ReadyPlanet.com


ผมรู้สึกอึดอัด และไม่อยากอยู่ร่วมชีวิตกับเธอภรรยาผมไม่ยอมหย่า


ผมแต่งงานกับผู้หญิงด้วยความจำเป็น มา 4 ปี หลังแต่งงานผมมีบุตร 1คน ต่อมาผมจึงได้รู้จักนิสัยที่แท้จริง ภรรยาผมเรียกร้องให้ผมสร้างบ้าน จ่ายเงินเลี้ยงดู ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านเป็นของผมหมด ทั้งที่ภรรยาผมก็มีรายได้ไม่น้อยแต่เธอไม่เคยมีน้ำใจแบ่งปันร่วมรับผิดชอบเลย ผมทำงานทุกวัน เธอก็เอาผมไปว่าให้เพื่อนฟังว่า ผมไม่มีส่วนในการเลี้ยงดูลูก ทั้งที่ผมทำงานหนักเพื่อลูก ทุกวันนี้ผมมีหนี้ต้องผ่อนบ้านให้ลูกกับภรรยา 35000 บาท/ เดือน(คนเดียว) และ ให้เงินภรรยา 20000 /เดือน ภรรยามีนิสัยหลายอย่างที่ผมไม่นิยม ผมรู้สึกอึดอัด และไม่อยากอยู่ร่วมชีวิตกับเธอแต่ผมยินดีรับผิดชอบเรื่องลูก และค่าเลี้ยงดู แต่ภรรยาผมไม่ยอมหย่า ผมควรทำอย่างไร



ผู้ตั้งกระทู้ สม :: วันที่ลงประกาศ 2008-03-02 12:39:22


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1615260)

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

มาตรา 1461 สามีภริยาต้องอยู่กินด้วยกันฉันสามีภริยา สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถและ ฐานะของตน

ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของทั้งสองฝ่ายที่จะต้องอุปการะเลี้ยงดูกันตามความสามารถ

เมื่อคุณอ้างว่าภริยาไม่ช่วยออกค่าใช้จ่ายเลยแล้วเขานำเงินไปใช้จ่ายอะไรครับ

ตามหลักกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ได้มาภายหลังจดทะเบียนสมรสให้เป็นสินสมรส ถ้าเขานำสินสมรสไปใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ตนเองฝ่ายเดียวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ส่วนปัญหาภายในครอบครัวมันก็มีกันทุกครอบครัวถ้าไม่เข้าเหตุในการที่จะฟ้องหย่าก็ไม่อาจทำได้

เหตุฟ้องหย่าต้องเป็นไปตาม

มาตรา 1516 เหตุฟ้องหย่ามีดังต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความ ผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่าย ที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพฐานะ และความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ

อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่น ประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่ง นั้นฟ้องหย่าได้
(4/1) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุก เกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิด หรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามี ภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกิน ควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2) สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของ ศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปี โดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่าง ไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตาม สมควร หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอา สภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่าย หนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมี ลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกัน ฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความ ประพฤติอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่าย หนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรัง ไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายทำให้สามีหรือภริยานั้น ไม่อาจร่วม ประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

โดยตามหลักเกณฑ์ข้อ 6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรอีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้

ต้องเป็นเรื่องที่พิสูจน์ได้นะครับ ถ้าเขาต่อสู้มาว่ารายรับเขาที่ได้มาก็ใช้จ่ายในครอบครัวศาลก็ไม่หย่าให้ครับ

เหตุฟ้องหย่าอ่านรายละเอียดต่อที่นี่

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-03-03 17:46:33



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล