ReadyPlanet.com


ให้โฉนดยึดถือไว้เป็นประกันเงินกู้


สามีของดิฉัน ได้ไปกู้เงิน เจ้าหนี้รายหนึ่ง จำเนวน 100,000 บาท โดยดิฉันไม่ได้ให้ความยินยอม

นอกจากนี้สามียังได้นำโฉนดที่ดินอันเป็นสินสมรสไปให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้เป็นประกันหนี้ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากดิฉันอีกด้วย

ถามว่า 1. สัญญากู้ยืมเงินระหว่าวสามี กับเจ้าหนี้สมบูรณ์หรือไม่ เป็นโมฆะหรือไม่

             2. ดิฉันจะเรียกให้เจ้าหนี้คืนโฉนดที่ดินได้หรือไม่

 



ผู้ตั้งกระทู้ นิภาพร :: วันที่ลงประกาศ 2009-12-12 20:22:17


[1]

ความคิดเห็นที่ 1 (2015355)

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน
(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา

ในการจัดการสินสมรสระหว่างสามีและภริยาที่กฎหมายบังคับให้ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งนั้น ไม่รวมถึงการกู้ยืมเงิน แต่บังคับเฉพาะเรื่องให้กู้ยืมเงินเท่านั้น ดังนั้นสัญญากู้ยืมเงินระหว่างสามีคุณ กับเจ้าหนี้จึงสมบูรณ์ใช้บังคับได้ครับ

 

เมื่อสามีมอบโฉนดที่ดินให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้ จะเรียกคืนได้ก็คงต้องชำระหนี้เจ้าหนี้เสียก่อนเพราะเขามีสิทธิยึดหน่วงไว้ก่อนได้ แต่ก็ไม่สามารถไปดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนได้

 

ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-12-12 21:18:02


ความคิดเห็นที่ 2 (2015356)

 

ความยินยอมในการจัดการสินสมรส

 

ป.พ.พ. มาตรา 1476 (4) มุ่งหมายให้การให้กู้ยืมเงินเป็นนิติกรรมที่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายในการจัดการสินสมรส การกู้ยืมเงินมิใช่ให้กู้ยืมเงินจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติดังกล่าว

          การบังคับคดีตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหากมิใช่หนี้ร่วม เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะบังคับคดีได้เพียงสินสมรสในส่วนของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเท่านั้น มิได้กระทบกระเทือนสินสมรสในส่วนของคู่สมรสของลูกหนี้ตามคำพิพากษา การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาบังคับคดีแก่ที่ดินสินสมรส จึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ซึ่งเป็นคู่สมรสของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมสัญญากู้ยืมระหว่างเจ้าหนี้ตามคำพิพากษากับลูกหนี้ตามคำพิพากษา

 

มาตรา 1476 สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความ ยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ขาย แลกเปลี่ยน ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง หรือ โอนสิทธิจำนองซึ่งอสังหาริมทรัพย์หรือสังหาริมทรัพย์ที่อาจจำนองได้
(2) ก่อตั้งหรือกระทำให้สุดสิ้นลงทั้งหมดหรือบางส่วนซึ่งภาระจำยอม สิทธิอาศัย สิทธิเหนือพื้นดิน สิทธิเก็บกิน หรือภาระติดพันในอสังหาริมทรัพย์
(3) ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกินสามปี
(4) ให้กู้ยืมเงิน
(5) ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา
(6) ประนีประนอมยอมความ
(7) มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย
(8) นำทรัพย์สินไปเป็นประกัน หรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงานหรือศาล


การจัดการสินสมรสนอกจากกรณีที่บัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง สามีหรือภริยา จัดการได้มิต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่ง

 

 


คำพิพากษาศาลฎีกาที่  6193/2551

 

 โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 36231 เป็นสินสมรสของโจทก์กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นสามีภริยากัน เมื่อเดือนมีนาคม 2546 โจทก์ได้รับหมายเรียกของศาลชั้นต้น ในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 178/2545 ซึ่งแจ้งให้โจทก์ส่งต้นฉบับโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวต่อศาล โจทก์ไปขอตรวจดูสำนวนจึงได้ทราบความจริงว่าในคดีดังกล่าวจำเลยที่ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยที่ 1 ให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมเงิน และศาลมีคำพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงิน 400,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย จำเลยที่ 1 ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา จึงมีการบังคับคดีเพื่อขายทอดตลาดที่ดินโฉนดดังกล่าว โจทก์เห็นว่าไม่ถูกต้องจึงยื่นคำร้องคัดค้านการขายทอดตลาดไว้แล้ว การที่จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้ยืมเงินกับจำเลยที่ 2 โดยระบุในสัญญาว่า ได้นำโฉนดที่ดินอันเป็นสินสมรสดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 2 ยึดถือไว้เป็นประกันการชำระหนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์นั้น เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย และเป็นนิติกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะลายมือชื่อในช่องผู้กู้มิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 แต่เป็นลายมือชื่อปลอม สัญญากู้ยืมจึงเป็นเอกสารปลอม ขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมสัญญากู้ยืมเงินจำนวน 400,000 บาท ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542

          ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า นิติกรรมการกู้ยืมเงินระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 หากจะไม่สมบูรณ์ก็เป็นเรื่องของจำเลยทั้งสอง และมิได้เกี่ยวข้องกับสินสมรสของโจทก์ เพราะมิใช่นิติกรรมอันเกี่ยวกับการจัดการสินสมรส โจทก์มิได้มีส่วนได้เสียในนิติกรรมและมิได้ถูกโต้แย้งสิทธิ พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

          โจทก์อุทธรณ์

          ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

          โจทก์ฎีกา

          ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า นิติกรรมการกู้ยืมเงินระหว่างจำเลยทั้งสองนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจัดการสินสมรสของโจทก์ที่ต้องจัดการร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1476 บัญญัติว่า สามีและภริยาต้องจัดการสินสมรสร่วมกันหรือได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งในกรณีดังต่อไปนี้

          (4) ให้กู้ยืมเงิน

          บทบัญญัติมาตรานี้มุ่งหมายให้การให้กู้ยืมเงินเป็นนิติกรรมที่ต้องได้รับความยินยอมจากอีกฝ่ายหนึ่งในการจัดการสินสมรส ส่วนการที่จำเลยที่ 1 ไปกู้ยืมเงินจำเลยที่ 2 เป็นเรื่องกู้ยืมเงินมิใช่ให้กู้ยืมเงิน กรณีจึงหาต้องด้วยมาตรา 1476 ไม่

          ที่โจทก์ฎีกาต่อมาว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 36231 ตำบลดงขี้เหล็ก อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเอกสารสำคัญในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 178/2545 ซึ่งศาลได้มีหมายเรียกแจ้งให้โจทก์นำส่งต้นฉบับต่อศาลเพื่อบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ซึ่งหากให้โจทก์นำส่งโฉนดที่ดินตามคดีดังกล่าวต่อศาลตามคำสั่งแล้ว ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า การบังคับคดีในคดีแพ่งหมายแดงที่ 178/2545 นั้น หากโจทก์มิได้เป็นหนี้ร่วมกับจำเลยที่ 1 การบังคับคดีก็หาอาจกระทบกระเทือนสิทธิโจทก์ได้ไม่ เพราะจำเลยที่ 2 จะบังคับคดีได้เพียงสินสมรสในส่วนของจำเลยที่ 1 เท่านั้น มิได้กระทบกระเทือนสินสมรสในส่วนของโจทก์ การกระทำดังกล่าวจึงไม่เป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คำพิพากษาศาลล่างทั้งสองชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”

          พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ


 

 

( สมศักดิ์ อเนกพุฒิ - ศิริชัย จิระบุญศรี - ศุภชัย สมเจริญ )

 


 

ผู้แสดงความคิดเห็น ***** วันที่ตอบ 2009-12-12 21:19:29



[1]


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล