ReadyPlanet.com


ถูกกีดกันไม่ให้พบลูก


ถูกกีดกันไม่ให้พบลูก ทั้งๆที่ได้รับสิทธิ์การปกครองบุตรร่วมกันโดยได้ลูกมานอนค้างคืนวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ และรวมทั้งได้เจอลูกอีกหนึ่งวันแล้วแต่ลูกจะแจ้งให้ทราบหลังเลิกเรียน แม่เขาไม่พอใจคำตัดสินศาล ยื่นเรื่องคัดค้านสองครั้งแล้วแต่ศาลก็ยังยืนยันคำตัดสินเดิม เพราะศาลเรียกลูกไปถามส่วนตัว รวมทั้งตอนแรกแม่เขาบังคับให้เขียนจดหมายว่าไม่ต้องการมาอยู่กับพ่อไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้นพรรณาว่าพ่อไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้ อ่านแล้วเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน แต่เพราะรู้เต็มอกว่าลูกไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นแน่ๆเขียนตามแผ่นกระดาษที่เขียนโดยแม่เขาเอง  แต่ลูกก็เขียนจดหมายให้ทางพ่อเหมือนกันโดยบอกว่าแม่บังคับให้เขียนแบบนั้น มาครั้งนี้แม่เขาให้ทนายความยื่นเรื่องใหม่โดยบังคับให้ลูกเขียนจดหมายอีกครั้งว่ารับไม่ได้กับคำตัดสินของศาลให้เขามาค้างคืนกับพ่อ เลยหนีออกจากบ้านทุกครั้งที่ถึงวันที่พ่อเขาไปรับมาค้างด้วย แต่ความเป็นจริงคือแม่เขาพาเขาออกจากบ้านแต่เช้าก่อนพ่อเขาจะไปถึงบ้าน โทรไปก็ตัดสาย โทรศัพย์ลูกก็ให้ปิดเครื่อง บางวันวันศุกร์ที่ไม่มีเรียนเขาก็ต้องมาอยู่กับพ่อเขาเพราะศาลบอกเช่นนั้น แม่เขาก็ไม่ให้ลูกมา บางครั้งก็ให้ลูกบอกว่าไปทำรายงานมาไม่ได้ ต้องรอให้เสร็จก่อน ลูกหัวอ่อนมากกลัวแม่  ทนายความของเราบอกว่า ภรรยาเก่าอิจฉาทางเราที่ลูกใกล้ชิดมากกว่า เพราะครั้งแรกเรามีรูปถ่ายตอนลูกทำกิจกรรมกับเรา รูปหัวเราะร่าเริงแสดงให้ศาลเห็นว่าเราใกล้ชิดกันมาก  แม่เขาเลยพยายามกิดกันทุกวิถีทางให้ได้พบลูกน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นได้  ผมมีภรรยาใหม่ แต่เราแต่งงานหลังจากหย่ากับแม่ของลูกเมื่อห้าปีก่อน เราไม่มีลูกด้วยกัน  ลูกเข้ากับภรรยาใหม่ได้ดีมาก ภรรยาดีมาก รักลูกผมเหมือนลูก ครอบครัวเราอบอุ่นมาก เสียงหัวเราะของลูกเหมือนเสียงสวรรค์เลย ประเสริฐมากครับเพราะ ภรรยาเขาเป็นคนมีเหตุผล จิตใจดีมีศิลธรรม เธอจะท่องคาถาชินนะบัญชรเสมอ เข้าใจคนและพื้นฐานครอบครัวหย่าร้างเหมือนกัน เลยเข้าใจลูกผมเป็นอย่างดี ลูกผมก็รักและเคารพเธอมาก บ่อยครั้งที่ผมเผลอพูดว่าภรรยาเก่าให้ลูกฟัง เธอจะบอกผมไม่ให้พูดเพราะเธอรู้ว่าลูกทุกคนรักพ่อรักแม่ทั้งนั้น เวลาผมไม่อยู่ลูกก็จะมาค้างที่บ้านเป็นเพื่อน โดยไม่บอกให้แม่เขารู้ว่าผมต้องไปธุระที่อื่น
 
คำถามคือ คำร้องต่อศาลเป็นเท็จ ลูกไม่ได้หนีออกจากบ้าน แต่เขาพาลูกออกไปนอกบ้านเอง และวันที่เขาลงวันที่วันที่บอกว่าลูกหนีออกจากบ้านนั้น สามีไปต่างประเทศเพราะแม่เสียชีวิต ลูกรู้ด้วยและไม่ได้บอกแม่เขาว่าพ่อไม่ได้อยู่ที่นี่ รบกวนแนะนำเรื่องจะใช้เอากสารใดให้ศาลรู้ว่าเขาโกหกและทำให้สุขถาพจิตลูกเสียลง เราะแม่บังคับทุกอย่าง และเราสามารถให้ลูกมาอยู่กับเราได้ไหม กลัวลูกสุขภาพจิตเสียเพราะความกลัวแม่เขาบังคับจิตใตตลอด
 



ผู้ตั้งกระทู้ father :: วันที่ลงประกาศ 2009-11-01 10:39:29


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2001639)

แล้วศาลสังคำร้องของมารดา ว่าอย่างไรครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-11-01 19:22:12


ความคิดเห็นที่ 2 (2001685)

ยังไม่ได้สั่งอะไรครับเพราะผมยังไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องการคำแนะนำจากหลายๆความคิดเห็นก่อนครับ ส่วนตัวผมนั้นเคารพคำตัดสินของศาลแม้ว่าจะรู้สึกว่าไม่มากนัก เปรียบเทียบดูนะครับ ศาลตัดสินว่า ให้ลูกอยู่กับแม่เขาวันเรียนปกติ <ยกเว้นวันไหนก็ได้ให้ลูกเลือกว่าจะพบพ่อ> ได้วันหยุดปิดเทรอมใหญ่3อาทิตย์ ทางพ่อได้ลูกมาค้างคืนวันศุกร์ -อาทิตย์บ่าย ไมได้ใช่ทุกอาทิตย์นะครับ คืออาทิตย์ถัดไปได้แค่วันเสาร์ไม่มีค้างคืน สลับกัน ทั้งหมดนี่เป็นคำตัดสินศาลครั้งใหม่เพิ่งผลบังคับใช้ได้แค่สามเดือนเองครับ เมื่อผลคำตัดสินออกมานั้นแม่เขายื่นเรื่องต่อครับว่า ทางแม่เขาไม่ได้อยู่กับลูกวันหยุดสัปดาห์  แต่ศาลไม่ให้ครับ  เดิมนั้นเมื่อลูกได้ 2ขวบจนถึงปัจจุบัน ทางศาลให้พ่อไ ด้พบลูกวันอังคาร พฤหัสและเสาร์ ไม่มีค้างคืนไม่สามรถพาลูกออกนอกประเทศได้ คิดดูละกันครับ ลูกไม่เคยมานอนค้างคืนกับผมเป็นเวลา 13ปี เจ็บปวดมากครับ

เราสู้กันในศาลมาเป็นปีเชื่อไหม ใช้เอกสารสารพัดอย่าง เช่น อีเมล์ที่ลูกส่งให้เรา เบอร์โทรที่ผมโทรหาลูกและลูกโทรหาผม รูปถ่ายและจดหมายที่ลูกเขียนให้ วันสูดท้ายผมเข้าไปเป็นทนายความให้ตัวเองเพราะทนายความผมเข้าผ่าตัดตา ครั้นจะจ้างคนใหม่เรื่องก็มาถึงวันสุดท้ายไปแล้ว ค่าทนายก็แพงอยู่ครับ  เลยตัดสินใจไปเอง ครั้งนี้ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรใช่ทนายไหม อยากขอคำแนะนำจากผู้มีความรู้ด้วยครับว่าจะใช้เอกสารอะไรที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายเราบ้าง แม่เขาลงวันที่ ที่บอกว่าลูกหนีออกจากบ้านนั้น เป็นวันที่ผมไม่ได้อยู่ในเมืองไทย ฉะนั้นลูกจะหนีออกจากบ้านทำไมใช่ไหมครับเพราะลูกรู้ตลอดเพราะผมไม่อยู่ไ ม่มีเหตุจูงใจเลย ผมเอาพลาสปอร์ตโชว์ศาลจะดีไหมครับ ใช้พิสูจน์ได้ไหมว่าฝ่ายโน้นพูดเท็จ มันทนไม่ไหวจริงๆเขาโกหกในเอกสารมากมายเหลือเกิน เขาเอาเปรียบตลอดสามเดือนที่ผ่านมาที่ใช้คำสั่งศาลใหม่ นี่เขายื่นเรื่องเป็นครั้งที่สามแล้วครับ เขาไไม่ให้ลูกมาค้างคืนอ้างว่าลูกไม่ต้องมา ยังงัยขอคำแนะนำเรื่องเอกสารที่จะเอื้อประโยชน์ให้มากที่สุดด้วยครับ ขอบคุณครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น father วันที่ตอบ 2009-11-01 21:30:18


ความคิดเห็นที่ 3 (2001713)

ตามที่ได้อ่านข้อเท็จจริงแล้ว เข้าใจว่าทางมารดา ยื่นคำร้องของดการปฏิบัติตามคำพิพากษา โดยมีเหตถุอ้างว่าบุตรผู้เยาว์ไม่ยอมไปอยู่กับบิดา คือคุณ

ดังนั้นหากศาลนัดไต่สวนคำร้อง ศาลก็อาจจะได้กำหนดให้ทางบิดาทำคำคัดค้านคำร้องภายในกำหนดเวลา เมื่อถึงวันนัดก็คงต้องสืบพยานฝ่ายผู้ร้องและฝ่ายผู้คัดค้าน

เมื่อคุณมีหลักฐานตามที่บอกก็ควรนำเสนอต่อศาลนั้นถูกต้องแล้วครับ และที่น่าจะเป็นประโยชน์ก็คือตัวบุตรที่จะยืนยันความจริงครับ ขอให้โชคดีนะครับ

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-11-01 22:25:37


ความคิดเห็นที่ 4 (2001756)

ขอบคุณมากครับสำหรับคำแนะนำ ส่วนตัวแล้วก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันเรื่องให้ลูกยืนยันความจริง อาจเป็นการเขียนจดหมายเล่าเรื่องราวทั้งหมด ผมคงต้องไปหาลูกที่โรงเรียน เพราะติดต่อทางโทรศัพย์ไม่ได้เลยครับ ยังงัยขอฝากไปยังพ่อแม่หน่อยครับว่า ถ้าคิดจะนำเรื่องขี้นศาล คุณต้องเตรียมใจไว้เลยว่า คุณจะผ่านเหตุการณ์หลายๆต่อหลายอย่างด้วยกัน น้ำตา ความเครียดระหว่างสามีถรรยาและลูก ชนิดที่ว่า นอนเอามือก่ายหน้าผากเลยครับ  ความวิตกกังวล ความสงสารลูกและความรู้สึกผิดในใจที่ลูกต้องเจ็บปวดและร้องไห้ สิ่งที่คุณจะได้รับหลังจากคุณได้รับตามความต้องการจากศาลแล้วถึงแม้ว่าไม่ได้ทั้งหมดคือ ความสุขอย่างมหาศาลและความภูมิใจที่ลูกร่วมมือและยืนอยู่ในความถูกต้อง เด็กมีความคิดครับ แม้เขาไม่กล้าพูดเพราะความกลัว แต่สุดท้ายเขาจะร่วมมือกับคุณเพราะเขารู้ว่าเขาต้องการอะไรในชีวิต

ผู้แสดงความคิดเห็น father วันที่ตอบ 2009-11-02 08:18:38


ความคิดเห็นที่ 5 (2002285)

ทั้งสองฝ่ายกระทำลงไปก็เพราะรักลูก แต่ลูกอยู่ตรงกลางก็รักทั้งพ่อและแม่ แต่ต้องถูกกดดันให้เลือกข้าง ดังนั้นความทุกข์จึงมาสุมอยู่กับลูกครับ

หากยอมถอยเพื่อช่วยกันเลี้ยงลูก ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมเงิน ส่งเสริมลูกให้ประสบผลสำเร็จในเรื่องการเรียน เพื่อการงานที่ดีในอนาคตน่าจะเป็นที่ประสงค์ของลูกมากกว่าครับ คดีครอบครัวเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แม้ศาลเองก็หนักใจที่จะใช้กฎหมายอย่างเดียวเพื่อให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสมหวัง แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็ผิดหวัง สุดท้ายใครได้ประโยชน์จริง ๆ หรือไม่

ขอเอาใจช่วย โดยขอให้คดีจบแบบ Happy Ending ครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-11-02 17:35:10


ความคิดเห็นที่ 6 (2002319)

ขอบคุณอีกครั้งนะครับ

 Happy Ending ส่วนตัวแล้วยังนึกภาพไม่ออกเลยครับว่าจะมีโอกาสแบบนั้น ยากเหลือเกินครับ ไม่ใช่่ว่าผมพูดโจมตีภรรยาเก่านะครับ ไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ  คือเข้าใจครับว่ารักลูกมาก ลูกชายคนเดียว  แต่เพราะความมากเกินไปนี่แหละที่ทำให้เธอคิดว่าลูกเป็นสมบัติส่วนตัว ใครจะมาแย่งมาแบ่งความรักไปจากเธอไม่ได้ เดาว่าเธอต้องมีความทุกข์มากเพราะยึดติดเกินไป ส่วนตัวผมนั้นคิดว่า เมื่อใดที่ลูกโตขี้นย่างวัยรุ่นสัก 16-17เขาก็เริ่มห่างเราแล้วครับ ไปกับเพื่อน กับแฟน จบการศึกษามีงานการทำมีครอบครัวเขาก็ต้องจากเราไปสร้างครอบครัวใหม่

ผมใช้วาจาและจดหมายไปไกล่เกลี่ยเพื่อจะได้ไม่ต้องขี้นศาล แต่เธอไม่ยอมตลอด ไล่ให้ผมไปฟ้องศาลอย่างเดียว ผมไม่เคยบอกให้ลูกเขียนจดหมายให้ผมก่อนเลยสักครั้ง แต่สถานการณ์มันบังคับ เพราะถ้าไม่มีจดหมายเป็นหลักฐานก็ไม่ได้ นี่มาอีกแล้วครับ เธอให้ลูกเขียนอีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีอีกสักกี่ครั้งที่ลุกจะต้องทำ ต้องเขียนและครั้งที่แล้วเธอขอให้ศาลสอบถามจากตัวเด็กเอง ผมสงสารลูกจับใจ โชคดีลูกไม่กล้ว เข้าไปไม่ถึงสิบนาทีเขาก็ให้ออกมาแล้วครับ  สงสารลูกมาก เพลียหัวใจครับ แต่ประสบการณ์ที่ได้หลังคดีจบที่ผ่านมานั้น พอลูกมาค้างคืนวันหยุดสุดสัปดาห์ ลูกหัวเราะ ผ่อนคลาย สนุกสนาน นั่นคือผมได้ช่วยลูกทางอ้อมครับ คือครอบครัวผมเล่นกีฬา ทั้งแบตมินตัน ว่ายน้ำ ภรรยาใหม่ผมเป็นนักกีฬาเก่าครับ เลยร่วมทำกิจกรรมด้วยตลอดเวลา ช่วยให้ลูกผ่อนคลายความเครียดด้วยครับ  ความสัมพันธ์ของครอบครัวเลยค่อนข้างแน่น ส่วนภรรยาเก่าไม่เลยครับกับกิจกรรมแบบนั้น นอกจากพาไปดูหนัง เดินห้างแบบนั้น เด็กผู้ชายนะครับ เขาคงเบื่อ

ผมรักลูกมากเลยส่งเสิมให้เล่นกีฬา ทำให้ร่างกายแข็งกาย เมื่อร่างกายแข็งแรงแล้ว สมองก็แข็งแรงตามมาด้วยครับ แม้ว่าเขาเป็นเด็กที่ครอบครัวหย่าร้าง  แต่เขาเรียนเก่งมากครับ ส่วนหนึ่งมาจากการเล่นกีฬาแน่นอน

 

ผู้แสดงความคิดเห็น father วันที่ตอบ 2009-11-02 19:14:25


ความคิดเห็นที่ 7 (2002907)

วันศุกร์สุดท้ายที่ลูกไม่ได้มานั้น ภรรยาผมส่ง smsถามลูกชายว่า อยู่ที่ไหนตอนนี้ จะมาถึงบ้านกี่โมงเพราะปกติเมื่อเขาเรียนเสร็จเขาก็ตรงมาบ้านผมเลย ลูกตอบกลับมาว่า อยู่คลีนิค ไม่สบาย จะมาวันพรุ่งนี้ <วันเสาร์> ภรรยาก็เมล์หาผม ผมก็โทรหาลูก ลูกบอกว่าจะมาตอนมืดสักหนึ่งทุ่ม ผมก็โทรบอกให้ภรรยาไปรอรับที่ป้ายรถเมล์ ก็ไม่เจอลูก ผมโทรเข้ามือถือก็ปิดเครื่องแล้ว ติดต่อไม่ได้


ในกรณีที่เขาเห็นข้อความในมือถือลูกที่ว่าจะมาวั จะมาวันพรุ่งนี้ วันเสาร์ เป็นเอกสารหลักฐานสนับสนุนเขาได้ไหมว่าลูกต้องการพบผมเฉพาะวันเสาร์ตามจดหมายที่อ้างมา  

ทนายเธอส่งจดหมายให้ผม โดยระบุว่าได้แนบจดหมายของลูกมาด้วย แต่ไม่มีเลยครับในซอง เขาจะใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไรหรือปล่าวครับ  

ขอรบกวนอีกสักครั้งครับ ขอบพระคุณมากที่แนะนำผมมาตลอด

ผู้แสดงความคิดเห็น father วันที่ตอบ 2009-11-04 09:42:27


ความคิดเห็นที่ 8 (2003262)

คงไม่มีผลอะไรครับ คดีครอบครัวศาลไม่ได้เน้นพยานหลักฐานแพ้ชนะกันแบบคดีทั่วไป ศาลมองความผาสุกของเด็กเป็นที่ตั้ง และที่สำคัญที่สุดศาลจะใช้ความพยายามให้สถาบันครอบครัวดำรงสถานะที่สมบูรณ์เท่าที่ควรเป็น เช่น หากบุตรได้มีทั้งพ่อและแม่ในการช่วยกันอบรมเลี้ยงดู จะมีประโยชน์กับเด็กมากกว่าให้เด็กมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะธรรมชาติของเด็กต้องการมีทั้งพ่อและแม่ครบเหมือนกับเด็กในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่ได้แยกกันทั่วไปครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-11-05 05:18:08


ความคิดเห็นที่ 9 (2003666)

ขอบคุณมากครับ

ผู้แสดงความคิดเห็น father วันที่ตอบ 2009-11-06 07:19:14



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล