ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คดีพยายามฆ่า & บุกรุกทำร้ายร่างกาย, บุกรุกเคหสถาน (ฎีกา 2813/2568)

คำพิพากษาศาลฎีกา 2813/2568, คดีพยายามฆ่า, คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย, คดีทำร้ายร่างกายจนสาหัส, โทษพยายามฆ่า ป.อ. มาตรา 289, บุกรุกเคหสถาน มาตรา 365, ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน, คดีอาญาศาลฎีกา, การบวกโทษจำคุก, วิเคราะห์แนวคำพิพากษาฎีกา 

     ยินดีให้คำปรึกษากฎหมายแชทไลน์

    เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

บทนำของบทความ

คำพิพากษาศาลฎีกานี้มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความผิดอาญาฐานพยายามฆ่า การบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และการทำร้ายร่างกายจนได้รับอันตรายสาหัส โดยจำเลยทั้งสองร่วมกันบุกบ้านผู้เสียหาย ใช้กำลังและอาวุธปืนเป็นเหตุให้เกิดบาดเจ็บสาหัส ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยมีเจตนาไตร่ตรองไว้ก่อนและเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงต้องรับโทษจำคุกยาวนาน พร้อมให้ชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้เสียหาย


ข้อเท็จจริงของคดี

จำเลยทั้งสองและพวกบุกเข้าไปในบ้านเลขที่ 63/32 ซึ่งผู้เสียหายครอบครองอยู่

ใช้สนับมือชกศีรษะผู้เสียหายจนบาดเจ็บสาหัส ต้องรักษาตัวเกิน 20 วัน

มีการใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้เสียหายเพิ่มเติม จนได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหาย

จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงยึดข้อเท็จจริงตามฟ้อง

โจทกร้องให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ในคดีอื่นเข้ากับคดีนี้


ประเด็นข้อกฎหมายและคำวินิจฉัย

1. ความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

o ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยกลับไปนำอาวุธปืนเพื่อก่อเหตุ แสดงถึงการวางแผนและเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรอง

o อ้างอิง ป.อ. มาตรา 289 (4), 52, 78, 90

2. ความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย

o การบุกรุกและทำร้ายร่างกายเป็นการกระทำต่อเนื่องไม่สามารถแยกออกจากกันได้

o อ้างอิง ป.อ. มาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364, 83

3. ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน

o มีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร

o อ้างอิง พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72

4. โทษรวมและการบวกโทษจำคุก

o จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษรวมจำคุกกว่า 26 ปี

o จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุกกว่า 5 ปี

5. การเรียกค่าสินไหมทดแทน

o ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ 8,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย


IRAC Analysis

Issue (ประเด็นปัญหา):

จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง บุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย และความผิดอื่น ๆ หรือไม่

Rule (กฎหมายที่ใช้บังคับ):

ป.อ. มาตรา 289 (4) – ฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ป.อ. มาตรา 297, 358, 364, 365 – ทำร้ายร่างกายและบุกรุกเคหสถาน

ป.อ. มาตรา 78, 90 – หลักการลงโทษหลายกรรม

พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72

พ.ร.ก. การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9, 18

Application (การปรับใช้):

จำเลยบุกเข้าไปในบ้านผู้อื่น ใช้กำลังทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส

มีการใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายรายอื่น เป็นพฤติการณ์ร้ายแรงต่อเนื่อง

จำเลยที่ 1 เตรียมการนำอาวุธปืนมาก่อน แสดงเจตนาไตร่ตรอง

ศาลจึงลงโทษตามกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด และบวกโทษกับคดีเก่า

Conclusion (ข้อสรุป):

ศาลฎีกาพิพากษายืน ให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 กว่า 26 ปี และจำเลยที่ 2 กว่า 5 ปี พร้อมให้ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมแก่ผู้เสียหาย


ข้อคิดทางกฎหมาย

การบุกรุกเคหสถานที่ต่อเนื่องกับการทำร้ายร่างกาย ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงไม่อาจแยกจากกัน

การวางแผนเตรียมอาวุธก่อนลงมือ ถือเป็นพฤติการณ์บ่งชี้เจตนาไตร่ตรอง

ศาลฎีกายืนยันหลักว่าความผิดหลายกรรมต้องลงโทษทุกกรรมตามมาตรา 91 และบวกโทษเมื่อมีคดีเก่าค้างอยู่


จำเลยกับพวกบุกบ้าน ใช้กำลังทำร้ายผู้เสียหายจนบาดเจ็บสาหัสและยิงปืนใส่ผู้เสียหายรายอื่น ศาลเห็นว่าเป็นการพยายามฆ่าโดยไตร่ตรอง และความผิดฐานบุกรุกโดยใช้กำลัง รวมทั้งการมีและพกพาอาวุธปืน ศาลลงโทษหลายกรรมโดยใช้บทที่มีโทษหนักที่สุด จำเลยที่ 1 ถูกจำคุกกว่า 26 ปี และจำเลยที่ 2 กว่า 5 ปี พร้อมชดใช้ค่าสินไหม

 

 คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2813/2568

โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพักเลขที่ 63/32 อันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องที่ 1 แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 2 โดยการใช้สนับมือเป็นอาวุธชกที่ศีรษะของผู้เสียหายที่ 2 หลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณีกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำฟ้อง การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปรบกวนการครอบครองโดยปกติสุข แล้วใช้กำลังประทุษร้ายในทันทีต่อเนื่องกัน ในขณะที่การบุกรุกยังคงมีอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดตอน พฤติการณ์ความร้ายแรงไม่อาจแยกออกจากกันได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตาม ป.อ. มาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364 และ 83 จึงชอบแล้ว

คดีนี้ เดิมศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1208/2565 ของศาลชั้นต้น แต่คดีสำนวนดังกล่าวยุติไปแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงขึ้นมาสู่ศาลฎีกาเฉพาะคดีนี้


โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 80, 83, 58, 91, 288, 289, 297, 358, 364, 365, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 5, 9, 18 ริบของกลางทั้งหมด และบวกโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 713/2563 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้


จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ แต่ก่อนสืบพยาน จำเลยทั้งสองขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ และจำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษ


ระหว่างพิจารณา นาง ศ. ผู้เสียหายที่ 5 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะข้อหาทำให้เสียทรัพย์ และโจทก์ร่วมยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี นับแต่วันกระทำความผิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ


นาย จ. ผู้เสียหายที่ 1 นาย ธ. ผู้เสียหายที่ 3 และนาย พ. ผู้เสียหายที่ 4 ยื่นคำร้องและแก้ไขคำร้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินใหมทดแทนเป็นเงิน 26,000 บาท 518,000 บาท และ71,500 บาท ตามลำดับ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันกระทำความผิดเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ และให้เรียกว่า ผู้ร้องที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ตามลำดับ ก่อนสืบพยาน ผู้ร้องที่ 1 และที่ 2 ขอถอนคำร้องดังกล่าว ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยทั้งสองให้การในคดีส่วนแพ่งว่า ขอให้ยกคำร้อง


ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (ที่ถูก มาตรา 289 (4)) ประกอบมาตรา 80 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 80, 83 และจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 (ที่ถูก มาตรา 297 (8)), 358, 365 (1) (2) (3) ประกอบมาตรา 364, 371, 376 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 มาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1), 18 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฐานร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกตลอดชีวิต ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ฐานร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน และฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 10 ปี ฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืน โดยใช้กำลังประทุษร้าย และโดยมีอาวุธ และฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 1 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร เป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 1 เดือน จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส จำคุกคนละ 6 เดือน ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่นซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 3 เดือน ฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกคนละ 15 วัน รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 25 ปี 12 เดือน 15 วัน จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี 12 เดือน 15 วัน บวกโทษจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 713/2563 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยที่ 1 ในคดีนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 58 รวมจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 26 ปี 12 เดือน 15 วัน ริบของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 8,000 บาท แก่โจทก์ร่วมพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 23 กันยายน 2564 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยให้ปรับเปลี่ยนลดลงหรือเพิ่มขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาซึ่งตราขึ้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 7 บวกด้วยอัตราเพิ่มร้อยละ 2 ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตราร้อยละ 5 ต่อปี ตามคำขอ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน

จำเลยที่ 1 ฎีกา


ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความมิได้โต้เถียงกันในชั้นนี้รับฟังเป็นยุติว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยทั้งสองกับพวกขับรถจักรยานยนต์ไปบ้านเกิดเหตุ เลขที่ 63/32 และร่วมกันทำร้ายร่างกายนาย ร. ผู้เสียหายที่ 2 จนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะด้านหลังหลายแผลยาว 2 ถึง 5 เซนติเมตร แผลถลอกเล็กน้อยบริเวณหลังมือขวา หลังจากนั้นมีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนาย ธ. ผู้ร้องที่ 2 และนาย พ. ผู้ร้องที่ 3 หลายนัด ภายในบริเวณตลาด ผู้ร้องที่ 2 ถูกกระสุนปืนมีบาดแผลกระสุนปืนทางเข้าและออกบริเวณต้นแขนซ้ายด้านหลัง และกระสุนปืนถูกรถกระบะของโจทก์ร่วม และรถกระบะของผู้อื่นได้รับความเสียหาย สำหรับความผิดของจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้านหรือที่ชุมนุมชน ฐานร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธ ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนที่เป็นของผู้อื่น ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้มีและใช้ตามกฎหมายและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตและโดยไม่มีเหตุสมควร ฐานร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ได้รับอนุญาต และความผิดของจำเลยที่ 2 ฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น และคดีในส่วนแพ่งของโจทก์ร่วมและผู้ร้องที่ 3 นั้น ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ เป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาข้อแรกว่า ไม่ได้กระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 18 นาฬิกา จำเลยที่ 1 มีเรื่องชกต่อยกับผู้ร้องที่ 1 แล้วแยกย้ายกันไป ต่อมาเวลาประมาณ 21 นาฬิกา จำเลยที่ 1 กับพวกประมาณ 10 คน ได้นำอาวุธปืนมายิงผู้ร้องที่ 2 จนมีบาดแผลถูกยิงที่บริเวณแขนข้างซ้าย พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว แม้ไม่มีพยานคนใดเบิกความยืนยันว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้อาวุธปืนยิงขณะเกิดเหตุด้วยตนเอง จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 มีเจตนาฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามที่กล่าวอ้างในฎีกา แต่ข้อต่อสู้ดังกล่าวล้วนขัดกับคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 และขัดกับข้อเท็จจริงที่ได้ความจากการสืบพยานประกอบคำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ว่าหลังจากพวกของผู้ร้องที่ 1 มีเรื่องชกต่อยกับจำเลยที่ 1 แล้วจำเลยที่ 1 กับพวกบุกไปทำร้ายผู้ร้องที่ 1 และผู้เสียหายที่ 2 ในบ้านพัก โดยจำเลยที่ 1 มีอาวุธปืนพกติดตัวไปด้วย และตามหาผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 ที่บ้านพักบริเวณตลาดเจ๊อร และพวกของจำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงผู้ร้องที่ 2 และที่ 3 พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 แสดงให้เห็นว่าหลังเกิดเหตุชกต่อยกันแล้ว จำเลยที่ 1 ได้ไปตระเตรียมนำเอาอาวุธปืนมาเพื่อใช้ก่อเหตุขึ้นจึงรับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น


ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ขอให้ลงโทษสถานเบาสำหรับความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น เห็นว่า ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว การพยายามกระทำความผิดต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษประหารชีวิต ดังนั้น เมื่อลดโทษประหารชีวิตลงหนึ่งในสาม จึงเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52 (1) ที่ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานนี้ โดยจำคุกตลอดชีวิตก่อนลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี นั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาไม่อาจลงโทษจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานนี้ให้เบาลงกว่านั้นได้อีก ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้นอีกเช่นกัน


อนึ่ง สำหรับความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานของผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้าย ศาลฎีกาโดยมติที่ประชุมใหญ่ เห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบ้านพักเลขที่ 63/32 อันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยซึ่งอยู่ในความครอบครองของผู้ร้องที่ 1 แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้เสียหายที่ 2 โดยการใช้สนับมือเป็นอาวุธชกที่ศีรษะของผู้เสียหายที่ 2 หลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลฉีกขาดที่ศีรษะ เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส ต้องป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน หรือจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ จึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำฟ้อง การที่จำเลยทั้งสองเข้าไปรบกวนการครอบครองโดยปกติสุข แล้วใช้กำลังประทุษร้ายในทันทีต่อเนื่องกัน ในขณะที่การบุกรุกยังคงมีอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดตอน พฤติการณ์ความร้ายแรงไม่อาจแยกออกจากกันได้ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย ที่ศาลล่างทั้งสองปรับบทลงโทษจำเลยทั้งสองในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกเคหสถานโดยใช้กำลังประทุษร้าย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365 (1) ประกอบมาตรา 364 และ 83 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

พิพากษายืน

 



เกี่ยวกับคดีอาญา

คดีล่วงละเมิดเด็กในความดูแล ความผิดทางเพศเด็ก, กระทำชำเราเด็ก, ป.อ. มาตรา 285 (ฎีกา 5524/2567)
ขอคืนรถของกลาง & เงื่อนไขริบและคืน,ริบทรัพย์, เจ้าของทรัพย์, (ฎีกา 9090/2549)
คดีโฆษณาแอลกอฮอล์ & เครื่องหมายการค้า, โฆษณาผิดกฎหมาย, (ฎีกา 3139/2568)
คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว & การยกฟ้อง ตรวจสอบคุณภาพข้าว, (ฎีกา 3555/2568)
ลูกจ้างลักทรัพย์นายจ้าง & การบรรเทาโทษ,มาตรา 335, มาตรา 352, (ฎีกา 5658/2567)
คดีโฉนดมรดก & ป.อ. มาตรา 188, ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น, (ฎีกา 842/2568)
คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ & ค่าเสียหายสิ่งแวดล้อม (ฎีกา 6009/2567)
คดีพยายามฆ่า, คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้าย,(ฎีกา 2813/2568, )
คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธ, ป.อ. มาตรา 364, (ฎีกาที่ 5613/2550)
คดีบุกรุกโดยใช้กำลังประทุษร้ายและอาวุธ,มาตรา 364, (ฎีกา 5613/2550)
ฎีกา 1044/2568 – คดีฟอกเงิน & นับโทษจำคุกต่อ
(ฎีกาที่ 3710/2567): คดีพยายามฆ่า การวินิจฉัยเจตนาและข้อจำกัดในการยกฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4292/2567: การป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อจำกัดในการฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4447/2567: คดีช่วยซ่อนเร้นสินค้านำเข้าไม่ผ่านพิธีการศุลกากรและภาษีสรรพสามิต ศาลฎีกายกฎีกาจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4770/2567: ผู้เสียหายโดยตรงในคดีลักทรัพย์จากบัญชีเงินฝากและสิทธิฟ้องคดีอาญา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5492/2567: คดีพยายามฆ่าโดยใช้อาวุธปืน บุกรุกเคหสถานกลางคืน และการห้ามฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5682/2567: คดีลักทรัพย์และการเพิ่มโทษตามมาตรา 93 พร้อมข้อจำกัดการฎีกาข้อเท็จจริง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5796/2567 ความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานและหมิ่นประมาท — ศาลชี้ขาดเจตนากับการกระทำโดยสุจริต
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5854/2567: ริบรถยนต์ใช้ซ่อนเร้นบุหรี่เถื่อนตาม พ.ร.บ. ศุลกากร
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5893/2567 ป้องกันเกินกว่าเหตุและสำคัญผิดจนยิงผู้อื่น ศาลปรับโทษเหลือจำคุก 1 ปี 4 เดือน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6190/2567 ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ไม่เป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน และไม่เข้าข่ายฆ่าโดยทารุณโหดร้าย
ความรับผิดฐานควบคุมสัตว์ดุร้ายตาม ป.อ. มาตรา 377 และกฎหมายโรคระบาดสัตว์(ฎีกาที่ 8040/2567)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2429/2567 – พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจารและสิทธิของผู้ปกครองตามกฎหมาย
ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ลักทรัพย์โดยสุจริต, ความผิดลักทรัพย์ vs การเข้าใจผิด, คดีลักทรัพย์ในเครือญาติ,
การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมาตรา 289 (4), โทษประหารชีวิตในคดีอาญา
ป.อ. มาตรา 54 ในการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลง
คดีอั้งยี่พนันออนไลน์ & ฟ้องครบองค์ประกอบ (ฎีกา 980/2567)
กระทำชำเราผู้เยาว์ในบ้านไม่ถือว่าแยกเด็กจากอำนาจปกครองดูแล
จำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี
ผู้ปกครองอนุญาตให้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยเท่านั้น
การกระทำโดยพลาด
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
รถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะซุกซ่อนและขนส่งบุหรี่ซิกาแรตในการกระทำความผิด
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้นสภาพความเป็นลูกหนี้เจ้าหนี้เกิดขึ้นทันที
ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ปฏิบัติหรือละเว้นตามมาตรา 157
การกระทำความผิดระหว่างผู้บุพการีต่อผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานต่อผู้บุพการี
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยฉ้อโกงหลอกลวงเอาทรัพย์ขณะที่ผู้เสียหายป่วยทางจิต
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาใดไม่แน่ชัด
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ-ป้องกันเกินกว่าเหตุ
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคายกรณีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อาญา มาตรา 188
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
การพรากเด็กไม่ว่าเด็กจะออกจากบ้านเองก็ย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและฐานฉ้อโกง
พิพากษาจำคุกจำเลยศาลฎีกายกฟ้องเพราะคำฟ้องไม่ได้ลงชื่อ
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสมรสในต่างประเทศระหว่างหญิงไทยกับหญิงไทย
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
การสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายอิสลามจำเลยไม่ต้องรับโทษ
กระทำโดยประมาทไม่อาจอ้างเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจสอบสวนไม่มีอำนาจฟ้อง
ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราถูกจำคุก 48 เดือน
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุดคดีอาญาระงับ
บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง
การชวนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าไปในห้องนอนไม่ผิดพรากผู้เยาว์
กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีจำคุก 50 ปี
การนับอายุความคดีความผิดอันยอมความได้