ผมถูกสะใภ้โกง | |
นายเขียว (เจ้าของที่ดินมีเนื้อที่ 3 งาน พร้อมบ้านไม้ 2 ชั้น 1 หลัง) อายุ 82 ปี สภาพบุคคลนั่ง-นอนเวลาเดินต้องมีเครื่องช่วยพยุงเดิน มีบุตรทั้งหมด 4 คน แต่นายเขียวได้แบ่งที่บางส่วนให้กับบุตรคนที่ 4 ซึ่งมีอาชีพรับราชการ(แต่งงานไม่มีบุตร) ได้ทำการปลูกบ้านในที่ดินนี้(พี่อีก 2 คนอาศัยอยู่ในที่ดินนี้ด้วย) โดยนายเขียวได้นำวัสดุเก่าจากบ้านเดิมของตนมาเป็นวัสดุบางส่วนในการปลูกบ้านหลังนี้ด้วย(นายเขียวอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้จนถึงปัจจุบัน) ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 บุตรชายได้เสียชีวิตและเนื่องจากลูกชายมีหนี้สินจากการกู้เงินมาสร้างบ้านหลังดังกล่าวจำนวนหนึ่ง นายเขียวจึงได้นำเงินส่วนที่ตนเองจะได้รับจากฌาปนกิจของครูเนื่องจากบุตรชายเสียชีวิต ไปใช้หนี้ให้กับบุตรซึ่งเสียชีวิตแล้ว และหลังจากบุตรชายได้เสียชีวิตเป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน ภรรยาของบุตรที่เสียชีวิตได้(หลอก)พานายเขียวไปโอนที่ดินส่วนที่นายเขียว(ขณะอายุได้ 72 ปี)จะได้รับให้กับตนเองเสีย โดยที่บุตรที่เหลืออีก 3 คนไม่ทราบเรื่องนี้เลย หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2551 ลูกสะใภ้คนดังกล่าวได้ย้ายที่อยู่และที่ทำงานไปอยู่ที่ต่างจังหวัดโดยที่ไม่เคยส่งเสียค่าเลี้ยงดูให้กับนายเขียวอีกเลย (ต้องเป็นภาระหน้าที่การเลี้ยงดูนายเขียวให้กับบุตรคนที่ 1 และคนที่ 3 คอยดูแล) ต่อมาอีกประมาณ 8 ปี ในปีพ.ศ. 2552 ประมาณเดือนมกราคม ลูกสะใภ้คนดังกล่าวได้ทำเรื่องที่จะขายบ้านพร้อมที่ดินนี้ให้กับหลานชายของสามีที่เสียชีวิต เป็นจำนวนเงินประมาณ 4 แสนบาท ขณะเดียวกันบุตรที่เหลือของนายเขียวได้สืบทราบจากที่ดินมาว่าในโฉนดที่ดินนายเขียวได้เขียนและลงลายมือชื่อไว้ว่า ตนเองไม่ขอรับมรดกส่วนที่ตนจะได้รับ ลงวันที่ 23 มีนาคม แต่หลานชายยังไม่ตกลงที่จะซื้อเนื่องจากยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการโอนทรัพย์สินดังกล่าว อยากทราบว่า 1. นายเขียว (พ่อ) ยังมีสิทธิ์ในการเรียกมรดกคืนหรือไม่ ( นายเขียวได้เขียนในโฉนดว่า ไม่ขอรับมรดก) 2. ลูกสะใภ้จะมีสิทธิ์ขับไล่นายเขียวออกจากบ้านหรือไม่ 3. ถ้าต่อมานายเขียวได้เสียชีวิตลง บุตรของนายเขียวอีก 3 คนจะมีสิทธิ์ในการเรียกมรดกดังกล่าวคืนหรือไม่ | |
ผู้ตั้งกระทู้ เจนจิรา โสสุด :: วันที่ลงประกาศ 2009-07-31 22:14:54 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (1970178) | |
1. ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ที่ดินดังกล่าวในเวลาที่ บุตรคนที่ 4 ตาย ใครเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดิน หากบุตรเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ ย่อมเป็นทรัพย์ของบุตรไปแล้ว ดังนั้นเมื่อบุตรคนที่ 4 ตาย จึงเป็นทรัพย์มรดกของบุตรคนที่ 4 ตกได้แก่ ภริยาและบิดา(นายเขียว) แต่ข้อเท็จจริงแจ้งว่า นายเขียวสละมรดกไปแล้ว ทรัพย์มรดกดังกล่าวจึงตกเป็นของภริยาของบุตรคนที่ 4 แต่เพียงผู้เดียว และไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะเรียกคืนได้ 2. เมื่อลูกสะใภ้ เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินย่อมมีสิทธิใช้สอย จำหน่าย จ่ายโอนตามกรรมสิทธิ์ ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่บุคคลอื่นที่ไม่มีสิทธิตามกฎหมายออกจากทรัพย์ที่ดินของตนได้ครับ 3. เมื่อไม่ใช่มรดกของนายเขียว บุตรอีก 3 คน จึงไม่มีส่วนได้เสียในที่ดินดังกล่าว แม้ตัวนายเขียวเองก็เอาตัวไม่รอดแล้ว เพราะอาจโดนลูกสะใภ้ฟ้องขับไล่ก่อนนายเขียวเสียชีวิตก็เป็นได้ครับ น่าเห็นใจ
| |
ผู้แสดงความคิดเห็น ลีนนท์ วันที่ตอบ 2009-08-01 10:46:04 |
[1] |