ReadyPlanet.com


คดียาบ้า


รบกวนด้วยนะคะ คือว่าเพื่อนของน้องชาย อายุ 19 ปีโดนจับข้อหามียาบ้าไว้ในครบครองและจำหน่าย จำนวน 5 เม็ด ตอนนี้รอศาลสั่งฟ้อง ถ้าศาลสั่งฟ้องแล้วเราสามารถประกันตัวได้ใช่ไหมคะ วงเงินอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ และถ้าในกรณีที่เราไม่มีเงินประกันตัว ต้องติดคุกอย่างต่ำกี่ปีค่ะ เพื่อนของน้องชายไม่เคยมีประวัตินะคะ

ขอบคุณมาก ๆ ค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ chamaiporn p :: วันที่ลงประกาศ 2009-01-06 10:31:36


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1884477)

พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ

มาตรา 66 ผู้ใดจำหน้ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเหพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตและมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ หรือมีจำนวนหน่วนการใช้ หรือมีน้ำหนักสุทธิไม่ถึงปริมาณที่กำหนดตามมาตรา 15 วรรคสาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบห้าปี หรือปรับตั้งแต่แปดหมื่นบาทถึงสามแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

ดังนั้น 5 เม็ดอยู่ในเกณฑ์ของมาตรา 66 มีโทษขั้นต่ำ 4 ปีครับ รับสารภาพลดกึ่งหนึ่ง

ประกันตัวได้หรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะยื่นคำร้อง หลักประกันสำหรับกรณีนี้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-01-06 23:54:01


ความคิดเห็นที่ 2 (1895669)

กรรมเดียวผิดกฎหมายหลาย ลงโทษบทหนัก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2646/2532

พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา13 บัญญัติห้ามผลิต ขาย นำเข้า หรือส่งออก ซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ ประเภท 1 หรือประเภท 2 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 ซึ่งมาตรา 4 ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจก แลกเปลี่ยน ส่งมอบ หรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้น การขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพ.ร.บ. ฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกัน.

จำเลยมีแอมเฟตามีนคลอไรด์ อัน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครอง 18 เม็ด และจำเลยขายแอมเฟตามีนคลอไรด์ ดังกล่าวให้แก่ผู้ล่อซื้อไป 3 เม็ด ยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลย 15 เม็ด แอมเฟตามีนคลอไรด์ ทั้ง 18เม็ด เป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยครอบครองและขายไปในเวลาต่อเนื่องกัน การครอบครองในลักษณะเช่นนี้ก็คือการมีไว้เพื่อขายนั่นเอง การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตาม พ.ร.บ. วัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ.2518 มาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 106 อีกกรรมหนึ่ง

 

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีแอมเฟตามีนคลอไรด์จำนวน 18 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตและขายแอมเฟตามีนคลอไรด์ดังกล่าวให้แก่ผู้มีชื่อจำนวน 3 เม็ด โดยไม่ได้รับยกเว้นตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา4, 6, 13, 62, 89, 106, 116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ริบแอมเฟตามีนของกลาง คืนธนบัตรให้เจ้าของ

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 6, 13, 89, 116ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน และริบแอมเฟตามีนของกลาง ธนบัตรฉบับละ50 บาท ที่ใช้ล่อซื้อให้คืนเจ้าของ คำขอนอกจากนี้ให้ยก

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "โจทก์ฎีกาเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิด 2 กรรม คือฐานมีแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองกรรมหนึ่งกับฐานขายแอมเฟตามีนอีกกรรมหนึ่ง โดยความผิดฐานมีแอมเฟตามีนได้สำเร็จสมบูรณ์ตั้งแต่จำเลยรับแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองก่อนที่จะมีการขาย ซึ่งเป็นความผิดมีโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 106 และโจทก์ประสงค์ให้ลงโทษฐานนี้โดยบรรยายฟ้องไว้ในข้อ ก. ความผิดฐานนี้โจทก์ไม่ต้องสืบพยานประกอบ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพศาลย่อมลงโทษจำเลยได้ เห็นว่า พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 13 ได้บัญญัติห้าม ผลิต ขาย นำเข้าหรือส่งออกซึ่งวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 1 หรือประเภท 2 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 89 ซึ่งมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้ได้วิเคราะห์ศัพท์คำว่า "ขาย" ว่าหมายความรวมถึง จำหน่าย จ่าย แจกแลกเปลี่ยน ส่งมอบหรือมีไว้เพื่อขาย ฉะนั้น การขายหรือมีไว้เพื่อขายตามนัยแห่งพระราชบัญญัติฉบับนี้จึงเป็นความผิดอย่างเดียวกันคดีนี้ปรากฏว่าจำเลยมีแอมเฟตามีนคลอไรด์อันเป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในครอบครองจำนวน 18 เม็ด และจำเลยได้ขายแอมเฟตามีนคลอไรด์ดังกล่าวให้แก่สิบตำรวจเอกนิพัฒน์ ทองไชยผู้ล่อซื้อไป 3 เม็ด ยังเหลืออยู่ที่ตัวจำเลย 15 เม็ดแอมเฟตามีนคลอไรด์ทั้ง 18 เม็ด เป็นจำนวนเดียวกันกับที่จำเลยได้ครอบครองและขายไปในเวลาต่อเนื่องกัน การครอบครองในลักษณะเช่นนี้ก็คือการมีไว้เพื่อขายนั่นเองเมื่อศาลลงโทษฐานขายแอมเฟตามีนคลอไรด์ จึงต้องถือว่าจำเลยถูกลงโทษตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามมาตรา 62 ประกอบด้วยมาตรา 106 อีกกรรมหนึ่ง และการที่โจทก์บรรยายฟ้องแยกการกระทำของจำเลยเป็น 2 ข้อ คือฐานครอบครองแอมเฟตามีนคลอไรด์ข้อหนึ่ง และฐานขายแอมเฟตามีนคลอไรด์อีกข้อหนึ่งนั้น หาทำให้การกระทำของจำเลยซึ่งกฎหมายมุ่งลงโทษเพียงกรรมเดียวกลายเป็นความผิด 2 กรรมไปไม่ แม้จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลก็ไม่อาจลงโทษเป็นหลายกรรมตามที่โจทก์ฟ้องได้ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานขายแอมเฟตามีนคลอไรด์เพียงกรรมเดียว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น"

พิพากษายืน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-02-01 11:21:37


ความคิดเห็นที่ 3 (1904214)

 ตามข้อเท็จจริงที่ให้มาว่า ข้อหามียาบ้าไว้ในครอบครองและจำหน่าย 5 เม็ด  ซึ่งน่าจะเป็นข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย พฤติการณ์เช่นนี้แสดงว่าผู้ต้องหามีการขายไปบางส่วนและมีเหลือที่ตัวบางส่วน ข้อหาจึงกลายเป็น 2 ข้อหา คือมียาเสพติดให้โทษประเภท1(เมทแอมเฟตามีน)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต

-   อัตราโทษแต่ละข้อหาคือ จำคุก 4-15 ปี ปรับ 8หมื่น-3แสนบาท

-   ถ้ารับสารภาพศาลจะลงโทษขั้นต่ำให้ ฟันธงเลยว่า โทษจำคุก ข้อหาละ 4 ปี รวม 2 ข้อหา เป็น 8 ปี รับสารภาพลดเหลือข้อหาละ 2 ปี รวมแล้วจำคุก 4 ปี และมีโทษปรับอีกด้วย ถ้าแถลงประกอบไปด้วยโดยอ้างว่าอายุยังไม่ถึง 20 ปี ตามประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 76 ศาลอาจปราณีลดโทษลงให้อีกได้หนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่งได้อีก แล้วแต่ดุลพินิจศาล

ผู้แสดงความคิดเห็น สรณะ (eksarana-at-hotmail-dot-com)วันที่ตอบ 2009-02-19 15:00:53



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล