ตามเนื้อความที่ให้ข้อเท็จริงมานั้น เข้าใจว่า ที่ดินที่ทางครอบครัวคุณซื้อมาจากผู้ขายนั้นเป็นที่ดินที่ไม่มีโฉนดที่ดิน ถูกต้องนะครับ และเมื่อได้ซื้อแล้วก็ได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในที่ดินหรือครองครองที่ดินที่ซื้อขายกันนับแต่เวลาซื้อขาย ถูกต้องนะครับ ที่ดินแปลงที่ซื้อนี้เป็นแปลงเดียวกันกับทางครอบครัวผู้ขายขอรังวัดที่ดินเพื่อออกโฉนด ถูกต้องนะครับ ทางคุณกับครอบครัวผู้ขายตกลงกันว่าจะแบ่งแยกที่ดินเฉพาะส่วนที่คุณซื้อออกมาต่างหากอีกแปลงหนึ่ง ผมเข้าใจถูกต้องนะครับ

คำถามของคุณคือ

ถ้าเขาไม่แบ่งแยกให้จะทำอย่างไร?

ตอบว่า ก็ฟ้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าคุณได้สิทธิครอบครองโดยผู้ขายได้สละสิทธิครอบครองแล้ว ซึ่งไม่เรียกว่าการครอบครองปรปักษ์ เพราะที่ดินที่ซื้อขายในเวลานั้นไม่มีโฉนด ดังนั้นผู้ขายมีเพียงสิทธิครอบครองและได้ขายให้เราและรับเงินไปแล้ว ดังนั้นทางครอบครัวคุณจึงได้สิทธิครอบครอบเพราะผู้ขายแสดงเจตนาสละการครอบครองแล้ว

หากมีข้อสงสัยอย่างไรก็ถามเข้ามาใหม่นะครับ ในกระทู้เดียวกันนี้

ตอนนนี้เรื่องมันมาถึงที่ดินแล้วครับ และเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินได้ส่งเอกสารไปยังฝ่ายผู้ขายเพื่อให้ภรรยาของผู้ตายมาเซนต์เอกสารรับทราบว่าตัวเองเป็นผูจัดการมรดก  ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้เองครับ (ผมได้โทรสอบถามกับเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดิน ทุกอาทิตย์หลังมีการรังวัดที่ดิน )

     ผมมีคำถามว่า

               -  ตอนที่สิ่งที่ทางพวกคนขายเค้าทำคือรอให้ทางครอบครัวผมไปหาแล้วก็จะชวนทะเลาะ ผมถามว่าถ้าผมไปพูดคุยดีๆเชิงขอร้องกับพวกเค้า  แล้วเค้ายังไม่ทำให้จะมีแนวทาง ทางกฎหมายเอาผิดกับเค้าได้หรือเปล่าครับเพื่อที่จะบังคับให้โอนที่ดิน

                         - โดยเนื้อแท้แล้วขั้นตอนมันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเงินทางผู้ขายเค้าก็ไม่ได้เสีย มีแต่ทางผมคนซื้อที่ต้องเสีย แต่เค้ากลับทำเรื่องง่ายๆกลายเป็นเรื่องยาก ผมมองมันเป็นการกลั้นแกล้งครอบครัวผมมากกว่า

และสุดท้ายเรื่องมันคงมาหยุดที่พวกเค้าที่ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น โดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้     ผมจะจัดการยังไงดีครับกับคนพวกนี้

   - เค้ามีสิทธิที่จะไล่ผมออกจากที่ดินที่ผมซื้อได้หรือเปล่าครับ  ? เพราะเหตุใด?  เพราะเค้าพูดบ่อยครั้งเหลือเกิน

                                     ขอขอบคุณในความกรุณา ของคุณ ลีนนท์ ด้วยครับ   

1. การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ถ้าไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะ จึงจะไปบังคับให้เขาโอนที่ดินไม่ได้ครับ

2. เพราะเขารู้ว่าเขาอยู่ในฐานะที่ได้เปรียบในทางกฎหมายเขาจึงวางเฉยอย่างที่เป็นอยู่ ทางเรามีข้อผิดพลาดที่ควรจะได้ดำเนินการตามที่กฎหมายบังคับไว้แต่แรกคือไปจดทะเบียนโอนเสียตั้งแต่ตอนซื้อขายกันก็ตัดปัญหาเรื่องนี้ได้ ดังนั้นเมื่อมีปัญหาแล้วก็ต้องฟ้อง

3.  ก็มีสิทธิจะฟ้องทางครอบครัวคุณได้ เพราะการซื้อขายไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ หรืออาจตั้งเรื่องว่า ทางผู้ตายให้คุณมาอยู่อาศัยโดยไม่ได้มีการซื้อขายกัน โดยไม่ยอมรับรู้เรื่องการซื้อขายก็ได้ แต่ผิดถูกอย่างไรก็ต้องไปว่ากันในชั้นศาลครับ

แต่ที่เรื่องสามารถดำเนินมาถึงขึ้นตอนนี้เป็นเพราะทางอัยการจังหวัดเป็นผู้ประสานงานให้โดยให้ภรรยาผู้ตายไปขึ้นศาลเพื่อแต่งตั้งให้ภรรยาเป็นผู้จัดการมรดกจากนั้นก็มีหมายเอกสารจากศาลให้ภรรยาผู้ตายกับผูซื้อ(ครอบครัวของผม)นำไปยื่นที่กรมที่ดินแล้วมารังวัดจนกระทั้งเสร็จ

มีเอกสารให้ภรรยาผู้ตายไปเซนต์ชื่อรับรอง แต่ขันตอนนี้เกิดล้าช้าไปโดยที่เค้าไม่ทำอะไรเลย มันจะหมดอายุหรือเปล่าครับจนที่จะต้องดำเนินเรื่องใหม่ทั้งหมด จนกลายเป็นว่าผมต้องถูกไล่ที่อพพยพไปที่อื่นอีก ใช่หรือเปล่าครับ   

    - แสดงว่าผมต้องรอเค้าอย่างเดียวใช่หรือเปล่าครับ เกิดวันใดวันนึงเค้ากุเรื่องให้เป็นเรื่องเป็นราว ผมคงต้องย้ายออกอย่างนั้นเลยหรือครับ

    - แม้มาถึงในขึ้นตอนนี้ผมก็ยังเสียเปรียบเค้าอยู่ใช่หรือเปล่าครับ

    ผมคิดสงสารครอบครัวตัวเองมากๆ ทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลย เป็นครอบครัวจนๆครอบครัวนึง หาเช้ากินคำ เป็นพวกประเภทญาติไม่รู้จัก แต่เมื่อเทียบกับเค้าแล้วเหมือนฟ้ากับเหว เมื่อก่อนยังช่วยเหลือเจือจุนกันดีๆ    คิดว่านี้จะเป็นสมบัติที่จะพอซุกหัวนอนก่อนจะตาย กับจะถูกแย่งยื้ออยู่ อดสูใจจริงๆครับ   แต่สุดท้ายคิดว่ากฎหมายจะช่วยอะไรได้บ้าง.............................นี้แหละหนอคน.

                          ขอขอบคุณในความกรุณา ของคุณ ลีนนท์ อีกครั้งครับ

ที่บอกว่า"มีเอกสารให้ภรรยาผู้ตายไปเซนต์ชื่อรับรอง "

อันนี้คุณลองไปคัดสำเนามาให้ผมดูได้ไหมผมจะช่วยตรวจดูให้ว่าเอกสารดังกล่าวทางคุณจะเดินหน้าในทางกฎหมายได้อย่างไรบ้าง

ส่วนเรื่องที่ทางพนักงานอัยการเขาดำเนินการยื่นคำร้องขอตั้งผู้จัดการมรดกนั้นคงไม่มีผลอะไรกับที่ดินของคุณเพราะอย่างไรก็ต้องตั้งผู้จัดการมรดกอยู่ดี ที่คุณรียกว่า "ฟ้องผี"  นั่นแหละครับ

หากคุณต้องการให้คืบหน้าคุณก็ต้องเป็นฝ่ายรุกโดยยื่นคำร้องต่อศาลให้มีคำสั่งว่าคุณมีสิทธิครอบครองตามที่ผมเคยให้ความเห็นไว้แต่แรกในความเห็นที่ 1 แต่คุณก็ต้องหาทนายความดำเนินการให้ซึ่งจะมีค่าใช้จ่าย แต่หากคุณไม่ทำอะไร และถ้าเขาฟ้องขับไล่คุณจริง ๆ คุณก็ฟ้องแย้งไปในตอนที่ถูกฟ้องก็ได้