ReadyPlanet.com


จะฟ้องเงินกู้ตามสัญญาที่เรียกดอกเบี้ยเกินกำหนด


ขอเรียนปรึกษาครับ คือให้เพื่อนยืมเงินไป 50.000 บาท โดยได้ทำสัญญากู้กันไว้ แต่ดอกเบียนในสัญญาตกลงกันร้อยละ 3 บาทต่อเดือนโดยตกลงกันผ่อน คืนเดือนละ 10.000 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย หลังจากรับเงินไปแล้วจ่ายคืนมาแค่ 10.000 บาทกับดอกเบี้ย 1.500 บาท แล้วก็ไม่จ่ายอีกเลย อย่างนี้จะฟ้องได้หรือไม่ แล้วที่เราเรียกดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาท จะผิดกฎหมายหรือไม่ เราต้องรอให้ครบ 5 เดือนก่อนแล้วค่อยฟ้องหรือฟ้องได้เลย

 



ผู้ตั้งกระทู้ สายันต์ :: วันที่ลงประกาศ 2008-06-04 18:55:32


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1765227)

เมื่อมีสัญญากู้ยืมเงินแล้ว ผู้กู้ลงลายมือชื่อในสัญญาแล้วย่อมฟ้องได้แน่นอนครับ

ส่วนดอกเบี้ยที่คิดเกินอัตรา ย่อมเป็นโมฆะ และเรียกเอาไม่ได้ครับ

ส่วนต้นเงินไม่เป็นโมฆะ เรียกคืนได้ ดังนั้นกรณีของคุณฟ้องเรียกเงินต้นคืนได้ครับ

ส่วนความผิดฐานเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ถ้าผู้เสียหายติดใจก็ฟ้องอาญาได้ครับมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-06-05 12:12:05


ความคิดเห็นที่ 2 (1765245)

การกู้ยืมเงิน เป็นสัญญาชนิดหนึ่งที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้จัดเป็นเอกเทศสัญญา ในทางธุรกิจจัดเป็นธุรกิจทางการค้าชนิดหนึ่ง โดยกำหนดว่า การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น จะต้องมีหลักฐานแห่งการกู้ยืมลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ มิฉะนั้นจะฟ้องร้องบังคับกันไม่ได้ สาระสำคัญของการกู้ยืมเงินจะต้องมีดังนี้
1) การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ
2) หลักฐานต้องมีข้อบ่งถึงการกู้ยืม
3) หลักฐานต้องมีการลงลายมือชื่อผู้กู้ยืมเป็นสำคัญ ไม่คำนึงว่ามีลายมือชื่อของผู้ให้กู้ยืมหรือมีพยานหรือไม่
4) จะต้องมีการส่งมอบเงินที่กู้ยืม
5) ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อเอาเงินที่กู้ไปดำเนินกิจการที่ชอบด้วยกฎหมาย

ดอกเบี้ยการกู้ยืมเงิน เป็นประเภทของธุรกิจชนิดหนึ่ง ผู้กู้ก็หวังจะได้ค่าตอบแทนเป็นดอกเบี้ย ผู้ให้กู้ก็หวังจะได้รับเงินต้นไปเป็นต้นทุนในกิจการค้า ในการเดียวกันก็ยอมชำระค่าตอบแทนเป็นดอกเบี้ยให้แก่ผู้ให้กู้ โดยการชำระดอกเบี้ยอาจชำระเป็นรายวัน รายเดือน รายปี แล้วแต่จะตกลงกัน การกู้ยืมเงินระหว่างประชาชน ทั่วไปด้วยกันหากไม่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญา หากผิดนัดตามกฎหมายก็ให้อำนาจเรียกดอกเบี้ยได้โดยกำหนดในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี หากตกลงกันไว้ในกฎหมายก็ให้อำนาจได้ในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี การเรียกดอกเบี้ยไม่สามารถทบต้นได้ ผู้ให้กู้รายใดเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี จะมีความผิดทางอาญาจำคุกไม่เกิน 1 ปี ในทางแพ่งดอกเบี้ยที่เกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี กฎหมายถือว่าเป็นโมฆะ ไม่สามารถฟ้องร้องได้

การใช้เงินกู้ ในการกู้ยืมเงินจะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ มิฉะนั้นจะฟ้องบังคับไม่ได้ ในทางกลับกันการใช้เงินกู้ก็ต้องมีหลักฐาน มิฉะนั้นไม่สามารถอ้างอิงการชำระเงินได้

เงินกู้นอกระบบ เป็นการกู้ยืมเงินไม่ได้ทำแบบวิธีให้ถูกต้องตามกฎหมาย หรืออาจทำแบบวิธีแต่ผิดไปจากที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้อาจเกิดจากการสมยอมของผู้ให้กู้และผู้กู้หรืออาจเกิดจากความจำเป็นของผู้กู้ เพราะขณะร้อนเงินไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ หากไม่ยอมก็จะไม่ได้รับเงินกู้ นายทุนเงินกู้ซึ่งมีมีโอกาสทางเศรษฐกิจมากกว่าก็จะเรียกดอกเบี้ยสูงๆ

การกู้เงินนอกระบบมีวิธีหลายๆ อย่างดังนี้
1) การกู้เงินที่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้กู้เป็นสำคัญ
- ผลของกฎหมาย ผู้ให้กู้ไม่สามารถฟ้องร้องบังคับคดีต่อศาลได้
2) การกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่กำหนดดอกเบี้ยไว้ในสัญญาเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี
- ผลของกฎหมาย ผู้ให้กู้ฟ้องร้องได้เฉพาะต้นเงิน ผู้กู้แจ้งต่อตำรวจให้ดำเนินคดีอาญากับผู้กู้ได้ในความผิดตาม พระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา
3) การกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือ กำหนดดอกเบี้ยในสัญญาไม่เกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี แต่ในความเป็นจริงมีการชำระดอกเบี้ยเกินกว่านั้น
- ผลของกฎหมาย หากผู้ให้กู้ฟ้องคดีผู้กู้ หากต่อสู้คดีนำสืบการเรียกดอกบี้ยเกินได้
4) การกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือ อัตราดอกเบี้ยชอบด้วยกฎหมายเรียกแบบเอาดอกเบี้ยทบต้นในแต่ละเดือน
- ผลของกฎหมาย การเรียกดอกเบี้ยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-06-05 12:30:01



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล