ReadyPlanet.com


ขอความรู้เรื่องมรดก


เรียนท่านทนายความ

         เนื่องจากมารดาของกระผมได้เสียชีวิต ปี 2537 ผมและบิดาได้ขายร้านค้าของมารดามาก่อสร้างบ้านในพื้นที่ของปู่ที่มอบให้บิดาและมารดาขณะที่ปู่ยังมีชีวิตโดยสร้างบ้านอยู่อาศัยราคา 450,000.- บาท มีบิดาเป็นเจ้าบ้าน ผู้อาศัยมีดังนี้.- บุตรคนโต, บุตรคนรอง,บุตรคนเล็กและหลานอีก 2 คน เมื่อปี 2538 บิดาได้อยู่กินกับภรรยาใหม่ และนำมาอาศัยอยู่ที่บ้านด้วย (ผมเรียกว่าน้า) ตั้งแต่นั้นมา ต่อมาบิดาได้ขายรถเก๋งคันเก่าในราคา 40,000.-บาท เพื่อไปซื้อรถปิคอัพมือสอง ราคา 240,000.-บาท และต่อมาได้นำรถคันดังกล่าวไปดาวน์รถปิคอัพป้ายแดง ราคาประมาณ 600,000.-บาท (ในนามชื่อของภรรยาใหม่) และบิดาได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาใหม่ เมื่อปี 2552 (ทีผ่านมาไม่ได้จดทะเบียนสมรส) เมื่อวันที่ 9 พ.ย.54 บิดากระผมได้เสียชีวิตและทำการบำเพ็ญกุศลเรียบร้อย  ในเวลาต่อมา น้าได้ให้น้องและหลานทำการขนของออกจากบ้านเพื่อที่จะเอาบ้านให้เขาเช่า โดยให้น้องกระผมและหลานไปอาศัยอยู่กับป้าและบอกว่า บ้านและที่ดิน น้าได้ซื้อจากพ่อแล้ว โดยบิดาของกระผมได้ยืมเงินน้าเป็นเงินจำนวน 500,000.- บาท และมีหลักฐานการโอนที่ดิน (ที่ของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์) พร้อมสิ่งปลูกสร้าง จึงขอให้น้องและหลานขนของออกในเร็ววัน ผมจึงถามว่า รถบิดาของกระผมอยู่ที่ไหน น้าตอบว่า รถเป็นชื่อน้าซื้อเองและเอาไปจอดไว้ที่บ้านของน้าแล้ว (อีกอำเภอหนึ่ง) 

      กระผมขอเรียนถามท่านดังนี้ครับ

      1. บ้านพร้อมที่ดินโอนเป็นชื่อของน้าและลูก (ลูกสามีเก่าของน้า) เมื่อปี 2553 (ผมมีสิทธิ์เรียกร้องคืนได้หรือไม่)

      2. รถปิคอัพที่บิดาใช้อยู่ซึ่งเป็นชื่อน้านั้นเป็นสินสมรสหรือไม่ (ผมควรจะได้ส่วนของบิดาหรือไม่)

      3. สามีกับภรรยาโดยมีทะเบียนสมรส เป็นหนี้กันทางกฎหมายได้หรือไม่

      จึงเรียนมาเพื่อโปรดกรุณาตอบข้อสงสัยแนะนำให้กับกระผมด้วยครับ 

      ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง                                                                                        



ผู้ตั้งกระทู้ รังสรรค์ :: วันที่ลงประกาศ 2011-12-12 09:25:09


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2246912)

1. บ้านพร้อมที่ดินโอนเป็นชื่อของน้าและลูก (ลูกสามีเก่าของน้า) เมื่อปี 2553 (ผมมีสิทธิ์เรียกร้องคืนได้หรือไม่)

ตอบ - เนื่องจากทรัพย์สินของแม่ที่คุณอ้างว่าได้ขายเป็นเงินและนำปลูกสร้างบ้านเป็นข้อเท็จจริงที่ยากที่จะพิสูจน์เพราะบิดาของคุณได้จำหน่ายไประหว่างมีชีวิต หากคุณเห็นว่าการกระทำของบิดาไม่ถูกต้องก็ต้องคัดค้านในขณะโอนแต่กลับเวลาล่วงเลยจนบิดาเสียชีวิตแล้ว ทำให้ยุ่งยากแก่การพิสูจน์ครับ

2. รถปิคอัพที่บิดาใช้อยู่ซึ่งเป็นชื่อน้านั้นเป็นสินสมรสหรือไม่ (ผมควรจะได้ส่วนของบิดาหรือไม่)

ตอบ - ผมยังลำดับเรื่องรถยนต์ไม่ถนัดนักเพราะคุณพยายามบอกว่าขายรถเดิมได้ 40,000 บาท แต่ได้ขายเป็นเงินมาออกรถป้ายแดงในที่สุด ซึ่งคำตอบก็คล้าย ๆ กับข้อ 1 คือพิสูจน์ยากจริง ๆ เพราะขายรถไปแล้วตัวเงินอยู่ที่ใครจะพิสูจน์อย่างไร และภริยาใหม่ของพ่อก็คงไม่ยอมรับรู้ในเรื่องนี้

3. สามีกับภรรยาโดยมีทะเบียนสมรส เป็นหนี้กันทางกฎหมายได้หรือไม่

ตอบ - จริง ๆ ไม่มีกฎหมายห้ามไว้ครับ หากทำเป็นหนังสือและพิสูจน์ได้ก็สามารถเป็นหนี้กันได้ แต่ในทางปฏิบัติจะแยกอย่างไร และฝ่ายที่เป็นผู้กู้นำเงินของอีกฝ่ายหนึ่งไปใช้จ่ายส่วนตัวเรื่องอะไร ถามว่ามีได้หรือไม่ ตอบว่าได้ แต่ถ้ามีปัญหาในระหว่างที่สามีภริยายังมีชีวิตอยู่ก็โต้เถียงกันไป ให้ศาลชี้ขาดได้ สำหรับกรณีของคุณเป็นการจำหน่ายในระหว่างมีชีวิต และรถยนต์ก็มีชื่อของภริยามาแต่ต้น ทำไมคุณไม่คัดค้านก่อนที่บิดาจะเสียชีวิต ซึ่งจะมีปัญหาในเรื่องใครพูดจริงหรือไม่จริงกันแน่??? ระหว่างแม่เลี้ยง กับ ลูกเลี้ยง แต่โดยสรุป งานนี้คุณเสียเปรียบอยู่มากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์ วันที่ตอบ 2012-01-21 22:32:52



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล