เธอไม่ออกจากบ้านผม | |
ผมแต่งงานกับผู้หญิงแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสอยู่กินได้ 2 ปี แต่งแล้วเธอมาอยู่บ้านพ่อ แม่ ผม แต่เธออยู่ไม่ได้มีปัญหาต่างๆ ผมจึงได้ซื้อบ้านทาว์นเฮาส์ 1 หลัง เพื่อแยกออกมาอยู่กัน 2 คน ขณะนี้กำลังผ่อนกับธนาคารผ่อนไปได้ 1 ปีกว่าแล้วครับ (บ้านหลังนี้เป็นชื่อของผมเพราะผมเป็นผู้กู้) ปัจจุบันผมต้องการแยกทางกับเธอ โดยส่วนตัวผมได้กลับไปอยู่บ้านพ่อ แม่ ผมหลายเดือนแล้ว ส่วนเธอยังคงอยู่ทาว์นเฮ้าส์ที่ผมกล่าวมาข้างต้นคนเดียว ผมขอร้องให้เธอกลับไปอยู่บ้นพ่อ แม่ของเธอ เธอไม่ยอมกลับ และเธอบอกว่าจะไม่ยอมย้ายออกจากบ้านหลังนี้เด็ดขาด ผมจะทำอย่างไร? ดีครับ ปัจจุบันผมหาทางออกโดยการไม่ส่งเงินค่าผ่อนบ้านกับ Bank มา 1 เดือนแล้วครับ ทาง Bank มีเอกสารทวงค่าชำระส่งมาที่บ้านทาว์นเฮ้าส์ เธอก็รู้ว่าผมไม่ได้ผ่อนแล้ว เธอบอกว่ายังไงก็ไม่ออกจากบ้านหลังนี้เพราะกว่า Bank จะมายึดก็อีกหลายปีเธอจะอยู่จนถึงวันที่ Bank มายึด ผมทำถูกหรือเปล่าครับ ใจจริงผมต้องการขายบ้าน ไม่ได้ต้องการทำแบบนี้ เพราะรู้ว่าจะโดน Black List จาก Bank จะทำอย่างไรดีครับ? ทุกวันนี้ผมได้ให้รถยนต์เธอไป 1 คันแล้วทุกวันนี้ผมต้องขึ้นรถดยสารประจำทางไปทำงานในรถยังมีของใช้ของผมอยู่เช่น โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ ผมบอกจะให้น้องชายไปเอาของในรถเธอบอกไม่ให้ ถ้าผมไม่ไปเอาของด้วยตนเอง แต่ผมกลัวเธอผมจึงไม้กล้าไป ช่วยผมด้วยเถอะครับมีทางออกกฏหมายข้อไหนที่จะทำกับเธอได้ ทุกวันนี้เธอโทรหาผม ผมรำคาญมากเลย | |
ผู้ตั้งกระทู้ อินทะนิน :: วันที่ลงประกาศ 2008-05-21 17:12:00 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1751349) | |
เมื่อคุณเป็นสามีภรรยากัน แม้มิได้จดทะเบียนสมรส และบ้านเป็นชื่อของคุณคนเดียว แต่ภรรยาคุณอ้างกรรมสิทธิ์รวมได้ครับ ทางแก้อาจทำได้โดยบอกขาย เมื่อขายได้ก็แบ่งส่วนให้ภรรยาคนละครึ่งดีไหมครับ เพราะอย่างน้อยเขาก็เป็นภรรยาคุณ อยากให้คิดถึงตอนที่รักกันใหม่ๆ เคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขาเป็นฝ่ายหญิงเมื่อเลิกกันก็คงเสียหายมากกว่าฝ่ายชาย ตกลงกันด้วยดีก็จะเป็นผลดีทั้งสองฝ่ายครับ อีกทางก็คือฟ้องขับไล่แล้วไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล แต่ก็ไม่แนะนำทางออกนี้เพราะอยากให้คุยกันมากกว่า เรื่องหยุดส่งกับทางธนาคาร ผมขอแนะนำว่าคุณมาผิดทางแน่นอน เพราะนั่นไม่ใช่ทางออกครับ ปัญหาที่จะตามมามีอีกมาก ดอกเบี้ยเดินเร็วกว่าคนเดินเสียอีก ต่อไปเมื่อคุณรับดอกเบี้ยไม่ไหว อาจนำไปสู่การถูกฟ้องร้องล้มละลายได้เมื่อหนี้มีถึง 1 ล้านเมื่อใดตามเงื่อนไข กฎหมายล้มละลาย ดังนั้นก่อนที่จะตกลงกันได้ ขอให้ส่งไปก่อนครับ เรื่องรถยนต์คุณคงเต็มในให้ไม่ประสงค์จะเรียกคืน แต่จะขอโน๊ตบุ๊คคืน ก็ไปคุยกันครับ คนเคยมีความสัมพันธ์กัน ไม่น่าจะฆ่าแกงกันได้ ถ้ากลัวก็หาเพื่อนไปด้วยก็ได้ เขาคงอาลัยรักคุณอยู่ ต่อไปก็เบื่อไปเอง ตอนนี้เครื่องมันกำลังร้อน ขอให้คุณโชคดี มีคำถามหรือผมตอบไม่ครบประเด็นถามเข้ามาใหม่นะครับ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2008-05-21 21:01:24 |
ความคิดเห็นที่ 2 (4550988) | |
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9577/2552 ขณะจำเลยได้รับสิทธิในการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลง จำเลยอยู่กินฉันสามีภรรยากับโจทก์ โดยยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย แต่สิทธิดังกล่าวก็ถือได้ว่าเป็นทรัพย์สินที่จำเลยกับโจทก์ได้มาขณะอยู่กินด้วยกันแล้ว จึงเป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างโจทก์กับจำเลย แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าจำเลยสมัครเป็นสมาชิกนิคมสร้างตนเองเพียงผู้เดียวก็เป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับนิคม เมื่อโจทก์กับจำเลยมีสิทธิในการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทร่วมกัน โจทก์ย่อมมีสิทธิในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงกึ่งหนึ่ง แม้ตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ.2511 มาตรา 12 วรรคสอง จะบัญญัติว่าที่ดินในนิคมซึ่งได้รับการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไม่อยู่ในความรับผิดแห่งการบังคับคดีภายในห้าปี ศาลก็พิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทกึ่งหนึ่งได้มิใช่เป็นการบังคับให้จำเลยแบ่งกรรมสิทธิ์รวมให้โจทก์แต่อย่างใด กรณีไม่ขัดกับบทบัญญัติดังกล่าว | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2024-01-10 12:21:56 |
[1] |