 | |
อยากจะรบกวนท่านที่พอทราบเกี่ยวกับกฎหมายมรดกอ่ะครับ เรื่องก็มีอยู่ว่า คุณแม่มีลูกอยู่ 5 คน และมีที่ดินอยู่ 1 แปลง เนื้อที่ประมาณ 80 ตารางวา ในที่ดินแปลงนี้ได้ปลูกสิ่งก่อสร้างเพื่อการอยู่อาศัย จำนวน 3 หลัง โดยหลังใหญ่เป็นบ้านของคุณแม่ หลังต่อมาเป็นหลังเล็กปลูกเพื่อให้ผู้อื่นทำการเช่า และหลังสุดท้ายคุณแม่ได้อนุญาติให้ลูกคนที่ 1 ที่เป็นคนโตสุด ปลูกบ้านเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แต่คุณแม่ไม่ได้ทำเรื่องโอนที่ดินให้ ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ก่อนที่คุณแม่จะเสีย ลูกคนที่ 1 ก็ได้อาศัยที่ดินผื้นนั้นเป็นที่อยู่อาศัยมาโดยตลอด ส่วนลูกคนที่ 2,3,4 ไม่ได้พักอาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่เลย มีเพียงแต่ลูกคนที่ 5 เท่านั้นที่อยู่อาศัยกับคุณแม่ เพราะ ลูกคนที่ 2,3,4 ได้แยกออกไปสร้างครอบครัวใหม่แล้ว จนกระทั้งระยะเวลาผ่านไป 20 ปี คุณแม่ก็ถึงแก่กรรม โดยมิได้มีการทำพินัยกรรมแต่อย่างใด เพียงแต่ก่อนจะเสียบอกไว้เพียงว่า บ้านหลังเล็กทั้ง 2 หลังพร้อมที่ดินยกให้ลูกคนที่ 1 ส่วนบ้านหลังใหญ่พร้อมที่ดินยกให้ลูกคนที่ 5 สาเหตุที่ไม่ได้ยกอะไรให้ลูกคนที่ 2,3,4 เพราะลูกคนที่ 2,3,4 มีที่ดิน ที่อยู่อาศัยแล้ว พร้อมกับมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง ซึ่งลูกคนที่ 1 และ 5 ยังไม่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคงประกอบกับไม่มีที่ดินหรือที่อยู่อาศัยที่นอกเหลือจากบ้านที่ปลูกในที่ดินผืนนี้ และต่อมาหลังจากคุณแม่เสียไปแล้ว 5 ปี ซึ่งก็คือปัจจุบันนี้ เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้นัดรวมทายาทกัน ซึ่งประกอบด้วยคนที่ 1,2,3,4 และ 5 เพื่อขอทำการแบ่งมรดก คนที่ 2,3 ที่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคงแล้ว ให้ความเห็นว่า "ทุกคนต้องได้สิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้นคนที่ 1 จะขอแบ่งที่ดินที่มีบ้านปลูกอาศัยมาราว 25 ปี ไม่ได้ เพราะ ทำให้คนอื่นที่เหลือเสียเปรียบ" จากนั้นก็เสนอความคิดเห็นมาอีกว่า "ไม่รู้จะแบ่งกันอย่างไร ก็ขายทั้งผืนดีกว่า" แต่หลักความเป็นจริง คนที่ 1 และ 5 ยังไม่มีที่ดินและบ้านเป็นของตัวเองเลย อีกทั้งยังไม่มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่มั่นคง จึงทำให้ได้รับความเดือดร้อนต้องไปหาที่อยุ่ใหม่ และอาจมีภาระในการผ่อนซื้อบ้านเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทำให้คนที่ 1 และ 5 ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้ สรุป คำถามข้อที่หนึ่ง ลูกคนที่ 1 สามารถใช้สิทธิครอบครองปรปักษ์ได้หรือไม่ คำถามข้อที่สอง จะมีสิทธิคัดค้านในการขายที่ดินทั้งผืนได้หรือไม่ ถ้าเป็นเสียงส่วนน้อย คำถามข้อที่สาม หากลูกคนที่ 2,3,4 ไม่เห็นด้วยที่ไม่ให้ขาย และไม่ยอมดำเนินการแบ่งมรดกให้ ลูกคนที่ 1 จะใช้สิทธิเรียกบังคับให้ดำเนินการได้อย่างไร ขอบคุณครับ
| |
ผู้ตั้งกระทู้ คนธรรมดา :: วันที่ลงประกาศ 2009-11-19 02:22:36 |
| [1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2007947) | |
1. ลูกคนที่ 1 จะถือเอากรรมสิทธิ์ในที่ดินโดยอ้างการครอบครองปรปักษ์ยังไม่ได้ เมื่อการยกให้ที่อ้างว่าแม่ยกให้ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ การให้ไม่สมบูรณ์ ทรัพย์ทั้งหมดยังเป็นมรดกของมารดา เมื่อมารดาเสียชีวิตมรดกของมารดาย่อมตกแก่บุตรทั้ง 5 คน ๆ ละส่วนเท่า ๆกัน 2. การอ้างครอบครองปรปักษ์ต้องเป็นการเข้าครอบครองที่ดินอย่างเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องได้รับอนุญาตจากใคร แต่การที่คุณบอกว่าแม่อนุญาตให้ลูกคนที่ 1 ปลูกบ้านเพื่อเป็นที่อยู่อาศัยแสดงว่าการปลูกบ้านเป็นที่อยู่อาศัยดังกล่าว เป็นการกระทำภายใต้การอนุญาตจึงไม่อาจอ้างการครอบครองปรปักษ์ได้เว้นแต่ภายหลังที่มารดาเสียชีวิตคุณได้ประกาศให้ทายาททุกคนทราบว่าคุณไม่ประสงค์จะครอบครองที่ดินในฐานะอาศัยอีกต่อไปแต่จะอยู่อย่างเป็นเจ้าของ และครอบครองที่ดินดังกล่าวเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี และที่ดินนั้นต้องเป็นที่ดินมีโฉนดด้วยจึงจะอ้างการครอบครองปรปักษ์ได้ 3. การที่ลูกคนอื่น ๆ จะมีทรัพย์สินเงินทอง มีอาชีพที่มั่นคงแล้ว ก็ไม่เป็นเหตุอ้างที่จะได้รับส่วนแบ่งน้อยกว่าลูกคนที่ยังไม่มีงานทำมั่นคงและไม่มีทรัพย์สินที่ดินที่อยู่อาศัย เมื่อมาดาไม่ได้ทำพินัยกรรม ก็ต้องถือว่าลูกทั้ง 5 คนเป็นทายาทโดยธรรมที่มีสิทธิรับมรดกคนละส่วนเท่า ๆ กัน 4. เมื่อทรัพย์มรดกไม่สามารถแบ่งได้โดยวิธีแบ่งส่วนเท่า ๆ กันได้ ก็ต้องนำออกขายโดยประมูลกันเอง หรือหากไม่สามารถทำได้ก็ต้องขายให้บุคคลภายนอกแล้วแบ่งเงินกัน และไม่อาจอ้างความเดือดร้อนส่วนตัวได้เพราะเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ลูก ๆ ทุกคนพึงมี ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิคัดค้านการขายได้ 5. ลูก ๆ ทุกคนเป็นทายาทผู้มีส่วนได้เสียมีสิทธิที่จะร้องขอให้ศาลตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อทำหน้าที่จัดการแบ่งทรัพย์มรดกต่อไป ส่วนลูกคนใดจะใช้สิทธิคัดค้านกันอย่างไร ก็ต้องไปว่ากล่าวกันในชั้นพิจารณาคดีครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-11-19 05:50:40 | |
| [1] |
