ReadyPlanet.com


ช่วยแม่หนูด้วย


คือว่า แม่กับน้าของหนูมีอาชีพค้าขาย  โดยที่ใช้รถมอเตอร์ไซค์พ่วงข้างเป็นพาหนะในการขายของ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา  แม่กับน้าของหนูได้ขับรถไปขายของและได้มีรถเก๋งคันหนึ่งขับมาในเลนที่แม่กับน้าหนูขับอยู่ (คือขับผิดเลน) แล้วทำให้รถเก๋งคันนั้นมาชนกับรถของแม่กับน้าหนู  และได้ไปชนกับเด็กที่ขี่รถจักรยานมา  และไปชนกับรถเก๋งและรถกะบะที่จอดอยู่ข้างทาง  ทั้งหมดรวม 4 คัน เขาบอกว่าเขาหลับในและยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ความเสียหายที่เกิดขึ้นคือ แม่และน้าของหนูบาดเจ็บ และเด็กผู้ชายบาดเจ็บ  ส่วนรถเก๋งและกระบะเสียหายอย่างเดียวไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ  หลังจากรถชนกันก็มีตำรวจผ่านมาพอดีพาแม่กับน้าของหนูไปโรงพยาบาล   แม่หนูต้องเย็บที่หัว 13 เข็ม ที่ขา  14 เข็ม และมีแผลถลอก  ตอนที่ตำรวจพาส่งโรงพยาบาลนั้น เป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ เครื่องมือไม่ค่อยจะพร้อมเท่าไร ส่วนน้าของหนูเป็นแผลที่ขาและช้ำตามร่างกาย  น้าของหนูไม่ได้นอนโรงพยาบาล หนูเป็นห่วงแม่ที่ตอนแรกเดินไม่ได้จึงได้ให้แม่ย้ายไปโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้บ้านพอบอกว่าจะย้ายมาโรงพยาบาลเอกชนเขาก็เหมือนจะไม่พอใจ คืนแรกที่มาหมอฉีดยาแก้สมองบวม คือแรกหมดไป 7,000 กว่าบาท ซึ่งเขาพูดกับหนูว่ารู้มั้ยว่าหมดค่าใช้จ่ายไปเท่าไร คำนี้ที่เขาพูดมาทำให้หนูโมโหมาก หนูก็บอกเขาไปว่ารู้ทำไมจะไม่รู้ 7,000 กว่าบาท แล้วเขาก็พูดต่อว่า พรบ. เขามีแค่ 15,000 บาทนะ เหมือนจะบอกว่าห้ามรักษาเกิน พรบ.นะ   ซึ่งค่าใช้จ่ายตอนแรกใช้ พรบ. รถของแม่หนู  และส่วนที่เหลือคู่กรณีจะจ่ายให้ ตอนนี้ค่ารักษาพยาบาลเกินมา 1,500 บาท  เขาบอกกับหนูว่ารู้มั้ยว่าค่ารักษามันเกินมา 1,500 บาทแล้วนะ  พูดเหมือนว่าหนูเลือกโรงพยาบาลเอกชนมันแพงเกินไป  แต่หนูว่าไม่ เป็นใครก็ต้องรักแม่ต้องการให้แม่ปลอดภัย  และอีกอย่างมันเป็นความผิดเขาที่เขาต้องรับผิดชอบ  เราก็ทำหน้าที่เราแล้วคือใช้สิทธิ์ พรบ.ของเราเพื่อช่วยเขาแล้ว  แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการเลย เขาบอกว่าไม่ค่อยมีเวลาจะให้โรงพยาบาลจัดการแต่โรงพยาบาลให้เดินเรื่องเอง ไม่รู้ว่าเขาจะจัดการให้หรือเปล่า น้าของหนูได้วงเงินรักษาตัว 15,000 บาท แต่ค่ารักษาจริงคงไม่เกิน และเขาก็ได้ให้ค่าชดเชยแก่น้าหนู 10,000 บาท  ส่วนรถเก๋งและรถกระบะ 30,000 กับ 16,000 ตามลำดับ  ตอนนี้แม่หนูยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล  ยังไม่ได้ตัดไหม  หมอยังระบุไม่ได้ว่าจะต้องรักษาตัวและพักฟื้นกี่วัน  จึงจะสามารถทำงานได้  ส่วนรถพ่วงข้างนั้นทางคู่กรณีเขาจะให้ช่างทางเขามาตีราคาค่าซ่อม ช่างทางเขาตีราคาแค่ 6,000 บาท เขาบอกว่า 6,000 บาทเนี้ยเผื่อแล้ว  แต่หนูไม่ยอม ใครจะยอมได้ค่ะเพราะว่าเมื่อวานน้าหนูอีกคนหนึ่งที่มาจากต่างจังหวัดเขาไปดูสภาพรถของแม่หนู  พอเขาไปก็เห็นคู่กรณียืนคุยกับช่าง แล้วได้ยินช่างพูดว่าอย่าบอกนะว่าผมจะซ่อมให้อย่างนี้ แบบว่าจะใช้ของราคาถูก ๆ ซ่อมให้  พอน้าหนูแสดงตัวว่าเป็นญาติหนู เขาก็หน้าซีด หลังจากนั้น หนูบอกว่าให้เอาช่างที่บ้านหนูเชื่อใจ  จึงได้ตกลงกันและให้ช่างที่บ้านหนูเชื่อใจมาตีราคาซ่อม ทั้งหมดราคา 8,900 บาท (ช่างลดแล้วลดอีกและตีราคาอย่างเร็ว) หลังจากช่างตีราคาแล้วก็ยกรถไปที่ร้านซ่อม  ช่างบอกว่าอาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มถ้าเกิดอะไรเสียหายเกินกว่าที่ช่างประเมิน  และเขาก็บอกอีกว่าความจริงรถแม่หนูผิด เขาไม่อยากจะพูดหรอกเพราะเขาโทรไปเช็กที่ขนส่งแล้วว่ารถพ่วงขนส่งไม่รองรับ แต่เขาไม่ได้พูดกับตำรวจนะเขาพูดพวกเขาแล้วหนูยืนอยู่หนูได้ยินเต็มสองรูหูอยากจะเอาบาทาไปทาบหน้าซักทีพูดยังนี้ได้ยังไงเขาเป็นฝ่ายขับรถข้ามเลนมาชนแม่หนูยังจะมาบอกว่ารถแม่หนูผิดอีก  ส่วนตอนนี้แม่หนูยังไม่ได้ตกลงค่าเสียหายกับเขา แต่เขาได้ให้ค่าใช้จ่ายระว่างรักษาพยาบาลมาจำนวนเงิน 3,000 บาท แต่แม่หนูบอกว่าถ้าหายแล้วเขาก็จะไม่ขายของอีกเพราะเข็ดไม่กล้านั่งรถ (แม่หนูเป็นคนขี้กลัว) แม่หนูโดนรถชนหนูก็ไม่ได้ทำงานพ่อหนูก็ต้องขึ้นจากเรือ (พ่อหนูออกเรือ) มาดูแม่

คำถามที่หนูอยากให้ช่วยตอบ

1. แม่หนูจะสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้ประมาณเท่าไร (ตั้งแต่โดนรถชนแล้วเย็บแผลหลังจากนั้นประมาณ 10 วันตัดไหม ถ้าไม่มีอะไรก็พักฟื้นอีก อาจจะ 20-30 วัน)

 2. แม่หนูเป็นคนซ้อน ทางพรบ. บอกว่าถ้าตำรวจตัดสินว่าแม่หนูถูก ก็อาจจะได้อีก  35,000 บาท แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตัดสินส่วนที่เกินจาก 15,000 บาท ถ้าเราจะให้ทางคู่กรณีใช้พรบ.ของเขามารักษาแม่ต่อได้มั้ยค่ะ หรือถ้าเราสำรองจ่ายไปก่อนจะไปเก็บจากคู่กรณีได้มั้ยค่ะ

3. รถพ่วงข้างผิดกฎหมายมั้ยค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ เด็กอายุ 19 (title_lover_aim-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2008-07-01 17:12:32


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1790599)

1. เรียกร้องค่าเสียหายได้แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็ต้องฟ้องร้องต่อศาล ถ้าทางแพทย์ลงความเห็นว่าต้องรักษาอาการบาดเจ็บเกินกว่า 20 วันก็ถือว่าเป็นบาดเจ็บสาหัส ทางผู้ชนหรือผู้กระทำผิดมีความผิดทางอาญาด้วยมีทั้งโทษจำคุกและโทษปรับด้วย ส่วนค่าเสียหายค่าสินไหมทดแทนเป็นดุลพินิจของศาลจะสั่งให้

2. ส่วนที่เกิน 15,000 บาท

เป็นค่าเสียหายที่บริษัทจะชดใช้ให้ภายหลังจากที่มีการพิสูจน์ความรับผิดตามกฎหมายแล้ว โดยบริษัทที่รับประกันภัยรถที่เป็นฝ่ายผิด ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ประสบภัย/ทายาทผู้ประสบภัย เมื่อรวมกับค่าเสียหายเบื้องต้นที่ผู้ประสบภัย/ทายาทได้รับแล้ว เป็นดังนี้

กรณีบาดเจ็บ เป็นค่ารักษาพยาบาล และค่าใช้จ่ายอันจำเป็นเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลตามความเป็นจริงไม่เกิน 50,000 บาท อย่างไรก็ตามทางผู้กระทำผิดต้องรับผิดตามที่ได้จ่ายจริงแม้เกิน 50,000 บาท

 

3. รถพ่วงจะผิดถูกก็ไม่เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล ซึ่งตอนนี้ผู้ได้รับบาดเจ็บคือผู้เสียหายที่ต้องได้รับชดใช้ค่าเสียหาย /ค่าสินไหมทดแทน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-07-01 17:38:26


ความคิดเห็นที่ 2 (1791560)

ขอบคุณมากค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น เด็กอายุ 19 (title_lover_aim-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2008-07-02 16:10:32



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล