ข้อพิพาทน้ำ | |
ที่บ้านผมเป็นที่สูง ที่ข้างบ้านเป็นที่ต่ำ เวลามีฝนตกลงมาน้ำก็จะไหลผ่านที่บ้านผมไปที่ข้างบ้านแล้วไหลลงทางน้ำต่อไป แต่ตอนนี้ข้างบ้านนำดินมาถมที่จากหน้า-หลังบ้านทำให้ตอนเวลามีฝนตกลงมาน้ำได้ไหลเข้าท่วมบ้านของผม ( ระดับน้ำสูงเกินหัวเข่า ) ต้องไปเรียกเทศบาลมาช่วยสูบน้ำออก ข้าว-ของ-เครื่องใช้เสียหาย น้ำไม่สามารถไหลผ่านได้เหมือนเมื่อก่อนเพราะติดแนวคันดินที่ข้างบ้านถมขึ้น ผมทำหนังสือแจ้งถึงเจ้าของที่ 1ให้รื้อแนวคันดินที่ถมทั้งหมด หรือ 2ให้วางท่อระบายน้ำเวลาฝนตกลงมาน้ำจะได้ไม่ท่วมบ้านผมอีก แต่ข้างบ้านไม่ยอมทำตามที่ผมมีหนังสือแจ้งไปและบอกว่าเดี๋ยวจะเอาดินมาถมเพิ่มให้สูงขึ้มไปอีก ผมอยากปรึกษาแนวทางปฎิบัติหลังจากที่ผมมีหนังสือแจ้งไปแล้วว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ถ้าต้องการดำเนินคดีตามกฎหมาย ***และทรัพย์สินที่เสียหายจากน้ำท่วมนั้นผมสามารถเรียกค่าเสียหายย้อนหลังได้หรือไม่ ขอบคุณมากครับ | |
ผู้ตั้งกระทู้ B :: วันที่ลงประกาศ 2013-03-23 09:47:16 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2344126) | |
ถมดินทางระบายน้ำปิดกั้นการระบายน้ำ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1062/2537 ที่ดินของจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นที่ลุ่มอยู่ต่ำกว่าที่ดินของโจทก์ทั้งสิบเจ็ด จำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339 วรรคแรกและจำต้องรับน้ำซึ่งไหลเพราะระบายจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตนเพราะก่อนหน้านี้น้ำจากบริเวณที่ดินของโจทก์ทั้งสิบเจ็ดซึ่งเป็นที่สูงก็ได้ระบายไหลเข้ามาในที่ดินของจำเลยทั้งสองในบริเวณที่พิพาทตามธรรมดาอยู่แล้วดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 1340 วรรคแรกแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เมื่อจำเลยทั้งสองใช้ดินกลบลำรางในที่พิพาทเป็นเหตุให้น้ำท่วมนาของโจทก์ทั้งสิบเจ็ดจนได้รับความเดือดร้อนเสียหายเช่นนี้ โจทก์ทั้งสิบเจ็ดย่อมมีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองทำที่พิพาทให้เป็นลำรางระบายน้ำตามเดิมได้ โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์ทั้งสิบเจ็ดซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินในบริเวณทุ่งใหญ่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายเพราะจำเลยทั้งสองใช้ดินกลบลำรางระบายน้ำซึ่งเป็นทางระบายน้ำที่ไหลจากบริเวณที่ดินโจทก์ทั้งสิบเจ็ดผ่านลำรางดังกล่าวไปสู่บึงน้ำสาธารณะมานาน 40 ถึง 50 ปีแล้ว เป็นทางภารจำยอม อันเป็นการบรรยายถึงสิทธิของโจทก์ทั้งสิบเจ็ดที่จะใช้ลำรางระบายน้ำนั้นได้โดยไม่ให้จำเลยทั้งสองปิดกั้น ซึ่งในคดีแพ่งนั้นโจทก์ไม่จำเป็นจะต้องยกบทกฎหมายขึ้นกล่าวอ้าง เพียงแต่บรรยายข้อเท็จจริงและมีคำขอบังคับก็เป็นเพียงพอแล้ว ส่วนบทกฎหมายใดจะใช้บังคับแก่คดีย่อมเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกมาปรับแก่คดีเอง ฉะนั้นเมื่อข้อเท็จจริงได้ความตามทางพิจารณาว่า กรณีเป็นเรื่องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1339 วรรคแรก และมาตรา 1340 วรรคแรก ศาลก็มีอำนาจวินิจฉัยได้ว่ากรณีเป็นเรื่องดังกล่าวได้ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ร่วมกันขุดเปิดลำรางก็ให้โจทก์ทั้งสิบเจ็ดดำเนินการเองโดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นแทน ไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว โจทก์ทั้งสิบเจ็ดชอบที่จะขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการให้ จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่โจทก์ทั้งสิบเจ็ดฟ้องว่าได้อาศัยที่ดินของจำเลยทั้งสองเป็นเส้นทางระบายน้ำผ่านมาตลอดระยะเวลา40 ถึง 50 ปี ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด ความจริงแล้วเมื่อมีน้ำมากเกินความต้องการ โจทก์ทั้งสิบเจ็ดก็จะระบายน้ำลงสู่คลองส่งน้ำชลประทานราษฎร์ไหลลงสู่บึงไผ่แขก ที่ดินของจำเลยทั้งสองจึงไม่เป็นภารจำยอม ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันขุดเปิดลำรางภารจำยอมตรงแนวเขตที่ดินของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เล่มที่ 14 กว้างประมาณ 2 วา ยาวประมาณ 194 เมตรลึกประมาณ 1 วา โดยให้ลำรางอยู่ในเขตที่ดินของจำเลยทั้งสองคนละครึ่งหากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติตามก็ให้โจทก์ทั้งสิบเจ็ดดำเนินการเองโดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นแทนและให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสิบเจ็ดหากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองฎีกา ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาว่า หากจำเลยทั้งสองไม่ร่วมกันขุดเปิดลำรางก็ให้โจทก์ทั้งสิบเจ็ดดำเนินการเองโดยให้จำเลยทั้งสองร่วมกันออกค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นแทน นั้น ไม่ชอบด้วยวิธีการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 ทวิ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่จะดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าว โจทก์ทั้งสิบเจ็ดชอบที่จะขอต่อศาลให้มีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการให้ และเมื่อกรณีมิใช่เรื่องภารจำยอมก็ไม่ต้องมีการจดทะเบียนภารจำยอม ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยไปจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินดังกล่าวให้แก่โจทก์ทั้งสิบเจ็ดหากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสองนั้นจึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขเสียให้ถูกต้อง พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนภารจำยอม และคำขอที่ว่าหากจำเลยทั้งสองไม่สามารถขุดเปิดทางภารจำยอมด้วยตนเองได้ ให้โจทก์ทั้งสิบเจ็ดเป็นผู้กระทำแทนโดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2013-03-23 11:54:32 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2344131) | |
ขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนคันดินกั้นทางน้ำออก มาตรา 420 ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง จำเลยฎีกา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2013-03-23 12:30:14 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2344136) | |
น้ำใช้แล้วหรือน้ำโสโครกจากที่ดินสูงไหลไปที่ดินต่ำ น้ำใช้แล้วหรือน้ำโสโครกไม่อยู่ในความหมายของน้ำตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1339, 1340 ซึ่งหมายความเฉพาะน้ำตามธรรมชาติ เช่นน้ำฝนเป็นต้น มาตรา 1339 เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาจากที่ดินสูงมาในที่ดินของตน จำเลยที่ ๑ ให้การว่า เดิมที่ดินของจำเลยที่ ๒ กับที่ดินโจทก์มีระดับเสมอกัน ต่อมาโจทก์ถมดินในที่ดินของโจทก์ จึงทำให้ที่ดินของโจทก์มีระดับสูงกว่าที่ดินของจำเลยที่ ๒ กรณีไม่อยู่ในบังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๓๓๙ โจทก์สร้างอาคารฝ่าฝืนพระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง โดยไม่สร้างทางระบายน้ำจากอาคารโจทก์ลงไปทางระบายน้ำของเทศบาล ขอให้ยกฟ้อง จำเลยที่ ๒ ให้การว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เดิมที่ดินจำเลยที่ ๒ กับที่ดินโจทก์มีพื้นที่ระดับเดียวกัน แต่โจทก์มาถมดินภายหลังจึงทำให้ที่ดินของโจทก์สูงกว่าที่ดินของจำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๒ ไม่จำต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับการระบายน้ำจากที่ดินโจทก์ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ที่ดินโจทก์สูงขึ้นเพราะการถมไม่ใช่สูงโดยธรรมชาติ โจทก์ไม่มีสิทธิขอให้จำเลยเปิดทางระบายน้ำ พิพากษายกฟ้อง โจทก์ทั้งเจ็ดอุทธรณ์ โจทก์ทั้งเจ็ดฎีกา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2013-03-23 12:41:44 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2344137) | |
เจ้าของที่ดินต่ำมีสิทธิจะเรียกร้องให้เจ้าของที่ดินสูงจัดการทำทางระบายน้ำเสียใหม่และมีสิทธิเรียกค่าทดแทน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 428/2491 เจ้าของที่ดินจำต้องรับน้ำซึ่งไหลตามธรรมดาหรือเพราะระบายน้ำจากที่ดินสูงลงมาในที่ดินของตน ถ้าได้รับความเสียหายก็มีสิทธิจะเรียกร้องให้เจ้าของที่ดินสูงจัดการทำทางระบายน้ำเสียใหม่และมีสิทธิเรียกค่าทดแทน จะปิดกั้นทางน้ำไหลเสียโดยพละตนเองหาชอบไม่ และเมื่อปรากฏว่า การปิดกั้นทางน้ำไหลนั้นทำให้เจ้าของที่ดินสูง ได้รับความเสียหาย ตนก็ต้องรับผิด จำเลยต่อสู้ว่าโจทก์มีทางระบายน้ำของโจทก์อยู่แล้วกลับปิดเสียให้น้ำมาลงทางนาจำเลยเป็นเหตุให้ต้นข้าวจำเลยเสียหาย จำเลยจึงปิดกั้นเสีย ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยเปิดช่องระบายน้ำที่พิพาทตามเดิม และให้ใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง จำเลยฎีกา | |
ผู้แสดงความคิดเห็น admin วันที่ตอบ 2013-03-23 12:46:05 |
[1] |