ขอคำปรึกษา | |
ดิฉันได้เลิกกับสามี ก่อนเลิกดิฉันได้ซื้อบ้านซึ่งเป็นบ้านของสามีไว้ชื่อในโฉนดที่ดินเป็นของดิฉันเอง ดิฉันมีสิทธิที่ให้เขาย้ายออกไปหรือเปล่าค่ะ (บ้านหลังนี้ยังผ่อนอยู่ค่ะ) ดิฉันอยากให้ย้ายทะเบียนชื่อของเขาออกไปจากทะเบียนบ้านหลังนี้ แต่ดิฉันไม่ได้เป็นเจ้าบ้าน เจ้าบ้านคือพ่อของสามีค่ะ ต้องทำอย่างไรบ้างค่ะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ OOO :: วันที่ลงประกาศ 2012-08-20 17:13:55 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2301127) | |
คุณซื้อบ้านอดีตสามีที่เลิกร้างกันไปแล้ว เบื้องต้นต้องมีชื่อคุณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดิน คุณสามารถนำสัญญาซื้อขายที่ดิน พร้อมโฉนดที่ดินไปติดต่อกับสำนักงานเขตเพื่อขอเปลี่ยนตัวเจ้าบ้านได้ครับ ส่วนเรื่องการฟ้องขับไล่สามีนั้นมีเพียงโฉนดที่ดินแสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็เพียงพอที่จะฟ้องขับไล่ได้ครับ ติดต่อทนายความดำเนินการให้ครับ 0859604258
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์0859604258 วันที่ตอบ 2012-09-14 16:25:30 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2301133) | |
คำถาม ดิฉันก็ตกลงไปทำสัญญาซื้อขายกันที่ที่ดินจังหวัดปทุมธานี ( บ้านดิฉันอยู่อำเภอธัญญบุรีคะ) และเมื่อซื้อขายกันแล้ว เค้าได้ให้เงินสดดิฉันหนึ่งล้านห้าแสนบาทเผื่อให้ฝากไว้กับสหกรณ์ ตอบข้อ 1. ตามที่ท่านได้ทำสัญญาซื้อขายบ้านพร้อมที่ดินให้กับสามีและได้จดทะเบียนการซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่แล้วนั้น การซื้อขายดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ ถึงแม้ว่าท่านและสามีจะได้ตกลงกันด้วยวาจาไว้ว่าประมาณสองปีสามีท่านจะโอนบ้านให้กับท่านก็ตาม การตกลง ดังกล่าวในทางกฎหมายถือว่าเป็นคำมั่นจะให้ทรัพย์สิน โดยคำมั่นจะให้ทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์จะต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงจะสมบูรณ์บังคับได้ตามกฎหมาย ตาม ป.พ.พ.มาตรา 525, มาตรา 526 แต่เมื่อสามีของท่านไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การให้ดังกล่าวจึงไม่มีผลบังคับได้ตามกฎหมาย ท่านซึ่งเป็นผู้รับไม่มีสิทธิเรียกร้องจากผู้ให้แต่ประการใด (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 999/2508) ท่านและลูกจะมีสิทธิในบ้านหรือไม่ จะต้องพิจารณาในเรื่องการเป็นสามีภริยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมายครอบครัว ว่ามีความสัมพันธ์ทางทรัพย์สินอย่างไร --------คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7228/2537
บุตรที่จะมีสิทธิได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูและการให้การศึกษาจากบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคแรกจะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายมาแต่แรกหรือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายในภายหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547 โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นสามีภริยากันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย มีบุตรด้วยกัน 3 คน ซึ่งยังไม่บรรลุนิติภาวะขณะอยู่กินกับจำเลยได้ให้การรับรองบุตรทั้งสาม ต่อมาจำเลยได้ขอหย่าขาดกับโจทก์และมอบบุตรทั้งสามให้อยู่ในความอุปการะเลี้ยงดูของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรเพียง 2 คนจำนวนเงิน 349,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า จำเลยเป็นบิดาตามความเป็นจริง มีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคแรก โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรจากจำเลยนั้น เห็นว่า บุตรที่จะมีสิทธิได้รับการอุปการะเลี้ยงดูและการให้การศึกษาจากบิดามารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1564 วรรคแรก จะต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดามารดามาแต่แรกหรือเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายในภายหลังตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1547และหากเป็นบุตรนอกสมรสโดยบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันและมิได้ฟ้องคดีขอให้บิดารับเด็กเป็นบุตรมาด้วยแล้ว จะฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าการศึกษาจากบิดาไม่ได้ ข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความว่า โจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้จำเลยรับเด็กเป็นบุตรมาด้วยดังนั้น ในชั้นนี้โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าการศึกษาจากจำเลย พิพากษายืน ----- ตอบข้อ 3. และ 4. หากสามีท่านจะขายบ้านให้บุคคลอื่นและหรือให้ท่านพร้อมบริวารตามข้อหารือ 3. และ 4. ย้ายออกจากบ้าน ก็สามารถทำได้ เพราะกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของสามีท่านแล้ว ถ้าท่านและบริวารไม่ยอมย้ายออก สามีท่านมีสิทธิฟ้องขับไล่ท่านและบริวารของท่านออกจากบ้านได้ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-09-14 16:45:09 |
[1] |