เรื่องของการขายฝากคะ | |
จดทะเบียนเปิดร้านรับซื้อ-ขายสินค้ามือสอง และไปจดทะเบียนค้าของเก่าไว้เรียบร้อยคะ กำลังจะเปิดร้าน พอดีมีเพื่อนกันทำร้านรับซื้อขายโทรศัพท์มือถือคะโดนตำรวจเชิญตัวไปโรงพัก เพราะมีคนไปฟ้องว่าร้านคิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่ากฏหมายกำหนด โดยทำหนังสือสัญญาขายฝากกำหนด 10 วัน อัตราซื้อคืนเพิ่ม 10% ไม่ทราบว่าตำรวจสามารถดำเนินคดีกับเพื่อนได้หรือเปล่าคะ เพราะดิฉันก็จะทำขายฝากเช่นกัน แล้วถ้าดิฉันรับฝากเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาแล้วต้องกำหนดอัตราเท่าไหร่คะถึงจะถูกต้องตามกฏหมาย ไม่อยากเป็นคดีความเหมือนเพื่อนคะ รบกวนด้วยคะ | |
ผู้ตั้งกระทู้ อรุณพร (sindy_toom-at-hotmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2011-02-26 13:06:17 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (2156693) | |
กฎหมายกำหนดให้คิดประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบห้าต่อปี มาตรา 499 สินไถ่นั้น ถ้าไม่ได้กำหนดกันไว้ว่าเท่าใดไซร้ ท่านให้ไถ่ตามราคาที่ขายฝาก ถ้าปรากฏในเวลาไถ่ว่าสินไถ่หรือราคาขายฝากที่กำหนดไว้สูงกว่าราคาขายฝากที่แท้จริงเกินอัตราร้อยละสิบห้าต่อปีให้ไถ่ได้ตามราคาขาย ฝากที่แท้จริงรวมประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบห้าต่อปี
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-02-27 01:58:48 |
ความคิดเห็นที่ 2 (2156735) | |
ผู้ซื้อฝากคิดดอกเบี้ยจากผู้ขายฝากเกินอัตราร้อยละ 15 ต่อปี คู่สัญญาขายฝากกำหนดค่าสินไถ่กันไว้เป็นเงิน 310,000 บาท แต่ผู้ขายฝากยืนยันว่าราคาขายฝากที่แท้จริงเพียง 200,000 บาท การที่ผู้ขายฝากกล่าวอ้างราคาขายฝากผิดไปจากจำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญาขายฝากเป็นการอ้างพยานบุคคลมาหักล้างพยานเอกสาร เมื่อผู้ขายฝากไม่ไถ่ทรัพย์ในเวลากำหนดและตามราคาขายฝากตามสัญญาเป็นการชำระหนี้ที่ไม่ถูกต้องตามมูลหนี้ ผู้ซื้อฝากบอกปัดไม่ยอมให้ไถ่คืนได้ คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินพร้อมบ้านพิพาทอันเป็นทรัพย์สินซึ่งขายฝากให้แก่โจทก์ในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้ว ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8591/2547 พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม พ.ศ. 2540 มาตรา 12 ไม่ใช้บังคับแก่นิติกรรมหรือสัญญาที่ทำขึ้นก่อนวันที่ พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ การที่จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมบ้านกับโจทก์เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2541 ก่อน พ.ร.บ. ดังกล่าว และ พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติม ป.พ.พ. (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2541 มาตรา 5 ที่แก้ไขเพิ่มเติม ป.พ.พ. มาตรา 499 วรรคสอง มีผลใช้บังคับ จึงนำ พ.ร.บ. ว่าด้วยข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและ ป.พ.พ. มาตรา 499 วรรคสอง ที่ให้สิทธิแก่ผู้ขายฝากไถ่ทรัพย์ได้ตามราคาขายฝากที่แท้จริงรวมผลประโยชน์ตอบแทนร้อยละสิบห้าต่อปีมาปรับใช้แก่คดีนี้ไม่ได้ เมื่อสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมบ้านระบุราคาขายฝากไว้จำนวน 310,000 บาท การที่จำเลยอ้างตนเองและบุคคลอื่นสืบเป็นพยานเพื่อแสดงถึงราคาขายฝากที่แท้จริงว่ามีราคาเพียง 200,000 บาท เป็นการนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสารต้องห้ามมิให้รับฟังตาม ป.วิ.พ. มาตรา 94 (ข) จึงต้องฟังว่าคู่สัญญากำหนดสินไถ่ไว้เป็นเงิน 310,000 บาท แต่จำเลยขอไถ่ในราคา 230,000 บาท อันเป็นการปฏิบัติการชำระหนี้ที่ไม่ถูกต้องตามมูลหนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิบอกปัดไม่ชำระหนี้ได้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2541 จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดินพร้อมบ้าน 1 หลัง แก่โจทก์ในราคา 310,000 บาท มีกำหนด 1 ปี นับแต่วันทำสัญญาและเมื่อครบกำหนดเวลาขายฝาก จำเลยไม่ได้ไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากและไม่ยอมส่งมอบทรัพย์สินดังกล่าวแก่โจทก์ ทั้งในระหว่างอายุสัญญาจำเลยยังนำบ้านที่ขายฝากไปให้บุคคลอื่นเช่าในอัตราเดือนละ 2,000 บาท แล้วเก็บค่าเช่าไว้เองเป็นการผิดข้อตกลงโดยโจทก์มิได้รู้เห็นยินยอม ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยยุติการนำบ้านที่ขายฝากไปให้บุคคลอื่นเช่าและส่งมอบที่ดินพร้อมบ้านที่ขายฝากให้แก่โจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายจากการนำบ้านที่ขายฝากไปให้บุคคลอื่นเช่าแก่โจทก์เป็นเงิน 38,000 บาท และให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นรายเดือน เดือนละ 2,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะส่งมอบทรัพย์สินซึ่งขายฝากให้แก่โจทก์. จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยทำสัญญาขายฝากที่ดินและบ้านตามฟ้องให้แก่โจทก์จริง แต่ทำสัญญาขายฝากเป็นเงินจำนวนเพียง 200,000 บาท ส่วนที่สัญญาขายฝากระบุจำนวนเงิน 310,000 บาท เนื่องจากโจทก์คิดดอกเบี้ยในอัตราเกินกว่าร้อยละ 15 ต่อปี รวมเข้าไปด้วย ทั้งสัญญาขายฝากก็มีข้อความที่ไม่สมบูรณ์เพราะไม่ได้กำหนดราคาสินไถ่ไว้ นอกจากนี้ก่อนครบอายุสัญญาขายฝากจำเลยไปติดต่อขอไถ่ทรัพย์สิน แต่โจทก์กำหนดราคาสินไถ่เป็นเงิน 600,000 บาท ทำให้จำเลยไม่อาจไถ่คืนได้ จำเลยไม่เคยนำบ้านที่ขายฝากไปให้บุคคลอื่นเช่าตามที่โจทก์ฟ้องและจำเลยยังประสงค์ที่จะไถ่ทรัพย์สินคืน ขอให้ยกฟ้อง และพิพากษาบังคับโจทก์ให้ยินยอมให้จำเลยไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากคืนตามราคาสินไถ่ที่ศาลเป็นผู้กำหนด หากโจทก์ไม่ปฏิบัติให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของโจทก์ โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์และจำเลยตกลงทำสัญญาขายฝากเป็นเงินจำนวน 310,000 หากจำเลยต้องการไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากคืนก็ต้องนำเงินจำนวนดังกล่าวมาชำระแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ส่วนที่โจทก์กำหนดราคาทรัพย์สินเป็นเงิน 600,000 บาท เป็นกรณีที่จำเลยขอซื้อทรัพย์สินซึ่งขายฝากคืนจากโจทก์หลังครบอายุสัญญาขายฝากแล้ว และโจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากการที่จำเลยทำละเมิดนำบ้านที่ขายฝากไปให้บุคคลอื่นเช่าได้ ขอให้ยกฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่ดินพร้อมบ้านพิพาทอันเป็นทรัพย์สินซึ่งขายฝากให้แก่โจทก์ในสภาพที่ซ่อมแซมดีแล้ว ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 1,500 บาท และให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย จำเลยอุทธรณ์ จำเลยฎีกา ศาลจังหวัดชุมพร - นายธีระชัย กระแสทรง | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ทนายความ ลีนนท์ วันที่ตอบ 2011-02-27 12:00:34 |
[1] |