ReadyPlanet.com


ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์


คดีนี้มีจำเลย4 คน เนื่องจากจำเลยที่1กับผู้ฟ้องเป็นสามีภรรยาที่หย่ากันมานาน7 ปี แล้ววันที่เกิดเหตุจำเลยที่1 ได้ไปพบผู้ฟ้องที่ร้านของผู้ฟ้อง เพื่อพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างเจรจาได้เกิดปากเสียงขึ้นและจำเลยที่2 ได้ยินเสียงกระจกแตกจึงวิ่งเข้าไปดูและห้ามเมื่อ ผู้ฟ้องเห็นจำเลยที่2ก็ไม่พอใจเนื่องจากจำเลยที่2 เป็นน้อง จึกได้พลักไหล่จำเลยที่2และทำท่าจะชกตี ซึ่งในระหว่างนั้นจำเลยที่3 และ 4 ได้เดินผ่าน จำเลยที่3เลยเข้าไปห้ามส่วนจำเลยที่4 อยู่ด้านนอกของร้านและได้ช่วยผู้ฟ้องระวังของที่ตกกระจายอยู่บนถนนและช่วยเรียกเทศกิจมาดูแล จากนั้นผู้ฟ้องได้แจ้งความที่สถานีตำรวจว่าจำเลยทั้ง4 คนได้ร่วมกันบุกรุกและทำให้เสียทรัพย์

จึงอยากเรียนถามว่าในคดีนี้ถ้าสู้ที่ศาลจะสู้อย่างไรและมีแนวทางใดบ้างที่จะทำให้สู้ความชนะ

ขอบคุณมากค่ะ



ผู้ตั้งกระทู้ Moo :: วันที่ลงประกาศ 2009-08-15 15:41:44


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (1974661)

ถามว่าสู้อย่างไร ตอบว่า ก็เล่าข้อเท็จจริงให้ทนายความ ฟังตามความเป็นจริง ให้ละเอียดที่สุด แล้วทางทนายความเขาจะดำเนินการให้คนบริสุทธิ์ ไม่ต้องรับโทษครับ คงตอบได้เท่านี้ครับ เป็นเรื่องการพิจารณาคดีในศาลจะตอบระเอียดแล้วไปว่าความเองนั้นคงทำไม่ได้ครับ เห็นใจวิชาชชีพบ้างครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-08-17 14:17:29


ความคิดเห็นที่ 2 (1975140)

ขอบคุณทนาย ลีนนท์มากนะค่ะ ขอรบกวนอีกนิดนะค่ะ

คดีดังกล่าวหากทางเราสู้ความแล้วแพ้ ทนายลีนนท์พอจะบอกบกลงโทษให้คราวๆได้ไหมค่ะ ว่าเป็นอย่างไร

ถึงขั้นต้องคิดคุกติดตารางไหมค่ะ เพราะกังวลมาก เนื่องจากจำเลยทั้ง 4 ไม่เคยกระทำผิดมาก่อนเลย

ขอบคุณค่ะ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น Moo วันที่ตอบ 2009-08-18 19:19:37


ความคิดเห็นที่ 3 (1975350)

กฎหมายกำหนดโทษไว้ดังนี้

มาตรา 364 ผู้ใดโดยไม่มีเหตุอันสมควรเข้าไป หรือซ่อนตัวอยู่ใน เคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์หรือสำนักงานในความครอบครอง ของผู้อื่น หรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้น เมื่อผู้มีสิทธิที่จะ ห้ามมิให้เข้าไปได้ไล่ให้ออก ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือ ปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

 หากสู้ความแล้วแพ้ น่าจะประมาณ 6 เดือน แต่ถ้ารับสารภาพศาลอาจเมตตา รอลงอาญาก็ได้ (ความเห็น)

(อัตตาโทษเป็นอำนาจของศาลเท่านั้น)

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-08-19 12:28:53



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล