เหตุนี้เกิดขึ้นกับพี่ที่ทำงานคะ เรื่องมีอยู่ว่า

หลังจากงานปาร์ตี้เลิก พี่ที่ทำงานได้ขับรถยนต์เพือกลับบ้าน ระหว่างทางได้เกิดอุบัติเหตุชนท้ายกับรถจักรยานยนต์ ขณะเกิดเหตุพี่คนขับไม่ได้จอดรถลงมาดูคนเจ็บในทันที ได้ขับเลยไปประมาณเกือบ 1 กิโลเมตร แล้วจอด เพื่อเปลี่ยนให้พี่ที่นั้งคู่กันมาเป็นคนขับแทน เพื่อวกรถกลับมาดูที่เกิดเหตุ โดยผู้ป่วย 2 สามีภรรยา ได้ถูกรถมูลนิธินำส่งโรงพยาบาล (ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง-จากการโทรสอบถามจากแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล ไม่เกิน 1 ชม. หลังเกิดเหตุ) ตำรวจได้เข้ามายึดรถและใบขับขี่ของผู้ขับชน ในระหว่างทางที่ตำรวจขับรถที่ถูกยึดกลับมายังโรงพัก ตำรวจได้ขับรถไปชนกับจักรยานายนต์อีกคันหนึ่ง ซึ่งซ้อน 3 มา (1 คน ขาหักต้องนอนโรงพยาบาล อีก 2 คน อาการภายนอกปกติ แต่ต้องรอเอกซ์เรย์) เมื่อไปถึงโรงพักตำรวจได้นำตัวคนขับไปขัง โดยบอกว่ามีอาการเมาแล้วขับ ไม่ให้ประกันตัว

 ดิฉันได้ยืนสอบถามพยานที่เห็นเหตุการณ์ อยู่หน้าบริเวณโรงพักเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อให้เกิดความกระจ่างในเหตุการชนทั้ง 2 ครั้ง

สงสัยตำรวจจะเกิดอาการรำคาญ!!! เลยบอกว่าให้พาตัวผู้ต้องหากลับไปนอนพักที่บ้านก่อน แล้วพรุ่งนี้ 4 โมงเย็นสร่างเมาค่อยเข้ามาคุยกันใหม่ (ไม่มีการเป่าแอลกอฮอล์และเซนต์รับทราบลงในบันทึกประจำวันใดๆ) ตำรวจให้พาตัวผู้ถูกขังออกมาทางประตูหลังโรงพัก โดยให้เหตุผลว่าป้องกันญาติผู้บาดเจ็บเห็น

วันรุ่งขึ้นเจ้าของรถได้โทรแจ้งบริษัทประกันของธนชาติ ที่ได้ทำประกันชั้น 1 ไว้ โดยตัวแทนของประกันได้เป็นผู้โทรเข้าไปคุยกับตำรวจ และแจ้งกลับมาว่า โดนข้อหาชนแล้วหนี หลังจากนั้นตัวแทนประกันได้ถามกลับมาว่าไม่ทราบว่าตำรวจที่ขับรถไปชนมีใบขับขี่หรือเปล่า???

คำถาม

1. ดิฉันจำเป็นจะต้องถามตำรวจก่อนทุกครั้งที่จะขับรถของเราไปโรงพักด้วยหรือคะ ว่าคุณมีใบขับขี่หรือเปล่า^^"

2. ในกรณีนี้ถือว่ามีความผิดข้อหาชนแล้วหนีหรือเปล่าคะ

3. ในกรณีที่ไม่มีการเป่าแอลกอฮอล์และลงบันทึกประจำวัน ทางประกันมีสิทธ์ที่จะปฏิเสธการซ้อนรถให้กับเราหรือเปล่าคะ

4. ในกรณีผู้ที่ผู้บาดเจ็บที่เราขับรถไปชนมีอาการมึนเมา และขับรถแฉลบออกมาในทางของเราเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ เรายังถือว่าเป็นผู้ที่มีความผิดอยู่หรือเปล่าคะ