อายุความเงินกู้ธนาคาร(ด่วนมากค่ะ) | |
อยากทราบว่าคดีธนาคารฟ้องเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้เงินกู้ซื้อบ้าน โดยจำนองบ้านเป็นหลักประกัน และมีข้อตกลงผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นรายเดือน อายุความฟ้องร้องกี่ปีคะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ จอย :: วันที่ลงประกาศ 2012-09-17 20:46:06 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2307165) | |
กรณีดังกล่าวมีหนี้ประธานคือสัญญากู้ยืมเงิน และหนี้อุปกรณ์ คือหนี้ตามสัญญาจำนองประกันหนี้ กรณีที่สัญญากู้ยืมมีข้อตกลงผ่อนทุนคืนเป็นงวด ๆ จึงมีอายุความ 5 ปี ส่วนหนี้จำนองไม่มีอายุความแต่จะเรียกดอกเบี้ยย้อนหลังได้ไม่เกิน 5 ปี มาตรา 193/33 สิทธิเรียกร้องดังต่อไปนี้ให้มีกำหนดอายุความห้าปี มาตรา 744 อันจำนองย่อมระงับสิ้นไป มาตรา 745 ผู้รับจำนองจะบังคับจำนองแม้เมื่อหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความแล้วก็ได้ แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีไม่ได้
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายลีนนท์0859604258 วันที่ตอบ 2012-10-11 16:15:57 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2307173) | |
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ 2 อุทธรณ์โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา โดยให้เสียค่าธรรมเนียมศาลเพียง 100,000 บาท ค่าธรรมเนียมศาลนอกจากนี้ได้รับยกเว้น ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ย ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นเฉพาะค่าขึ้นศาลให้จำเลยทั้งสองใช้แทนโจทก์เท่าที่โจทก์ชนะคดีในชั้นอุทธรณ์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น สำหรับค่าธรรมเนียมศาลชั้นอุทธรณ์ในส่วนที่จำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถาให้โจทก์นำมาชำระต่อศาลในนามของจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ โจทก์ฎีกา อนึ่ง โจทก์ยื่นฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จึงเป็นคดีมีทุนทรัพย์จำนวน 4,350,638.52 บาท ต้องเสียค่าขึ้นศาล 108,765 บาท โจทก์ชำระค่าขึ้นศาลในชั้นฎีกา 136,967.50 บาท จึงเป็นการชำระค่าขึ้นศาลเกินมา 28,202.50 บาท จึงต้องคืนส่วนที่เกินให้แก่โจทก์” พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ คืนค่าขึ้นศาลที่เสียเกินมาจำนวน 28,202.50 บาท แก่โจทก์ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-10-11 16:29:16 |
ความคิดเห็นที่ 3 (2307177) | |
หนังสือรับสภาพหนี้ไม่ได้มีข้อตกลงว่า หากจำเลยทั้งสองผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดถือว่าผิดนัดทั้งหมดหรือหนี้ทั้งหมดนั้นถึงกำหนดชำระอันจะทำให้โจทก์มีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้ทั้งหมดคืนได้ทันที ข้อความที่ระบุไว้ในหนังสือรับสภาพหนี้ว่า หากผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งยินยอมให้ฟ้องร้องบังคับคดีได้ทันที หมายถึงสิทธิเรียกร้องของโจทก์จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อจำเลยทั้งสองผิดนัดในงวดนั้นๆ แล้วเท่านั้น ส่วนงวดที่ยังไม่ถึงกำหนดชำระโจทก์ก็ยังไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาแก่จำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 40,000 บาท โจทก์คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 2.50 บาทต่อเดือนเป็นเวลา 1 ปี เป็นเงิน 12,000 บาท สัญญารับสภาพหนี้จำนวน 52,000 บาท จึงรวมดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดโจทก์คิดดอกเบี้ยซ้อนดอกเบี้ยและโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกิน 5 ปี สัญญารับสภาพหนี้เป็นข้อตกลงให้มีการผ่อนทุนคืนเป็นงวด สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่จะให้ชำระหนี้ตามสัญญามีกำหนด 5 ปี เมื่อนับแต่วันที่ 19 มกราคม 2541 ถึงวันฟ้องเกิน 5 ปี คดีโจทก์ย่อมขาดอายุความ จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันจึงหลุดพ้นความรับผิดด้วย ขอให้ยกฟ้อง จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ จำเลยทั้งสองฎีกา พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ. | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-10-11 16:36:40 |
ความคิดเห็นที่ 4 (2307181) | |
ผู้รับจำนองสามารถบังคับจำนองได้ไม่ว่าหนี้ที่ประกันขาดอายุความแล้วหรือไม่ก็ตาม บทบัญญัติมาตรา 745 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บัญญัติว่าผู้รับจำนองจะบังคับจำนองแม้เมื่อหนี้ที่ประกันซึ่งหมายถึงหนี้ประธานขาดอายุความแล้วก็ได้ ทั้งตามบทบัญญัติมาตรา 744 (1) ว่าด้วย การระงับสิ้นไปของสัญญาจำนองไม่ได้บัญญัติให้จำนองระงับสิ้นไปด้วยเหตุหนี้ประธานระงับสิ้นไปเพราะเหตุขาดอายุความฟ้องคดี เจ้าหนี้จึงสามารถฟ้องบังคับจำนองเอาชำระหนี้ประธานได้เต็มจำนวน แต่เจ้าหนี้จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่า 5 ปี ไม่ได้ ซึ่งก็เป็นการสอดรับกับบทบัญญัติว่าด้วยอายุความตามมาตรา 193/33 (1) ว่า สิทธิเรียกร้องในส่วนดอกเบี้ยค้างชำระมีอายุความ 5 ปี ฉะนั้น แม้หนี้ประธานจะยังไม่ขาดอายุความ สิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยที่ค้างชำระก็ยังคงมีอายุความ 5 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 193/33 (1) เช่นเดียวกัน ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1416/2540 ป.พ.พ. มาตรา 745 บัญญัติว่า “ผู้รับจำนองจะบังคับจำนอง แม้เมื่อหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความแล้วก็ได้แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีไม่ได้” ซึ่งหมายความว่าผู้รับจำนองสามารถบังคับจำนองได้ไม่ว่าหนี้ที่ประกันขาดอายุความแล้วหรือไม่ก็ตาม แต่ห้ามมิให้บังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีเท่านั้น หาใช่บังคับจำนองได้แต่เฉพาะหนี้ที่ขาดอายุความดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ที่ค้างชำระไม่เกิน 5 ปี ด้วย จำเลยที่ 1 ที่ 4 ที่ 6 และที่ 7 ขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 2,230,366.03 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 13.25 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2536 ถึงวันที่ 1 มีนาคม 2542 อัตราร้อยละ 12.50 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 มีนาคม 2542 ถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2542 อัตราร้อยละ 12 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 พฤษภาคม 2542 ถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2542 อัตราร้อยละ 11.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2542 ถึงวันที่ 13 มิถุนายน 2542 อัตราร้อยละ 11.25 ต่อปี นับแต่วันที่ 14 มิถุนายน 2542 ถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2542 อัตราร้อยละ 11 ต่อปี นับแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2542 ถึงวันที่ 25 ตุลาคม 2542 อัตราร้อยละ 10.75 ต่อปี นับแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2542 ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2542 และอัตราร้อยละ 10.50 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2542 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ทั้งนี้ดอกเบี้ยในอัตราต่างๆ ดังกล่าวคำนวณตั้งแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 24 กรกฎาคม 2543) ย้อนหลัง 5 ปี เท่านั้น หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้ยึดที่ดินจำนองที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โฉนดเลขที่ 61142, 61143, 61152, 61153, 61154, 61162, 61163, 61164, 61165, 42697, 42698 ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างและยึดที่ดินจำนองในส่วนจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์พร้อมสิ่งปลูกสร้างขายทอดตลาดนำเงินมาชำระถ้าไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดนำเงินมาชำระจนครบถ้วน กับให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท เฉพาะค่าขึ้นศาลให้ใช้แทนเท่าทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชยและเศรษฐ์กิจวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 เปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันกับโจทก์ สาขาคลองตัน และทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีในวงเงิน 2,000,000 บาท มีกำหนด 12 เดือน ดอกเบี้ยอัตราเอ็ม โอ อาร์ บวก 2 ต่อปี โดยคิดดอกเบี้ยทบต้นและปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยได้กำหนดชำระดอกเบี้ยทุกสิ้นเดือน โดยจำเลยที่ 1 จดทะเบียนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 21150 ตำบลนาเกลือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันต่อมาจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนขึ้นเงินจำนองอีก 2 ครั้ง รวมวงเงิน 36,000,000 บาท และมีข้อตกลงว่าหากบังคับจำนองได้เงินไม่พอชำระหนี้ยอมรับผิดในหนี้เงินส่วนที่ขาด หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ได้แบ่งแยกที่ดินจำนองออกเป็นแปลงย่อยหลายแปลงเพื่อทำโครงการบ้านจัดสรร ชื่อโครงการหนึ่งทองวิลล่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ได้ซื้อบ้านทาวน์เฮ้าส์พร้อมที่ดินในโครงการดังกล่าวโดยจำนองติดไปเมื่อสัญญาบัญชีเดินสะพัดเลิกกัน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งเจ็ดชำระหนี้และบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว มีประเด็นวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่า การที่จำเลยที่ 2 ผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนองยื่นคำให้การยกอายุความเรื่องสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค้างชำระเกินห้าปีขึ้นต่อสู้ จะมีผลถึงจำเลยที่ 1 ผู้ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีซึ่งมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้เพราะขาดนัดยื่นคำให้การด้วยหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยที่ 1 รับผิดชำระหนี้ในฐานะผู้กู้เบิกเงินเกินบัญชีและบังคับจำนอง และขอให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 รับผิดในฐานะผู้รับโอนทรัพย์สินโดยจำนองติดไปซึ่งผู้รับจำนองยังมีสิทธิได้รับชำระหนี้จากทรัพย์สินที่จำนองโดยการบังคับจำนองเอาแก่ผู้รับโอนทรัพย์สินที่จำนอง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 735 มูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันไม่ได้ ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 59 (1) บัญญัติว่า “...ห้ามมิให้ถือว่าบุคคลเหล่านั้นแทนซึ่งกันและกัน เว้นแต่มูลความแห่งคดีเป็นการชำระหนี้ซึ่งแบ่งแยกจากกันมิได้ และให้ถือว่าบุคคลเหล่านั้นแทนซึ่งกันและกันในบรรดากระบวนพิจารณาซึ่งได้ทำโดย หรือทำต่อคู่ความร่วมคนหนึ่งนั้นให้ถือว่าได้ทำโดยหรือทำต่อคู่ความร่วมคนอื่นๆ ด้วยเว้นแต่กระบวนพิจารณาที่คู่ความร่วมคนหนึ่งกระทำไปเป็นที่เสื่อมเสียแก่คู่ความร่วมคนอื่น ๆ ...” ดังนั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ยกอายุความเรื่องสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยค้างชำระเกินห้าปี ขึ้นต่อสู้ จึงมีผลถึงจำเลยที่ 1 ด้วย ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า หนี้ตามสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นหนี้ประธานยังไม่ขาดอายุความ โจทก์จึงมีสิทธิคิดอกเบี้ยที่ค้างชำระเกินกว่าห้าปีจากจำเลยที่ 1 นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 745 บัญญัติว่า “ผู้รับจำนองจะบังคับจำนอง แม้เมื่อหนี้ที่ประกันนั้นขาดอายุความแล้วก็ได้ แต่จะบังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีไม่ได้” ซึ่งหมายความว่าผู้รับจำนองสามารถบังคับจำนองได้ไม่ว่าหนี้ที่ประกันจะขาดอายุความแล้วหรือไม่ก็ตาม แต่ห้ามมิให้บังคับเอาดอกเบี้ยที่ค้างชำระในการจำนองเกินกว่าห้าปีเท่านั้น หาใช่เฉพาะหนี้ที่ขาดอายุความดังที่โจทก์ฎีกาไม่ ดังนั้น โจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ที่ค้างชำระไม่เกินห้าปี ที่ศาลชั้นต้นพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ในส่วนของค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 ศาลฎีกาเห็นสมควรกำหนดเสียใหม่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม” พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นแทนโจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 7 ให้เป็นพับ ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น | |
ผู้แสดงความคิดเห็น * วันที่ตอบ 2012-10-11 16:47:40 |
[1] |