่ โจทก์ก็ไม่ได้ตัวนายสุเทพและนางสุนันทามาเบิกความเป็นพยาน โจทก์คงมีเพียงนายไพรัชต์ พนักงานของโจทก์ซึ่งมิได้อยู่ในเหตุการณ์มาเบิกความว่า วันเกิดเหตุพนักงานจำเลยที่ 1 ไม่ได้มอบบัตรจอดรถให้นายสุเทพ เนื่องจากบัตรจอดรถหมดจึงมีน้ำหนักน้อย...พยานหลักฐานของโจทก์เท่าที่นำสืบมาไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังว่า จำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์พิพาทสูญหายไป จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายของรถยนต์พิพาท โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะรับช่วงจากผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมรับผิดต่อโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

          อนึ่ง ศาลอุทธรณ์สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแต่เพียงว่า ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ เป็นการสั่งค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง”

          พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาให้เป็นพับ

( สมศักดิ์ เนตรมัย - สุรพล เจียมจูไร - ชวลิต ตุลยสิงห์ )
 

ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2011-08-24 13:44:14



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล