ReadyPlanet.com


โดนยึดบ้านขายทอดตลาด


ผมได้รับหมายศาลให้ยึดบ้านและที่ดินที่ผมกำลังผ่อนกับธนาคารอยู่ ผ่อนไปได้ไม่ถึง 30% เลย อย่างนี้เจ้าหนี้จะขายทอดตลาดได้หรือครับ แล้วทางธนาคารเขาจะยอมให้ยึดหรือไม่ แล้วทางผมต้องทำอย่างไรต่อไป



ผู้ตั้งกระทู้ สุนันท์ :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-04 18:37:01


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2013126)

แม้บ้านคุณกำลังจะผ่อนอยู่กับธนาคาร เพราะนำไปจำนองประกันหนี้ไว้แต่คุณเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตามโฉนด แต่เจ้าหนี้ก็สามารถยึดเพื่อนำออกขายทอดตลาดได้ แต่การขายนั้น ทางธนาคารต้องได้รับชำระหนี้ก่อน หากเหลือเงินจากชำระหนี้ธนาคารเขาก็จะได้รับชำระหนี้จากส่วนที่เหลือนั้นได้

ถามว่าต้องทำอย่างไร

ก็ต้องติดต่อเจ้าหนี้เพื่อเจรจาให้งดการบังคับคดีไว้ก่อนแล้วผ่อนชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ และเมื่อชำระเสร็จแล้วก็ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีถอนการบังคับคดีต่อไปครับ แต่คุณต้องรับผิดเสียค่าธรรมเนียมการยึดอีกด้วย

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-12-04 19:45:00


ความคิดเห็นที่ 2 (2013130)

ค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์

การที่เจ้าหนี้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์สินของลูกหนี้เกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีเจ้าหนี้ต้องรับผิดต่อลูกหนี้โดยต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายในส่วนที่เกินกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่ลูกหนี้ต้องรับผิดต่อเจ้าหนี้


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 เพียงข้อเดียวว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีราคาสูงกว่าจำนวนเงินที่จำเลยทั้งสองจะต้องชำระให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นจำนวนมาก ทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินอื่นซึ่งมีราคาพอแก่การที่จะบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ โจทก์จึงเป็นฝ่ายต้องชำระค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์หรือไม่ในปัญหานี้ เมื่อได้ความว่าที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 ซึ่งโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้นั้นธนาคารกรุงเทพ จำกัด ได้รับจำนองไว้เป็นจำนวนเงินถึง 1,750,000บาท จึงน่าเชื่อว่าที่ดินและบ้านดังกล่าวของจำเลยที่ 2 มีราคาสูงกว่าที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด ได้รับจำนองไว้ ข้อเท็จจริงจึงเชื่อได้ว่าที่ดินและบ้านดังกล่าวของจำเลยที่ 2 มีราคาสูงกว่าที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินไว้เป็นราคารวมทั้งสิ้นเพียง1,360,000 บาทมาก ที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวจึงมีราคาสูงกว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์หลายสิบเท่า ที่โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและบ้านดังกล่าวของจำเลยที่ 2 นั้น ปรากฎจากสำเนารายงานเจ้าหน้าที่เอกสารหมาย ค.1 ว่าเมื่อผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยังที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวไม่พบจำเลยที่ 2 พบหญิงชราอยู่ในบ้าน ประตูหน้าบ้านปิดใส่กุญแจและมีสุนัขพันธุ์ต่างประเทศอยู่หลายตัว ผู้แทนโจทก์แถลงว่าไม่มีทรัพย์สินอื่นใดของจำเลยที่ 2นอกจากที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และยืนยันนำยึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างนั้น เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงยึดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว จึงเห็นได้ว่าการยึดที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 เกิดขึ้นจากการยืนยันของผู้แทนโจทก์ว่าไม่มีทรัพย์สินอื่นใดของจำเลยที่ 2 นอกจากที่ดินและบ้านดังกล่าว แต่กลับปรากฎจากภาพถ่ายหมาย ร.3 รวม 8 ภาพ ซึ่งเป็นภาพถ่ายบ้านของจำเลยที่ 2ที่ผู้แทนโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ว่า บ้านดังกล่าวเป็นบ้านตึกสองชั้นขนาดใหญ่อยู่ในสภาพดีมีโรงรถซึ่งตามภาพถ่ายดังกล่าวปรากฏว่ามีรถยนต์จอดอยู่ถึง 3 คัน และที่ตัวบ้านดังกล่าวมีเครื่องปรับอากาศติดอยู่เห็นได้ชัด จำเลยที่ 2 เป็นหนี้ตามคำพิพากษาเป็นจำนวนเล็กน้อยเพียงไม่ถึง 60,000 บาท จึงมีเหตุให้เชื่อได้ว่าภายในบ้านของจำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินอื่นที่โจทก์สามารถนำยึดมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ โดยไม่จำเป็นต้องยึดที่ดินและบ้านดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีราคามากกว่าหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์หลายสิบเท่า ซึ่งเมื่อมีเหตุให้เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 มีทรัพย์สินอื่นซึ่งโจทก์สามารถนำยึดมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้อยู่ภายในบ้านของจำเลยที่ 2 เช่นนั้นแล้วผู้แทนโจทก์ก็ควรจะขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีตามมาตรา 279 วรรคสอง โดยดำเนินการตามความจำเป็นเพื่อค้นบ้านของจำเลยที่ 2 และกระทำการใด ๆ ตามสมควรเพื่อเปิดบ้านดังกล่าวซึ่งถ้ามีผู้ขัดขวางเจ้าพนักงานบังคับคดีก็สามารถจะร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าพนักงานตำรวจเพื่อดำเนินการบังคับคดีจนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 279 วรรคสามแต่ผู้แทนโจทก์ก็ไม่ได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการเช่นนั้นกลับแถลงขอยืนยันให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมบ้านดังกล่าวของจำเลยที่ 2 โดยแถลงว่าจำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินอื่นใดนอกจากที่ดินและบ้านดังกล่าว การที่โจทก์โดยผู้แทนโจทก์นำยึดที่ดินและบ้านของจำเลยที่ 2 เช่นนั้น จึงถือได้ว่าเป็นการที่โจทก์นำยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 เกินกว่าที่จำเป็นแก่การบังคับคดีโจทก์จึงต้องรับผิดต่อจำเลยที่ 2 ผู้เป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 284 วรรคสองและต้องรับผิดใช้ค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีในการยึดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายในส่วนที่เกินกว่าจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ ฎีกาของจำเลยที่ 2ฟังขึ้น"

          พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 เสียค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ตามจำนวนหนี้ตามคำพิพากษาที่จำเลยที่ 2 ต้องใช้ให้แก่โจทก์และให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมถอนการยึดทรัพย์ในส่วนที่เหลือทั้งหมด

 

สนใจอ่านเพิ่มเติมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

การไปยึดทรัพย์ลูกหนี้ นั้นถ้าในบ้านของลูกหนี้ ในบ้านไม่มีคนอยู่ ต้องทำอย่างไร สามารถทำลายประตูเข้าไปได้หรือไม่

 

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-12-04 20:03:58



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล