ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว & การยกฟ้อง ตรวจสอบคุณภาพข้าว, (ฎีกา 3555/2568)

คำพิพากษาศาลฎีกา 3555/2568, คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว, การตรวจสอบคุณภาพข้าว, ความผิดพนักงานรัฐ, คดีอาญาทุจริต ป.ป.ช. 

     ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

     เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความรับผิดในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว โดยพิจารณาว่าหัวหน้าคลังสินค้ามีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือไม่ และมีเจตนาทุจริตเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หัวหน้าคลังไม่มีอำนาจและความรับผิดชอบในการตรวจสอบคุณภาพ อีกทั้งไม่ปรากฏพฤติการณ์เจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด ส่งผลให้จำเลยทั้งสองได้รับการยกฟ้อง


ข้อเท็จจริงของคดี

จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าคลังสินค้ากลาง มีหน้าที่บริหารตามคำสั่งและคู่มือโครงการรับจำนำข้าว

จำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของบริษัทผู้รับจ้างตรวจสอบคุณภาพข้าว และได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง

ข้าวที่รับฝากถูกตรวจสอบภายหลังและพบว่าไม่ใช่ข้าวหอมมะลิไทยตามมาตรฐาน

คณะกรรมการ ป.ป.ท. เห็นว่ามีมูล จึงให้ฟ้องคดีนี้ต่อศาล


คำวินิจฉัยของศาลฎีกา

1. หน้าที่หัวหน้าคลังสินค้า

o ศาลเห็นว่า หัวหน้าคลังไม่มีอำนาจตรวจสอบคุณภาพ แต่มีหน้าที่รับมอบและจัดเก็บข้าวที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว

o การตรวจสอบคุณภาพต้องกระทำโดยผู้เชี่ยวชาญ มีเครื่องมือเฉพาะ และอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทผู้รับจ้าง

2. ความรับผิดทางอาญา

o ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาพิเศษให้เกิดความเสียหายแก่รัฐหรือแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

o เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ผิด จำเลยที่ 2 ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนจึงไม่ผิดเช่นกัน

3. คำพิพากษา

o ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้อง

o ศาลฎีกายืนตาม ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาอื่น


การวิเคราะห์ทางกฎหมาย

พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 11: ใช้กับพนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แต่ไม่เข้าองค์ประกอบเพราะจำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่ตรวจคุณภาพ

พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2542 มาตรา 123/1 และ พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2561 มาตรา 172: กล่าวถึงการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ แต่ศาลตีความว่าไม่เข้าองค์ประกอบ

พ.ร.บ. มาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 มาตรา 29, 52: ห้ามบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาตตรวจสอบคุณภาพสินค้า แต่จำเลยที่ 1 ไม่เคยปฏิบัติหน้าที่ตรวจคุณภาพ จึงไม่ฝ่าฝืน


IRAC Analysis

Issue (ประเด็น):

หัวหน้าคลังสินค้ามีความรับผิดในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวหรือไม่

Rule (กฎเกณฑ์):

ป.อ. มาตรา 86

พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การของรัฐ พ.ศ. 2502

พ.ร.บ. ป.ป.ช. 2542, 2561

พ.ร.บ. มาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 มาตรา 29, 52

Application (การปรับใช้):

จำเลยที่ 1 มีเพียงหน้าที่บริหารการรับมอบและจัดเก็บ ไม่ใช่หน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ

การตรวจสอบคุณภาพต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญตามสัญญากับบริษัท ม. ซึ่งจำเลยที่ 2 ได้รับมอบหมายถูกต้อง

ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาทุจริตหรือเอื้อให้เกิดความเสียหาย

Conclusion (ข้อสรุป):

จำเลยทั้งสองไม่เข้าข่ายความผิดตามฟ้อง ศาลฎีกาจึงพิพากษายกฟ้อง

ข้อคิดทางกฎหมาย

คดีนี้ชี้ให้เห็นถึงหลักการแบ่งแยกหน้าที่และความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ หากบุคคลไม่มีหน้าที่โดยตรง ย่อมไม่ต้องรับผิดในความผิดอาญาทุจริต อีกทั้งการตีความองค์ประกอบความผิดต้องอาศัยพฤติการณ์เจตนาพิเศษ มิใช่เพียงตำแหน่งหน้าที่ทั่วไป

 

ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ชี้หัวหน้าคลังไม่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพ ไม่ปรากฏเจตนาทุจริต จึงพิพากษายกฟ้อง

 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3555/2568

จำเลยที่ 1 ได้รับแต่งตั้งจาก อ. ให้ไปปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคลังสินค้ากลาง มีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และตามคู่มือโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554 จำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวมาตรฐานสินค้าชนิดข้าวหอมมะลิไทย และเป็นลูกจ้างของบริษัท ม. จำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานสินค้าให้เป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสาร ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสารหอมมะลิไทย ทั้งการฝ่าฝืนก็เป็นความผิดที่มีโทษทางอาญา อันเป็นเหตุให้องค์การคลังสินค้ามิได้ตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพและชนิดของข้าวสาร นอกจากนี้ ตามคำสั่งองค์การคลังสินค้า ที่ 244/2554 เรื่องมอบหมายให้พนักงานปฏิบัติงาน ก็มิได้กำหนดให้หัวหน้าคลังสินค้ามีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวในโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 เป็นเพียงหัวหน้าคลังสินค้ากลางที่เกิดเหตุเท่านั้น แม้ตามขั้นตอนการปฏิบัติงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ข้อ 2.3 หัวหน้าคลังสินค้ากลาง (1) จะกำหนดหน้าที่ของหัวหน้าคลังสินค้ากลางไว้ว่า "รับมอบข้าวสารร่วมกับผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวเข้าเก็บรักษาในคลังสินค้ากลางให้เป็นไปตามสัญญาและข้อกำหนดของโครงการ" ก็มุ่งประสงค์ในการรับมอบข้าวสารโดยตรวจสอบปริมาณให้ถูกต้อง หาได้มีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณภาพด้วยไม่ เนื่องจากการตรวจสอบคุณภาพข้าวมีกรรมวิธีและต้องมีความรู้ความสามารถและอุปกรณ์เครื่องมือ บางกรณีต้องพิสูจน์ทางเคมี ไม่สามารถตรวจด้วยตาเปล่าในขณะรับสินค้าได้ กรณีไม่อาจตีความคำว่า รับมอบข้าวสารร่วมกับผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวเข้าเก็บรักษาในคลังสินค้ากลางให้เป็นไปตามสัญญาและข้อกำหนดของโครงการว่า จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสารร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย และไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาพิเศษให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นความผิด จำเลยที่ 2 ที่ถูกฟ้องฐานเป็นผู้สนับสนุนย่อมไม่มีความผิดเช่นกัน

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 11 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และขอให้นับโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 229/2564 คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 7/2565 และคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 8/2565 ของศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบพิพากษายืน

โจทก์ฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้แย้งกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติได้ว่า เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2554 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) พิจารณาและมีมติอนุมัติกรอบชนิด ราคา ปริมาณ ระยะเวลา วิธีการ หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และงบประมาณดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 โดยให้องค์การคลังสินค้ารับฝากข้าวเปลือกและออกใบประทวนสินค้าแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อนำไปใช้เป็นหลักประกันเงินกู้ต่อธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และเก็บข้าวสารที่แปรสภาพจากข้าวเปลือกไว้ในคลังสินค้ากลางที่องค์การคลังสินค้าเช่าจากนิติบุคคลหรือผู้มีชื่อ โดยองค์การคลังสินค้าเป็นผู้รับผิดชอบคุณภาพ ปริมาณ และชนิดของข้าวสารที่จัดเก็บในคลังสินค้าจนกว่าจะส่งมอบแก่ผู้ซื้อและต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว ชนิดข้าว น้ำหนักข้าวตามที่กำหนดไว้ วันที่ 25 ตุลาคม 2554 องค์การคลังสินค้าทำสัญญาจ้างบริษัท ม. เพื่อตรวจสอบคุณภาพและรับมอบข้าวสารให้ตรงตามคุณภาพและชนิดข้าวสารตามมาตรฐานประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง มาตรฐานสินค้าข้าว พ.ศ. 2540 หรือให้ได้มาตรฐานตามประกาศกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวกับสินค้าที่ใช้บังคับอยู่หรือที่จะบังคับต่อไป และ/หรือ ข้อกำหนดที่ผู้ว่าจ้างจะกำหนด และต้องเป็นข้าวสารเจ้าที่สีจากข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 มีคุณภาพดี ไม่เสื่อมคุณภาพ ไม่เป็นโรคพืช ไม่เป็นรัง ไม่มีมอดหรือหนอน และปราศจากเคมีภัณฑ์ที่มีพิษเจือปน ความชื้นไม่เกินร้อยละ 14 (ร้อยละสิบสี่) บรรจุกระสอบเฮฟรีซีส์ทางเขียวใหม่ หรือที่ผู้ว่าจ้างกำหนด น้ำหนัก (รวมกระสอบ) กระสอบละไม่น้อยกว่า 100.7 (หนึ่งร้อยจุดเจ็ด) กิโลกรัม ก่อนรับข้าวสารจากโครงการรับจำนำข้าวเข้าจัดเก็บในคลังสินค้าดังกล่าว วันที่ 17 มกราคม 2555 องค์การคลังสินค้าทำสัญญาเช่าคลังสินค้ากับบริษัท ส. เพื่อนำข้าวสารที่สีแปรสภาพจากข้าวเปลือกมาเก็บรักษาไว้ในคลังสินค้าดังกล่าว วันที่ 30 ธันวาคม 2554 องค์การคลังสินค้ามีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยที่ 1 ให้ไปปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าคลังสินค้ากลาง มีหน้าที่ปฏิบัติตามระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง และตามคู่มือโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554 เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นภารกิจแล้วให้กลับไปปฏิบัติงานต้นสังกัดเดิม จำเลยที่ 2 ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวมาตรฐานสินค้าชนิดข้าวหอมมะลิไทย และเป็นลูกจ้างของบริษัท ม. ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานตรวจสอบคุณภาพ ปริมาณ ชนิดและน้ำหนักข้าวสารเข้าเก็บรักษาในคลังสินค้ากลางดังกล่าว เมื่อระหว่างวันที่ 18 มกราคม 2555 ถึงวันที่ 18 มีนาคม 2555 จำเลยทั้งสองตรวจสอบคุณภาพ ปริมาณ ชนิด และรับมอบปลายข้าวหอมจังหวัดกองที่ 14 น้ำหนักสุทธิ 40.30 ตัน นำเข้าเก็บในคลังสินค้ากลางที่เกิดเหตุ วันที่ 9 กรกฎาคม 2557 คณะทำงานตรวจสอบปริมาณและคุณภาพข้าวคงเหลือของรัฐชุดที่ 53 ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เข้าไปตรวจสอบและเก็บตัวอย่างข้าวในคลังสินค้าดังกล่าว นำส่งคณะทำงานรับ – ส่งและเก็บตัวอย่างข้าว เพื่อส่งให้สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยเป็นผู้ตรวจวิเคราะห์คุณภาพข้าวสารดังกล่าว ต่อมาผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคณะกรรมการตรวจข้าวสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตรวจวิเคราะห์ทางกายภาพโดยใช้มาตรฐานตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย ลงวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2549 และประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้ข้าวหอมมะลิไทยเป็นสินค้ามาตรฐานและมาตรฐานสินค้าข้าวหอมมะลิไทย (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 เป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์ซึ่งกำหนดให้มีปลายข้าวซีวันตามมาตรฐานไม่เกินร้อยละ 5 แต่ผลการตรวจวิเคราะห์พบร้อยละ 3.40 มีวัตถุอื่นได้ไม่เกินร้อยละ 0.5 ผลการตรวจไม่พบวัตถุอื่น (ร้อยละ 0.00) ความชื้นกำหนดให้ไม่เกินร้อยละ 14 ผลการตรวจพบร้อยละ 12.50 เมื่อส่งข้าวสารให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ตรวจทางสารพันธุกรรมข้าว (DNA) ผลการตรวจสอบมีข้าวหอมมะลิไทยจำนวน 0 เปอร์เซ็นต์ ข้าวปทุมธานี 1 จำนวน 3 เปอร์เซ็นต์ และข้าวอื่น 97 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 100 เปอร์เซ็นต์ คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตามรายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองมีมูลความผิด และมอบหมายให้โจทก์ฟ้องและดำเนินคดีนี้แทน


คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยทั้งสองกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 เป็นโครงการของรัฐ และคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติอนุมัติให้องค์การคลังสินค้ารับมอบและเก็บข้าวสารในคลังสินค้ากลาง ซึ่งองค์การคลังสินค้าเช่าจากนิติบุคคลหรือผู้มีชื่อ โดยเป็นผู้รับผิดชอบคุณภาพ ปริมาณ และชนิดของข้าวที่จัดเก็บในคลังสินค้าจนกว่าจะส่งมอบแก่ผู้ซื้อ และต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว ชนิดข้าวและน้ำหนักข้าวตามที่กำหนดไว้ก่อนนำเข้าเก็บในคลังสินค้ากลาง ต่อมาวันที่ 25 ตุลาคม 2554 องค์การคลังสินค้าทำสัญญาว่าจ้างบริษัท ม. เพื่อตรวจสอบคุณภาพและรับมอบข้าวสารให้ตรงตามคุณภาพและชนิดข้าวสารตามมาตรฐานประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องมาตรฐานสินค้าข้าว พ.ศ. 2540 อันเป็นการปฏิบัติตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ที่กำหนดให้องค์การคลังสินค้าต้องจัดให้มีผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว ชนิดข้าว และน้ำหนักข้าวตามที่กำหนดไว้ก่อนนำเข้าเก็บในคลังสินค้ากลาง ซึ่งตามสัญญาจ้างดังกล่าว ข้อ 1 ให้ผู้รับจ้างหรือบริษัท ม. ตรวจสอบและรับผิดชอบคุณภาพ ชนิด และน้ำหนักข้าวสารหอมมะลิตามโครงการรับจำนำข้าวที่โรงสีส่งมอบให้แก่องค์การคลังสินค้าผู้ว่าจ้าง ณ คลังสินค้าที่ผู้ว่าจ้างกำหนด และข้อ 4 กำหนดให้ผู้รับจ้างจัดหาผู้ตรวจสอบซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญมีความรู้ทางด้านการตรวจสอบคุณภาพ และชนิดข้าวสารหอมมะลิได้อย่างดี และจัดหาสิ่งของชนิดดี ตลอดจนใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ดีมีประสิทธิภาพจนงานแล้วเสร็จตามสัญญานี้.. จึงเห็นได้ว่าการตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสารหอมมะลิเป็นงานทางเทคนิคที่มีความละเอียดที่ผู้ตรวจสอบต้องใช้ฝีมือและความรู้ความสามารถ รวมทั้งต้องใช้เครื่องมือและอุปรณ์ในการตรวจสอบ ย่อมต้องกระทำโดยผู้มีความรู้เชี่ยวชาญในด้านดังกล่าว องค์การคลังสินค้าจึงทำสัญญาจ้างมอบหน้าที่ตรวจสอบและความรับผิดชอบให้แก่บริษัท ม. ผู้รับจ้าง ซึ่งมีอาชีพดังกล่าวโดยเฉพาะ และบริษัทดังกล่าวก็มอบหมายหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสารหอมมะลิให้แก่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวตามมาตรฐานสินค้าชนิดข้าวหอมมะลิไทย นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติมาตรฐานสินค้าขาออก พ.ศ. 2503 มาตรา 29 วรรคหนึ่ง ยังบัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดเป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้า เว้นแต่จะเป็นผู้ได้รับอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานสินค้า และผู้ฝ่าฝืนต้องระวางโทษตามมาตรา 52 เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานมาตรฐานสินค้าให้เป็นผู้ตรวจสอบมาตรฐานสินค้าแต่อย่างใด แสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสาร ย่อมขาดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสารหอมมะลิไทย ทั้งการฝ่าฝืนก็เป็นความผิดที่มีโทษทางอาญา อันเป็นเหตุให้องค์การคลังสินค้ามิได้ตั้งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ตรวจสอบคุณภาพและชนิดของข้าวสาร นอกจากนี้ ตามคำสั่งองค์การคลังสินค้า ที่ 244/2554 เรื่องมอบหมายให้พนักงานปฏิบัติงาน ก็มิได้กำหนดให้หัวหน้าคลังสินค้ามีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวในโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด จำเลยที่ 1 เป็นเพียงหัวหน้าคลังสินค้ากลางที่เกิดเหตุเท่านั้น แม้ตามขั้นตอนการปฏิบัติงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 ข้อ 2.3 หัวหน้าคลังสินค้ากลาง (1) จะกำหนดหน้าที่ของหัวหน้าคลังสินค้ากลางไว้ว่า "รับมอบข้าวสารร่วมกับผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวเข้าเก็บรักษาในคลังสินค้ากลางให้เป็นไปตามสัญญาและข้อกำหนดของโครงการ" ก็มุ่งประสงค์ในการรับมอบข้าวสารโดยตรวจสอบปริมาณให้ถูกต้อง หาได้มีหน้าที่ต้องตรวจสอบคุณภาพด้วยไม่ เนื่องจากการตรวจสอบคุณภาพข้าวมีกรรมวิธีและต้องมีความรู้ความสามารถและอุปกรณ์เครื่องมือ บางกรณีต้องพิสูจน์ทางเคมี ไม่สามารถตรวจด้วยตาเปล่าในขณะรับสินค้าได้ สอดคล้องกับคำเบิกความของนายคมกิจ รักษาการผู้อำนวยการสำนักข้าว องค์การคลังสินค้า ที่เบิกความยืนยันว่า ในทางปฏิบัติหัวหน้าคลังสินค้ารับสินค้ามาตรวจสอบคุณภาพข้าว โดยตรวจสอบปริมาณและจัดเก็บไว้ที่กองใด และนายไพศาล ขณะเกิดเหตุเป็นพนักงานองค์การคลังสินค้า ที่เบิกความยืนยันทำนองเดียวกันว่า หัวหน้าคลังสินมีหน้าที่เพียงรับมอบข้าวสารที่ผู้ตรวจสอบได้ทำการตรวจตรวจสอบแล้วเข้าจัดเก็บในคลังสินค้าและทำบัญชีสต็อกสินค้า ประกอบกับนางจีระวัฒน์ ผู้กล่าวหา ซึ่งเคยเป็นรองผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า ให้การไว้ในชั้นไต่สวนยอมรับว่า บริษัทผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าว (serveyer) ซึ่งทำสัญญากับองค์การคลังสินค้าเป็นผู้มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าว ส่วนหัวหน้าคลังสินค้าจะดูแลในภาพรวมเนื่องจากไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบคุณภาพข้าว กรณีไม่อาจตีความคำว่า รับมอบข้าวสารร่วมกับผู้ตรวจสอบคุณภาพข้าวเข้าเก็บรักษาในคลังสินค้ากลางให้เป็นไปตามสัญญาและข้อกำหนดของโครงการว่า จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสารร่วมกับจำเลยที่ 2 ด้วย ประกอบกับการตรวจสอบคุณภาพและชนิดข้าวสารก่อนรับเข้าเก็บในคลังสินค้ากลางเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง หากองค์การคลังสินค้ามีความประสงค์มอบหมายหน้าที่ดังกล่าวให้แก่หัวหน้าคลังสินค้าด้วยทั้ง ๆ ที่มีผู้รับผิดชอบตามสัญญาอยู่แล้วก็ควรระบุให้ชัดเจน แต่ก็หาได้ระบุไม่ บ่งชี้ว่าองค์การคลังสินค้าไม่ประสงค์ให้หัวหน้าคลังสินค้ามีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและชนิดของข้าวด้วย ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพข้าวร่วมกับจำเลยที่ 2 นอกจากนี้ พยานหลักฐานทั้งชั้นไต่สวนและพิจารณาไม่ปรากฏพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาพิเศษกระทำการเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่น อันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานเป็นพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต พยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามฟ้อง ดังนั้น เมื่อการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่เป็นความผิดตามฟ้อง จำเลยที่ 2 ที่ถูกฟ้องฐานเป็นผู้สนับสนุนย่อมไม่มีความผิดเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาอื่นของโจทก์ต่อไปเพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลง

 

 




เกี่ยวกับคดีอาญา

คดีรื้อถอนกุฏิวัดและอำนาจเจ้าหน้าที่ป่าไม้(ฎีกา 599/2567)
คดีล่วงละเมิดเด็กในความดูแล ความผิดทางเพศเด็ก, กระทำชำเราเด็ก, ป.อ. มาตรา 285 (ฎีกา 5524/2567)
ขอคืนรถของกลาง & เงื่อนไขริบและคืน,ริบทรัพย์, เจ้าของทรัพย์, (ฎีกา 9090/2549)
คดีโฆษณาแอลกอฮอล์ & เครื่องหมายการค้า, โฆษณาผิดกฎหมาย, (ฎีกา 3139/2568)
ลูกจ้างลักทรัพย์นายจ้าง & การบรรเทาโทษ,มาตรา 335, มาตรา 352, (ฎีกา 5658/2567)
คดีโฉนดมรดก & ป.อ. มาตรา 188, ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น, (ฎีกา 842/2568)
คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ & ค่าเสียหายสิ่งแวดล้อม (ฎีกา 6009/2567)
คดีพยายามฆ่า, คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย,(ฎีกา 2813/2568, )
คดีพยายามฆ่า & บุกรุกทำร้ายร่างกาย, บุกรุกเคหสถาน (ฎีกา 2813/2568)
คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธ, ป.อ. มาตรา 364, (ฎีกาที่ 5613/2550)
คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธ,มาตรา 364, (ฎีกา 5613/2550)
ฎีกา 1044/2568 – คดีฟอกเงิน & นับโทษจำคุกต่อ
(ฎีกาที่ 3710/2567): คดีพยายามฆ่า การวินิจฉัยเจตนาและข้อจำกัดในการยกฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4292/2567: การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อจำกัดในการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2567: คดีช่วยซ่อนเร้นสินค้านำเข้าไม่ผ่านพิธีการศุลกากรและภาษีสรรพสามิต ศาลฎีกายกฎีกาจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4770/2567: ผู้เสียหายโดยตรงในคดีลักทรัพย์จากบัญชีเงินฝากและสิทธิฟ้องคดีอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5492/2567: คดีพยายามฆ่าโดยใช้อาวุธปืน บุกรุกเคหสถานกลางคืน และการห้ามฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5682/2567: คดีลักทรัพย์และการเพิ่มโทษตามมาตรา 93 พร้อมข้อจำกัดการฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5796/2567 ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและหมิ่นประมาท — ศาลชี้ขาดเจตนากับการกระทำโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5854/2567: ริบรถยนต์ใช้ซ่อนเร้นบุหรี่เถื่อนตาม พ.ร.บ. ศุลกากร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5893/2567 ป้องกันเกินกว่าเหตุและสำคัญผิดจนยิงผู้อื่น ศาลปรับโทษเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6190/2567 ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่เข้าข่ายฆ่าโดยทารุณโหดร้าย
ความรับผิดฐานควบคุมสัตว์ดุร้ายตาม ป.อ. มาตรา 377 และกฎหมายโรคระบาดสัตว์(ฎีกาที่ 8040/2567)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2567 – พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารและสิทธิของผู้ปกครองตามกฎหมาย
ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ลักทรัพย์โดยสุจริต, ความผิดลักทรัพย์ vs การเข้าใจผิด, คดีลักทรัพย์ในเครือญาติ,
การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมาตรา 289 (4), โทษประหารชีวิตในคดีอาญา
ป.อ. มาตรา 54 ในการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลง
คดีอั้งยี่พนันออนไลน์ & ฟ้องครบองค์ประกอบ (ฎีกา 980/2567)
กระทำชำเราผู้เยาว์ในบ้านไม่ถือว่าแยกเด็กจากอำนาจปกครองดูแล
จำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี
ผู้ปกครองอนุญาตให้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยเท่านั้น
การกระทำโดยพลาด
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
รถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะซุกซ่อนและขนส่งบุหรี่ซิกาแรตในการกระทำความผิด
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้นสภาพความเป็นลูกหนี้เจ้าหนี้เกิดขึ้นทันที
ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ปฏิบัติหรือละเว้นตามมาตรา 157
การกระทำความผิดระหว่างผู้บุพการีต่อผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานต่อผู้บุพการี
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยฉ้อโกงหลอกลวงเอาทรัพย์ขณะที่ผู้เสียหายป่วยทางจิต
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาใดไม่แน่ชัด
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ-ป้องกันเกินกว่าเหตุ
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคายกรณีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อาญา มาตรา 188
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
การพรากเด็กไม่ว่าเด็กจะออกจากบ้านเองก็ย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและฐานฉ้อโกง
พิพากษาจำคุกจำเลยศาลฎีกายกฟ้องเพราะคำฟ้องไม่ได้ลงชื่อ
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสมรสในต่างประเทศระหว่างหญิงไทยกับหญิงไทย
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
การสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายอิสลามจำเลยไม่ต้องรับโทษ
กระทำโดยประมาทไม่อาจอ้างเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจสอบสวนไม่มีอำนาจฟ้อง
ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราถูกจำคุก 48 เดือน
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุดคดีอาญาระงับ
บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง
การชวนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าไปในห้องนอนไม่ผิดพรากผู้เยาว์
กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีจำคุก 50 ปี