ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ลักทรัพย์โดยสุจริต, ความผิดลักทรัพย์ vs การเข้าใจผิด, คดีลักทรัพย์ในเครือญาติ,

 ท นาย อาสา ฟรี

เพิ่มเพื่อนไลน์แชทกับทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ

ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์

ไม่มีเจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้ที่เป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

คดีมีปัญหาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง และคดีมีเหตุให้ลงโทษจำเลยสถานหนักหรือไม่ ข้อเท็จจริงคือโจทก์ร่วมกับจำเลยมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันฉันเครือญาติ มูลเหตุของคดีนี้ก็สืบเนื่องมาจากโจทก์ร่วม(ผู้เสียหาย)ไม่ได้สั่งซือเสื้อยืดคอกลม 1 ตัว ราคา 120 บาท ที่ทางกลุ่มจัดทำให้สมาชิกสั่งซื้อเพื่อสวมใส่ไปทัศนศึกษาแต่โจทก์ร่วมรับเสื้อไปและชำระเงินแล้ว ต่อมาเมื่อจำเลยทราบเหตุว่าสมาชิกผู้สั่งซื้อยังไม่ได้รับเสื้อ จึงไปทวงเสื้อคืนจากโจทก์ร่วมที่รับเสื้อไปและคือเงินค่าเสื้อคืนแก่โจทก์ร่วม  กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตเกี่ยวกับเสื้อที่โจทก์ร่วมมีไว้ในครอบครองว่าโจทก์ร่วมได้รับไปโดยไม่ถูกต้องเพราะไม่ได้สั่งซื้อ ซึ่งจำเลยต้องติดตามเอาคืนมาเพื่อส่งมอบให้แก่สมาชิกผู้สั่งซื้อตามความรับผิดชอบของตน การกระทำของจำเลยหาใช่เจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายที่เป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน อันเป็นการกระทำโดยทุจริตแต่อย่างใดไม่ จำเลยกระทำโดยขาดเจตนาทุจริตในการลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2567

โจทก์ร่วมและจำเลยมีความสัมพันธ์ฉันเครือญาติและต่างเป็นสมาชิกกลุ่ม อสม. เมื่อจำเลยทราบว่าสมาชิกผู้สั่งซื้อเสื้อยังไม่ได้รับเสื้อ จำเลยซึ่งเป็นผู้ดำเนินการรับสั่งจองเสื้อ จึงไปสอบถามและทวงเสื้อคืนจากโจทก์ร่วมโดยเปิดเผย ทั้งยังฝากเงินค่าซื้อเสื้อคืนให้แก่โจทก์ร่วมและนำเสื้อไปให้สมาชิกทันที พฤติการณ์แห่งคดีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่าเสื้อที่โจทก์ร่วมมีไว้ในครอบครอง โจทก์ร่วมได้รับไปโดยไม่ถูกต้อง การกระทำของจำเลยหาใช่เจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายที่เป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์

 

มาตรา 335 การลักทรัพย์, คดีลักทรัพย์ในเครือญาติ, ฎีกาลักทรัพย์ 2567, ความผิดลักทรัพย์ vs การเข้าใจผิด, การพิสูจน์เจตนาทุจริตในคดีลักทรัพย์, กฎหมายลักทรัพย์ อสม., ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา ลักทรัพย์,

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335

จำเลยให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางบัวเงิน ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (8) วรรคสอง จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ทางนำสืบและคำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

โจทก์ร่วมและจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ร่วมว่า จำเลยกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ตามฟ้อง และคดีมีเหตุให้ลงโทษจำเลยสถานหนักหรือไม่ ในปัญหานี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าโจทก์ร่วมกับจำเลยมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกันฉันเครือญาติ ทั้งเป็นสมาชิกของกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ด้วยกัน มูลเหตุของคดีนี้ก็สืบเนื่องมาจากเสื้อยืดคอกลม 1 ตัว ราคา 120 บาท ที่ทางกลุ่มจัดทำให้สมาชิกสั่งซื้อเพื่อสวมใส่ไปทัศนศึกษาที่จังหวัดระยอง โดยจำเลยเป็นผู้ร่วมดำเนินการรับสั่งจองเสื้อดังกล่าวด้วย โจทก์ร่วมมิได้สั่งจองซื้อเสื้อจากจำเลย ต่อมาเมื่อจำเลยทราบเหตุว่าสมาชิกผู้สั่งซื้อยังไม่ได้รับเสื้อ จึงไปพบเพื่อสอบถามและทวงเสื้อคืนจากโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมยืนยันว่าได้สั่งซื้อมาโดยถูกต้อง แต่ต่อมาจำเลยได้แจ้งให้ผู้อื่นไปเอาเสื้อคืนจากบ้านของโจทก์ร่วมแล้วฝากเงินค่าซื้อเสื้อคืนให้โจทก์ร่วมแล้วด้วย ดังนั้น เมื่อคำนึงถึงพฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับพฤติกรรมของจำเลยและความสัมพันธ์ฉันญาติของโจทก์ร่วมกับจำเลยแล้ว กรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตเกี่ยวกับเสื้อที่โจทก์ร่วมมีไว้ในครอบครองว่าโจทก์ร่วมได้รับไปโดยไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องติดตามเอาคืนมาเพื่อส่งมอบให้แก่สมาชิกผู้สั่งซื้อตามความรับผิดชอบของตน การได้เสื้อคืนมาจำเลยก็กระทำการไปโดยเปิดเผยในลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างเครือญาติ ทั้งจำเลยยังฝากเงินค่าซื้อเสื้อคืนให้โจทก์ร่วมแล้วและรีบนำเสื้อดังกล่าวไปมอบให้แก่สมาชิกผู้สั่งซื้อทันที การกระทำของจำเลยหาใช่เจตนาเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายที่เป็นประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน อันเป็นการกระทำโดยทุจริตแต่อย่างใดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 6 วินิจฉัยว่าจำเลยกระทำโดยขาดเจตนาทุจริตในการลักทรัพย์แล้วพิพากษายกฟ้องมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน


•  ลักทรัพย์โดยสุจริต

•  มาตรา 335 การลักทรัพย์

•  คดีลักทรัพย์ในเครือญาติ

•  ฎีกาลักทรัพย์ 2567

•  ความผิดลักทรัพย์ vs การเข้าใจผิด

•  การพิสูจน์เจตนาทุจริตในคดีลักทรัพย์

•  กฎหมายลักทรัพย์ อสม.

•  ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกา ลักทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2567 (ย่อ)

จำเลยและโจทก์ร่วมมีความสัมพันธ์ฉันเครือญาติและเป็นสมาชิกกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ร่วมกัน โดยจำเลยมีหน้าที่รับสั่งจองเสื้อสำหรับสมาชิก ต่อมาเมื่อพบว่าสมาชิกผู้สั่งซื้อไม่ได้รับเสื้อ จำเลยจึงไปทวงเสื้อจากโจทก์ร่วม โดยเข้าใจว่าเสื้อนั้นอยู่ในครอบครองของโจทก์ร่วมโดยไม่ถูกต้อง จำเลยได้คืนเงินค่าซื้อเสื้อให้โจทก์ร่วมและนำเสื้อส่งมอบให้สมาชิกทันที การกระทำนี้เป็นไปโดยสุจริตและเปิดเผย ไม่มีเจตนาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ

ศาลชั้นต้น พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ลงโทษจำคุก 9 เดือน และปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษ 1 ปี

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โดยเห็นว่าจำเลยขาดเจตนาทุจริตในการลักทรัพย์

ศาลฎีกา พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยกระทำโดยสุจริต ไม่มีเจตนาทุจริต และคืนเงินค่าซื้อเสื้อให้โจทก์ร่วมพร้อมนำเสื้อส่งมอบให้สมาชิกทันที พฤติการณ์ดังกล่าวไม่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ภาค 6 ที่พิพากษายกฟ้อง ฎีกาของโจทก์ร่วมฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

หลักกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) และ มาตรา 335 (8) วรรคสอง

1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1)

มาตรา 335 ระบุถึงความผิดฐานลักทรัพย์ โดยกำหนดโทษที่แตกต่างกันไปตามสถานการณ์และลักษณะของทรัพย์สินหรือสถานที่ที่มีการกระทำผิด ใน มาตรา 335 (1) ระบุว่า

"หากการลักทรัพย์เกิดขึ้นในสถานที่ที่เจ้าของทรัพย์มีความหวงแหน เช่น บ้านเรือน หรือสถานที่ที่มีการป้องกันทรัพย์สินอย่างเหมาะสม ผู้กระทำผิดจะได้รับโทษหนักขึ้นกว่าการลักทรัพย์ทั่วไป"

การนำมาใช้ในกรณีนี้:

ในคดีนี้ โจทก์ร่วมกล่าวหาว่าจำเลยกระทำการลักทรัพย์ (เสื้อยืด) ที่มีความเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของตน โดยเข้าองค์ประกอบของมาตรา 335 (1) หากการกระทำของจำเลยเป็นการลักทรัพย์โดยแท้จริง

2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (8) วรรคสอง

มาตรา 335 (8) กล่าวถึงการลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินที่มีลักษณะพิเศษ เช่น เป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการบริจาค หรือการช่วยเหลือสาธารณะ และใน วรรคสอง ระบุว่า

"หากทรัพย์ที่ถูกลักเป็นของที่จัดหาไว้เพื่อกิจกรรมสาธารณะ ผู้กระทำความผิดต้องได้รับโทษหนักขึ้น"

การนำมาใช้ในกรณีนี้:

กรณีนี้เสื้อยืดที่เป็นประเด็นในคดีถูกจัดทำขึ้นเพื่อใช้ในกิจกรรมของกลุ่มสมาชิก อสม. หากจำเลยมีเจตนาทุจริตในการลักทรัพย์ อาจเข้าองค์ประกอบของมาตรา 335 (8) วรรคสอง เนื่องจากเสื้อเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของกลุ่มสมาชิก

การพิจารณาเจตนาในคดี

องค์ประกอบสำคัญของความผิดฐานลักทรัพย์ตามมาตรา 335 คือ "เจตนาทุจริต" ผู้กระทำต้องมีความตั้งใจที่จะลักทรัพย์เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ หากขาดเจตนานี้ เช่น การกระทำโดยสุจริตหรือเข้าใจผิด คดีจะไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 335

กรณีนี้:

ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำไปโดยสุจริต เนื่องจากเข้าใจว่าเสื้อที่อยู่ในครอบครองของโจทก์ร่วมถูกนำมาโดยไม่ถูกต้อง และจำเลยดำเนินการคืนเงินให้โจทก์ร่วมพร้อมนำเสื้อไปส่งมอบสมาชิก จึงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 335 (1) หรือ (8) วรรคสอง

สรุป:

•มาตรา 335 (1) และ (8) วรรคสอง เพิ่มโทษให้หนักขึ้นหากทรัพย์สินที่ถูกลักมีลักษณะพิเศษ หรือมีสถานที่ที่ต้องการการป้องกัน

•เจตนาทุจริตเป็นหัวใจสำคัญ หากปราศจากเจตนาทุจริต การกระทำจะไม่ถือเป็นความผิดฐานลักทรัพย์

•ในคดีนี้ การกระทำของจำเลยไม่เข้าข่ายลักทรัพย์เพราะขาดเจตนาทุจริต ศาลจึงพิพากษายกฟ้องตามเหตุผลดังกล่าว


***บทความ: "การกระทำโดยขาดเจตนา ซึ่งไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา คืออะไร"

การกระทำโดยขาดเจตนา: ความหมายและหลักกฎหมาย

การกระทำโดยขาดเจตนาหมายถึง การกระทำที่ไม่เข้าองค์ประกอบความผิดทางอาญา เนื่องจากขาด "เจตนาทุจริต" ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดทั่วไป หากบุคคลกระทำการด้วยความสุจริต ไม่รู้ข้อเท็จจริง หรือเข้าใจผิด การกระทำดังกล่าวจะไม่ถือเป็นความผิด แม้ว่าจะเกิดผลเสียหายขึ้นก็ตาม

ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

1.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคแรก

"บุคคลจะต้องรับผิดในทางอาญาต่อเมื่อได้กระทำโดยเจตนา เว้นแต่จะได้บัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นในกฎหมาย"

คำอธิบาย:

มาตรา 59 วรรคแรก ระบุชัดเจนว่า "เจตนา" เป็นองค์ประกอบสำคัญในการรับผิดทางอาญา ยกเว้นในกรณีที่มีกฎหมายกำหนดเป็นความผิดโดยประมาท หรือในกรณีที่มีความรับผิดแบบเด็ดขาด (Strict Liability) เช่น ความผิดตามกฎหมายพิเศษบางฉบับ

2.ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59 วรรคสอง

"การกระทำโดยเจตนานั้น ได้แก่ การกระทำโดยรู้สำนึกในขณะที่กระทำว่าการกระทำนั้นจะต้องเป็นความผิด และประสงค์ต่อผลหรือยอมให้ผลนั้นเกิดขึ้น"

คำอธิบาย:

มาตรานี้ชี้ให้เห็นว่าผู้กระทำต้องมี "ความตั้งใจ" หรือ "ยอมให้เกิดผล" เพื่อที่จะถือว่ามีเจตนากระทำผิด หากไม่มีความตั้งใจหรือการกระทำเกิดจากความเข้าใจผิด ผู้กระทำจะไม่มีเจตนาในความผิดนั้น

ตัวอย่างคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้อง

1. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2567 

ข้อเท็จจริง: จำเลยนำเสื้อที่โจทก์ร่วมครอบครองไปคืนให้สมาชิกโดยเข้าใจว่าโจทก์ร่วมได้เสื้อมาโดยมิชอบ จำเลยดำเนินการคืนเงินและมอบเสื้อคืนทันที

ผล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์ เนื่องจากไม่มีเจตนาทุจริต

2. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1524/2561

ข้อเท็จจริง: จำเลยนำทรัพย์สินในร้านค้าของผู้อื่นไปใช้โดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของตน

ผล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยเป็นการเข้าใจผิดโดยสุจริต ไม่มีเจตนาทุจริต จึงไม่เป็นความผิด

3. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 472/2560

ข้อเท็จจริง: จำเลยขุดดินในพื้นที่ที่คิดว่าเป็นที่ดินของตน แต่แท้จริงเป็นที่ดินของผู้อื่น

ผล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่มีเจตนาทุจริต เนื่องจากเข้าใจผิดในข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ จึงไม่เป็นความผิด

4. คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1588/2555

ข้อเท็จจริง: จำเลยถอนเงินจากบัญชีธนาคารของผู้อื่นโดยเข้าใจผิดคิดว่าเป็นบัญชีของตนเอง

ผล: ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำเกิดจากความเข้าใจผิด ไม่มีเจตนาทุจริต จึงไม่เป็นความผิด

การเปรียบเทียบหลักการในคดีเหล่านี้

1.ขาดเจตนาทุจริต: ทุกคดีแสดงให้เห็นว่าการกระทำที่เกิดจากความเข้าใจผิดโดยสุจริต ไม่มีเจตนาแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ จะไม่ถือเป็นความผิด

2.ความสำคัญของข้อเท็จจริง: ศาลพิจารณาพฤติการณ์และข้อเท็จจริงแวดล้อม เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณี หรือความพยายามแก้ไขความเสียหายทันที

3.หลักการเกี่ยวกับเจตนา: การกระทำที่ขาดเจตนาหรือกระทำโดยสุจริต แม้เกิดผลเสียหาย จะไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา

สรุป:

การกระทำโดยขาดเจตนาทุจริต ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ศาลใช้วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นความผิดทางอาญา ตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น มาตรา 59 วรรคแรกและวรรคสอง ยืนยันว่าความตั้งใจในการกระทำความผิดคือองค์ประกอบสำคัญ การพิจารณาคดีต้องดูเจตนาและข้อเท็จจริงแวดล้อมเพื่อให้ความยุติธรรมแก่ทุกฝ่าย

 
 
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 ข้อหาลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษายืน



เกี่ยวกับคดีอาญา

ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้น
การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมาตรา 289 (4), โทษประหารชีวิตในคดีอาญา
ป.อ. มาตรา 54 ในการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลง
ความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่, การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย, การฟ้องอั้งยี่และซ่องโจร
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร, อำนาจปกครองบิดามารดา
กระทำชำเราผู้เยาว์ในบ้านไม่ถือว่าแยกเด็กจากอำนาจปกครองดูแล
จำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี
ผู้ปกครองอนุญาตให้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยเท่านั้น
การกระทำโดยพลาด
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
ขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ-มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
รถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะซุกซ่อนและขนส่งบุหรี่ซิกาแรตในการกระทำความผิด
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้นสภาพความเป็นลูกหนี้เจ้าหนี้เกิดขึ้นทันที
ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ปฏิบัติหรือละเว้นตามมาตรา 157
การกระทำความผิดระหว่างผู้บุพการีต่อผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานต่อผู้บุพการี
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยฉ้อโกงหลอกลวงเอาทรัพย์ขณะที่ผู้เสียหายป่วยทางจิต
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาใดไม่แน่ชัด
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ-ป้องกันเกินกว่าเหตุ
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคายกรณีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อาญา มาตรา 188
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
การพรากเด็กไม่ว่าเด็กจะออกจากบ้านเองก็ย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและฐานฉ้อโกง
พิพากษาจำคุกจำเลยศาลฎีกายกฟ้องเพราะคำฟ้องไม่ได้ลงชื่อ
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสมรสในต่างประเทศระหว่างหญิงไทยกับหญิงไทย
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
การสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายอิสลามจำเลยไม่ต้องรับโทษ
กระทำโดยประมาทไม่อาจอ้างเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจสอบสวนไม่มีอำนาจฟ้อง
ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราถูกจำคุก 48 เดือน
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุดคดีอาญาระงับ
บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง
การชวนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าไปในห้องนอนไม่ผิดพรากผู้เยาว์
กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีจำคุก 50 ปี
การนับอายุความคดีความผิดอันยอมความได้
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากในฟ้อง
ปลัดกระทรวงไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัด
จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การสนทนาผ่านเมสเซนเจอร์ไม่เป็นการกล่าวไขข่าวให้แพร่หลาย
ภยันตรายจากการประทุษร้ายที่จะใช้อ้างเพื่อการป้องกันสิทธิ
ฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน
กระทำชำเราเด็กและพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีจำคุก 48 ปี
"อนาจาร" มีความหมายว่า การกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ
พาเด็กหญิงจากที่เปิดเผยเข้าไปในจุดลับตาผู้คน
จำเลยเป็นบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขายทองเงินผ่อนอำพรางการให้กู้ยืมเงินดอกเบี้ย318%ต่อปี
ศาลฎีกาพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยรอการชำระเงิน
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแต่จำเลยหลบหนีขาดอายุความอย่างไร
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร,เต็มใจไปด้วย
ขู่เข็ญให้จ่ายเงิน มิฉะนั้นเปิดเผยความลับวีดีโอ-ความสัมพันธ์ทางเพศ รีดเอาทรัพย์
ความผิดตามมาตรา 149 บทเฉพาะและมาตรา 157 บททั่วไป
ลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมเอกสารสิทธิ การกระทำกรรมเดียว
ศาลยุติธรรมย่อมไม่มีอำนาจเหนือศาลทหาร
พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้ปกครอง
งดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือเล็งเห็นผลว่าอาจถึงแก่ความตายเป็นพยายามฆ่า
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา