รับฝากรถแล้วรถหาย | |
สวัสดีครับ ผมมีเรื่องปรึกษาหน่อยครับ คือที่บริเวณบ้านค่อนข้างกว้าง ( มีรั้วรอบขอบชิดครับ ) ประตูปิด-เปิดเป็นเวลา 07.00 - 20.00 น. ผมจะทำเป็นที่ฝากรถครับ *น่าจะรับฝากได้ประมาณ 7-12 คันครับ แต่ผมกลัวรถของคนที่มาฝากหายครับ (( สมมุติว่ารถหายก็แล้วกัน )) ถ้ารถหายผมต้องรับผิดชอบใหมครับ ( ค่าฝากรถเดือนละ 500 บาท ) โดยไม่มีบัตรฝากรถนะครับ อาสัยจำหน้าคนที่มาฝากครับ แต่ผมมีกล้องวงจรสามารถตรวจสอบได้ครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ สาธิต :: วันที่ลงประกาศ 2012-10-25 09:53:57 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2315868) | |
ตามข้อเท็จจริงน่าจะเข้าได้กับสัญญาฝากทรัพย์นะครับ เมื่อยังไม่มีเหตุการณ์เสียหายเกิดขั้น ก็น่าจะดำเนินการหามาตรการดูแลความปลอดภัยให้กับรถยนต์ของผู้มาใช้บริการ คำพิพากษาของศาลฎีกามีหลายแนว เช่น เจ้าของรถยนต์ฝากกุฐแจรถไว้ ออกบัตรจอดรถให้ลูกค้า ไม่ออกบัตรจอดรถให้ เขียนข้อความยกเว้นความรับผิดไว้เป็นต้น จึงนำแนวทางต่างมาให้อ่านดังนี้ครับ สัญญาฝากทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองแต่ให้ค่าเสียหายไม่เต็มตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นนิติบุคคลจะมีวัตถุประสงค์ในการรับฝากทรัพย์หรือไม่ก็ตาม เมื่อจำเลยที่ 1 รับฝากทรัพย์ไว้และได้รับบำเหน็จค่าฝากตลอดมา จำเลยที่ 1 จะปลีกตนให้พ้นความรับผิดหาได้ไม่ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์0859604258 วันที่ตอบ 2012-11-18 10:30:36 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2315870) | |
เจ้าของรถหาที่จอดเองเก็บลูกกุญแจไว้เอง มอบบัตรจอดรถ ไม่เก็บค่าจอดรถ
บัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 ที่พนักงานของจำเลยที่ 1 แจกให้แก่ลูกค้าเมื่อนำรถเข้าจอดในลานจอดรถยนต์เป็นหลักฐานสำคัญที่จะแสดงว่ารถของลูกค้า ซึ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถสูญหายอาจเกิดจากพนักงานของจำเลยที่ 1 ปล่อยรถออกไปโดยมิได้ตรวจและเรียกบัตรจอดรถคืน หรือเจ้าของรถประมาทเลินเล่อลืมบัตรจอดรถไว้ในรถเป็นเหตุให้คนร้ายที่ลักรถนำบัตรจอดรถไปแสดงต่อพนักงานของจำเลยที่ 1 แล้วนำรถออกไปได้ หรือแม้แต่เจ้าของรถรู้เห็นกับคนร้ายโดยให้บัตรจอดรถแก่คนร้ายให้นำรถออกไปก็เป็นได้ กล่าวคือ บัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 ต้องยังอยู่ในความครอบครองของเจ้าของรถ เมื่อไม่ปรากฏว่าโจทก์มีบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 มาแสดงว่า บัตรจอดรถยังอยู่กับโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าของรถยนต์พิพาทแต่พนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อปล่อยรถยนต์พิพาทออกไปโดยไม่ได้ตรวจบัตรจอดรถ จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์พิพาทสูญหายไป จำเลยที่ 1 ให้การว่า การนำรถมาจอดที่ลานจอดรถของจำเลยที่ 2 ลูกค้าสามารถหาที่จอดได้ตามความพอใจ โดยจำเลยที่ 1 มิได้เก็บค่าจอดรถหรือรับมอบของสิ่งใดจากลูกค้ามาเก็บรักษา เหตุที่รถยนต์พิพาทสูญหายไปเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของผู้ครอบครองรถ มิใช่ความผิดของจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ 2 ให้การว่า ในการนำรถเข้าจอด ลูกค้าสามารถเลือกหาที่จอดได้และต้องรับผิดชอบเพื่อไม่ให้รถสูญหายด้วยตนเอง จำเลยที่ 2 จึงไม่เคยรับฝากรถยนต์พิพาท ตลอดเวลาที่รถยนต์พิพาทจอดอยู่ที่ลานจอดรถ นายสุเทพเป็นผู้เก็บรักษากุญแจรถไว้โดยตลอด จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้เรียกบริษัทการ์เดียนประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด ผู้รับประกันภัยจำเลยที่ 2 เพื่อความรับผิดต่อบุคคลภายนอกเข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งสองมีหน้าที่ต้องดูแลความปลอดภัยแก่รถที่เข้าจอดโดยพนักงานของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของรถนำรถออกไปจากลานจอดรถ การที่รถยนต์พิพาทสูญหายจึงเป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อของจำเลยทั้งสอง เห็นว่า คดีนี้โจทก์และจำเลยทั้งสองนำสืบตรงกันว่า ทางปฏิบัติจะมีพนักงานของจำเลยที่ 1 แจกบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 แก่ลูกค้าเมื่อนำรถเข้าจอดในลานจอดรถและเก็บบัตรจอดรถคืนเมื่อลูกค้านำรถออกจากลานจอดรถ ดังนั้น การที่รถยนต์ซึ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถสูญหายอาจเกิดจากพนักงานของจำเลยที่ 1 ปล่อยรถออกไปโดยมิได้ตรวจและเรียกบัตรจอดรถคืน หรือเจ้าของรถประมาทเลินเล่อลืมบัตรจอดรถไว้ในรถเป็นเหตุให้คนร้ายที่ลักรถนำบัตรจอดรถไปแสดงต่อพนักงานของจำเลยที่ 1 แล้วนำรถออกไปได้หรือแม้แต่เจ้าของรถรู้เห็นกับคนร้ายโดยให้บัตรจอดรถแก่คนร้ายให้นำรถออกไปก็เป็นได้ จึงอาจกล่าวได้ว่าหลักฐานสำคัญที่จะแสดงว่ามีการนำรถเข้าจอดในลานจอดรถแล้วสูญหายเพราะพนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อ คือบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 ยังอยู่ในความครอบครองของเจ้าของรถ แต่คดีนี้โจทก์ไม่มีบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 มาแสดงว่า บัตรจอดรถยังอยู่กับเจ้าของรถยนต์พิพาท แต่พนักงานของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อปล่อยรถยนต์พิพาทออกไปโดยไม่ได้ตรวจบัตรจอดรถส่วนนายสุเทพคนขับรถยนต์พิพาทและนางสุนันทาผู้เอาประกันภัยซึ่งร่วมเดินทางไปกับนายสุเทพในวันเกิดเหตุ ซึ่งเป็นพยานสำคัญที่จะให้ความกระจ่างในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ก่อนเกิดเหตุได้รับบัตรจอดรถของจำเลยที่ 2 หรือไม่ ลืมบัตรจอดรถไว้ในรถยนต์พิพาทหรือไม่ และได้ล็อกประตูรถยนต์พิพาทไว้หรือไม่ โจทก์ก็ไม่ได้ตัวนายสุเทพและนางสุนันทามาเบิกความเป็นพยาน โจทก์คงมีเพียงนายไพรัชต์ พนักงานของโจทก์ซึ่งมิได้อยู่ในเหตุการณ์มาเบิกความว่า วันเกิดเหตุพนักงานจำเลยที่ 1 ไม่ได้มอบบัตรจอดรถให้นายสุเทพ เนื่องจากบัตรจอดรถหมดจึงมีน้ำหนักน้อย...พยานหลักฐานของโจทก์เท่าที่นำสืบมาไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังว่า จำเลยทั้งสองกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้รถยนต์พิพาทสูญหายไป จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความสูญหายของรถยนต์พิพาท โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะรับช่วงจากผู้เอาประกันภัยเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองและจำเลยร่วมรับผิดต่อโจทก์ได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น อนึ่ง ศาลอุทธรณ์สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมแต่เพียงว่า ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ เป็นการสั่งค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ไม่ครบถ้วน ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง” | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-11-18 10:34:24 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2315872) | |
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ใช่ผู้รับฝากทรัพย์ จำเลยเพียงแต่จัดที่จอดรถเท่านั้นค่าเสียหายไม่น่าจะเกิน 5,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ จำเลยฎีกา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-11-18 10:37:08 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2315875) | |
ห้างฯ สรรพสินค้า เรียกเก็บเงินค่าบริการจอด 5 บาท ให้บัตรจอดรถ ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 ฎีกา พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกันชำระเงิน200,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2532 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-11-18 10:44:07 |
[1] |