ReadyPlanet.com


ทรัพย์มรดก


 สามีไม่ได้จดทะเบียนกันมีลูกชาย 1 คน ต่อมาได้เลิกกัน ตอนปี 51 พอต่อมาปี 53 สามีได้เสียชีวิต มีทรัพย์มรดกคือบ้าน 1 หลัง ช่วงหลังสามีเสียได้คุยกับพ่อสามีว่าขอเงินคืนที่ยืมไปแสนกว่าบาท พ่อสามีก็บอกว่าบ้านยังติดจำนองอยู่ จะเอาเงินที่ไหนมาให้ จะให้แม่แท้ของสามีเซ็นเอกสาร แต่แม่เขาไม่เซ็นเพราะกลัวว่าพ่อและแม่เลี้ยงจะเอาไปทำอะไรเพราะแม่สามีอ่านหนังสือไม่ออก หลังจากนั้นดิฉันก็ให้แม่สามีขอเป็นผู้จัดการมรดก เพราะดิฉันจะเอาไปทำนิติกรรมที่ยังเป็นชื่อเขาอยู่ และได้ทำเรื่องว่าสามีกู้เงินดิฉันไปและให้แม่ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกมารับทราบทำประนีประนอมกัน เมื่อเรื่องจบเสร็จประมาณเดือนมี.ค. 55 ทนายก็ได้จะนำเรื่องไปยึดทรัพย์ ก็ได้ให้แม่สามีไปขอคัดรับรองที่ดินแปลงนั้น จึงได้รู้ว่าพ่อและแม่เลี้ยงของสามีแอบไปขอเป็นผู้จัดการมรดกหลังจากสามีตายทันที (ซึ่งเป็นก่อนที่แม่สามีเป็น) และได้ทำการขายที่แปลงนั้นให้กับคนอื่นแล้วเมื่อเดือนมกราคม 55 ซึ่งดิฉันได้ให้แม่ไปขอคัดวันที่ 10 เมษายน 2555 แต่กว่าแม่สามีจะส่งมาให้ก็หลังสงกรานต์แล้ว เพราะเขาอ่านไม่ออกเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พอรู้ก็เลยไม่สามารถทำการอายัดได้ ก็เลยให้แม่สามีไปคุยกับพ่อสามี แม่เลี้ยงสามีเขาว่าจะไม่คืนเงินให้เลยแม้แต่บาทเดียว  พอดีไปรู้มาอีกว่าพ่อสามีได้ซื้อบ้านหลังนี้คืนจากคนที่ขายไปแล้วเอาไปจำนองกับธนาคารกสิกร เมื่อเดือน 30 พ.ค. 55 ทนายดิฉันก็ว่ากลับมาเป็นชื่อพ่อแล้วสามารถอายัดยึดบ้านหลังนี้ได้ ก็เลยไปทำเรื่องบังคับคดี วันที่ 6 มิ.ย. 55 แต่ทางบังคับคดีทางจังหวัดสามีบอกว่าไม่ได้เพราะมันไม่ใช่ทรัพย์มรดกแล้ว ก็เลยไม่สามารถยึดบ้านหลังนี้ได้ แต่ได้ทำเรื่องไปที่บังคับคดีที่จังหวัดที่สามีอยู่แล้วได้ทำหนังสือจากบังคับคดีให้มาคุยกัน และดิฉันได้ให้ทนายไปขอคัดดูว่าตอนเขาแจ้งขอเป็นผู้จัดการมรดกได้แจ้งไหมว่าสามีมีภรรยาและบุตรไหม (ลุงสามีแนะนำว่าต้องไม่มีแน่ ๆ ) และเป็นไปตามที่คาดไว้ว่า พ่อสามีแจ้งกับศาลว่าผู้ตายไม่มีภรรยาและบุตร  ทางเจ้าหน้าที่บังคับคดี แนะนำให้ฟ้องศาล เพราะเป็นอาญา ยักยอกทรัพย์มรดก ก็คุยกันกับลุงป้า สามีว่าเราอยากได้แค่เงินคืน ตอนแรกเขาว่าจะคืนให้ดิฉันก็ขอ 3 แสนเพราะเขาว่าสามารถกู้เงินได้ แต่ก็เงียบและพอมารู้ว่าเอาบ้านเข้าธนาคารได้เป็นล้านก็เลยว่าจะคุยขอเขา 5 แสนเพราะที่ผ่านมาเสียเงินตามทวงหนี้มาเยอะและจะแบ่งแม่สามีด้วย ก็เลยว่าจะแจ้งความตอนแรกแม่สามีจะแจ้งให้แต่เขาว่าตำรวจไม่รับแจ้งและเขาก็อยู่ในอำเภอเดียวกันกับพ่อสามีและแม่เลี้ยงสามี ก็โดนทำร้าย เพราะพ่อสามีเป็นตำรวจ ดิฉันก็เลยจะแจ้งความแทนโดยใช้สิทธิ์ลูกชายซึ่งเป็นผู้มีสิทธิ์ในทรัพย์มรดกนี้ ก็จะยื่นหนังสือถึงผู้บังชาการของพ่อสามี และก็จะแจ้งความด้วย ก็รอมาซักพัก ได้เอะใจ มีอายุความไหมนะ ได้คุยกับญาติบอกว่ามีอายุความ 3 เดือน หลังจากรู้ว่ายักยอกทรัพย์มรดกและใครเป็นผู้ยักยอก เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 55 ที่บังคับคดีมีหนังสือถึงพ่อสามีและแม่สามีในฐานะผู้จัดการมรดกให้มาคุยไกล่เกลี่ยเรื่องหนี้สิน พ่อสามีไม่มา มาแต่แม่สามี ก็ได้คุยประนีประนอมกันว่าให้แม่สามีไปคุึยกับพ่อให้นำเงินมาคืน ภายใน 3 เดือน แต่ดิฉันอยู่แล้วว่าเขาจะไม่มาและไม่คืนเงินด้วย ตอนแรกก็ไม่อยากจะขึ้นศาล อยากให้ตำรวจรับแจ้งความเพื่อดึงเรื่องอายุความ และรอผลจากผู้บังคับบัญชาพ่อสามีจะช่วยไกล่เกลี่ยให้ไหม แต่ตอนนี้ที่กังวลคือเรื่องอายุความ เพราะถ้าหมดเรื่องอายุความอาญา รับรองดิฉันอดเงินแน่ ๆ เพราะถ้าเป็นแพ่งเขาไม่คิดจะคืนแน่ ๆ เพราะแม่เลี้ยงบอกว่าจะหักหลังดิฉันจะไม่คืนเงินซักบาทเดียว ดิฉันก็ไม่รู้ว่าดิฉันไปทำอะไรให้เขา เงินที่เอาไปก็โกงเงินดิฉันไปด้วย ไม่ได้ให้ยืม จึงเกิดความเครียด เลยอยากจะปรึกษา (ทนายที่ใช้บริการอยู่ก็ไม่แม่น พลาดไปหลายครั้งแล้วและต้องเสียค่าน้ำมันไปแต่ละครั้ง)

ข้อ 1 อยากทราบว่าการนับอายุความยักยอกทรัพย์มรดกนี้ จะเริ่มจากไหนค่ะ จากวันที่แม่สามีไปคัดจากที่ดิน คือ วันที่ 30 พ.ค. หรือ วันที่ทนายไปคัด ที่ศาลเรื่องที่พ่อสามีขอเป็นผู้จัดการมรดกแล้วเบิกความเท็จ วันที่ 6 มิ.ย. 55 

ข้อ 2 ถ้าดิฉันสามารถแจ้งความได้ดีกว่าจะไปฟ้องศาลไหม แล้วตำรวจมีสิทธิ์ปฏิเสธไม่รับแจ้งความเรื่องนี้ไหม เพราะตอนแรกแม่สามีโดนปฏิเสธมา แล้วสูติบัตรลูกต้องใช้รับรองสำเนาถูกต้องจากอำเภอจริงไหม เพราะไปแล้วตำรวจบอกว่าต้องรับรองจากอำเภอ และทนายจะรู้เรื่องนี้ไหม และมีเอกสารอย่างอื่นไหมที่ต้องใช้รับรองจากอำเภออีกไหม กลัวไปเสียเที่ยวอีก ลูกชายเปลี่ยนชื่อด้วยต้องใช้รับรองด้วยไหม (ทนายบอกมาว่าขาดแค่ตัวนี้อย่างเดียวแต่ดิฉันอยากได้ความมั่นใจกลัวเสียเงินค่าน้ำมันรถอีก)

ข้อ 3 ถ้าตำรวจรับแจ้งความแล้ว อายุความได้อีกกี่ปี แล้วดิฉันต้องทำอย่างไรต่อ

ข้อ 4 ถ้าต้องฟ้องศาลเรื่องนี้มีค่าใช้จ่ายในการฟ้องประมาณเท่าไร เสียเวลานานไหม แล้วทางพ่อสามีจะมีอะไรมาขัดแย้งเรื่องนี้ได้ไหม มีสิทธิ์ที่เราจะแพ้คดีนี้ไหม

ข้อ 5 แล้วถ้าฟ้องแล้วฝ่ายดิฉันเป็นฝ่ายชนะ ดิฉันจะได้เงินคืนไหม ถ้าเขาว่าเงินที่กู้ธนาคารมาใช้หมดแล้ว หรือนิติกรรมที่พ่อสามีทำมาเป็นโมฆะ หรือว่าถ้าพ่อสามีไม่มีเงินให้จะต้องติดคุกไหม ถ้าเราไม่ยอมคืนเงินให้ (เพราะคนที่เก็บเงินเป็นแม่เลี้ยงเคยไปคุยกับเขาเขาก็บอกว่าอยากฟ้องก็ฟ้องคนที่ติดไม่ใช่เขาเป็นพ่อสามี) 

ขอโทษนะค่ะ ที่เขียนยาวไปหน่อยเพราะว่าตอนนี้สับสนมาก ไม่รู้จะเอาไงดีแล้วค่ะ ทนายที่ใช้ก็ไม่แม่น ไม่กล้ากับตำรวจ ช่วยตอบให้ด้วยนะค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ jip_joi :: วันที่ลงประกาศ 2012-07-13 13:07:07


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2294630)

ข้อ 1 อยากทราบว่าการนับอายุความยักยอกทรัพย์มรดกนี้ จะเริ่มจากไหนค่ะ จากวันที่แม่สามีไปคัดจากที่ดิน คือ วันที่ 30 พ.ค. หรือ วันที่ทนายไปคัด ที่ศาลเรื่องที่พ่อสามีขอเป็นผู้จัดการมรดกแล้วเบิกความเท็จ วันที่ 6 มิ.ย. 55 

ตอบ - ควรเป็นวันที่รู้ว่าเขายักยอก ซึ่งตามคำบอกเล่ามานี้ น่าจะนับแต่วันที่คุณได้รับเอกสารจากแม่สามีและรู้ว่าที่ดินถูกขายไปแล้วจึงเป็นวันรู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิดครับ

ข้อ 2 ถ้าดิฉันสามารถแจ้งความได้ดีกว่าจะไปฟ้องศาลไหม แล้วตำรวจมีสิทธิ์ปฏิเสธไม่รับแจ้งความเรื่องนี้ไหม เพราะตอนแรกแม่สามีโดนปฏิเสธมา แล้วสูติบัตรลูกต้องใช้รับรองสำเนาถูกต้องจากอำเภอจริงไหม เพราะไปแล้วตำรวจบอกว่าต้องรับรองจากอำเภอ และทนายจะรู้เรื่องนี้ไหม และมีเอกสารอย่างอื่นไหมที่ต้องใช้รับรองจากอำเภออีกไหม กลัวไปเสียเที่ยวอีก ลูกชายเปลี่ยนชื่อด้วยต้องใช้รับรองด้วยไหม (ทนายบอกมาว่าขาดแค่ตัวนี้อย่างเดียวแต่ดิฉันอยากได้ความมั่นใจกลัวเสียเงินค่าน้ำมันรถอีก)

ตอบ -  ควรแจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญา ส่วนคดีแพ่งก็ต้องดำเนินการควรคู่กันไปครับ ตำรวจคงไม่ปฏิเสธครับเพราะเป็นหน้าที่ ส่วนที่เขาปฏิเสธแม่สามีก็ต้องฟังเหตุผลของตำรวจด้วยว่ามีเหตุขัดข้องประการใด สำหรับเอกสารทุกชนิดต้องคัดถ่ายจากสำนักงานอำเภอแล้วให้ทางเจ้าหน้าที่รับรองสำเนาถูกต้องให้ (ซึ่งปกติเจ้าหน้าทำให้โดยไม่ต้องบอก)  เปลี่ยนชื่อก็ต้องมีเอกสารการเปลี่ยนชื่อด้วยครับ

ข้อ 3 ถ้าตำรวจรับแจ้งความแล้ว อายุความได้อีกกี่ปี แล้วดิฉันต้องทำอย่างไรต่อ

ตอบ - อายุความ 10 ปี ครับ

ข้อ 4 ถ้าต้องฟ้องศาลเรื่องนี้มีค่าใช้จ่ายในการฟ้องประมาณเท่าไร เสียเวลานานไหม แล้วทางพ่อสามีจะมีอะไรมาขัดแย้งเรื่องนี้ได้ไหม มีสิทธิ์ที่เราจะแพ้คดีนี้ไหม

ตอบ - โอกาสชนะคดีสูงครับ สำหรับเรื่องอื่นโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 085 9604258

ข้อ 5 แล้วถ้าฟ้องแล้วฝ่ายดิฉันเป็นฝ่ายชนะ ดิฉันจะได้เงินคืนไหม ถ้าเขาว่าเงินที่กู้ธนาคารมาใช้หมดแล้ว หรือนิติกรรมที่พ่อสามีทำมาเป็นโมฆะ หรือว่าถ้าพ่อสามีไม่มีเงินให้จะต้องติดคุกไหม ถ้าเราไม่ยอมคืนเงินให้ (เพราะคนที่เก็บเงินเป็นแม่เลี้ยงเคยไปคุยกับเขาเขาก็บอกว่าอยากฟ้องก็ฟ้องคนที่ติดไม่ใช่เขาเป็นพ่อสามี) 

ตอบ - จะได้เงินหรือไม่อยู่ที่ขั้นตอนการบังคับคดี ดังนั้นอย่าเพิ่มไปคิดไกลถึงเรื่องนั้น ชั้นแรกนี้ต้องฟ้องตั้งสิทธิของเราให้ชนะคดีมีคำพิพากษาเป็นเจ้าหนี้เสียก่อน เรื่องต่อไปยังมีเวลาอีก 10 ปีในการบังคับคดีครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์ วันที่ตอบ 2012-08-17 17:17:17



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล