ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราถูกจำคุก 48 เดือน

ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราถูกจำคุก 48 เดือน

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราและปลอมเอกสารสิทธิ ศาลชั้นต้นพิพากษาข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจำคุก 48 เดือนปลอมเอกสารสิทธิจำคุก 48 เดือน ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาข้อหาเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราจำคุก 48 เดือนข้อหาอื่นให้ยกฟ้อง ศาลฎีกาพิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยกรอกข้อความเติมจำนวนเงินกู้ลงในสัญญากู้เงินอันเป็นเอกสารสิทธิเกินไปจากที่มีการกู้ยืมกันจริง จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ จำเลยทำสัญญาให้ผู้กู้ยืมกู้เงิน โดยเรียกดอกเบี้ยในอัตราประมาณร้อยละ 2 ต่อสัปดาห์ หรือร้อยละ 8 ต่อเดือน หรือร้อยละ 96 ต่อปี อันเป็นอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด การกระทำความผิดจึงได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วในทันทีที่ให้กู้เงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มิใช่ว่าผู้ให้กู้จะต้องได้รับดอกเบี้ยจากผู้กู้ยืมเงินก่อนจึงจะมีความผิดดังที่จำเลยฎีกา จำเลยจึงมีความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด การกรอกข้อความเติมตัวเลขให้เป็นจำนวนเงินกู้ที่สูงขึ้นไม่ตรงต่อความเป็นจริง เป็นการกระทำที่ไม่สุจริต และไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย มุ่งเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตน โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่ผู้อื่นจะได้รับเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบ สมควรลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1561/2565

ความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด เกิดขึ้นและสำเร็จแล้วในทันทีที่จำเลยให้ผู้เสียหายทั้งห้ากู้เงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มิใช่ว่าจำเลยจะต้องได้รับดอกเบี้ยจากผู้เสียหายทั้งห้าก่อน

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 มาตรา 4 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 264, 265

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 มาตรา 4 (1) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 6 กระทง ฐานปลอมเอกสารสิทธิ จำคุกกระทงละ 1 ปี รวม 6 กระทง ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงละหนึ่งในสาม ฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 6 กระทง เป็นจำคุก 48 เดือน ฐานปลอมเอกสารสิทธิ คงจำคุกกระทงละ 8 เดือน รวม 6 กระทง เป็นจำคุก 48 เดือน รวมจำคุกจำเลยมีกำหนด 96 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ยกฟ้องโจทก์เฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 คงลงโทษจำเลยฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด จำคุกมีกำหนด 48 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นหรือไม่ และมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ ซึ่งเห็นควรวินิจฉัยไปพร้อมกัน เห็นว่า ผู้เสียหายที่ 1 และที่ 5 รู้จักกับจำเลยมาก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 ถึง 3 ปี แต่ไม่เคยได้รับแจ้งจากจำเลยว่านางสาวสุกัลยาเป็นเจ้าของเงินที่ให้กู้ ซึ่งต่างจากจำเลยที่ผู้เสียหายทั้งห้าทราบว่าเป็นผู้ให้กู้เงินมานานแล้ว ผู้เสียหายทั้งห้ายืนยันมาโดยตลอดตั้งแต่ชั้นสอบสวนว่าทำสัญญากู้เงินจากจำเลย เพียงแต่ปฏิเสธว่าจำนวนเงินที่ปรากฏในสัญญานั้นไม่ถูกต้อง ประกอบกับไม่ปรากฏถึงสาเหตุโกรธเคืองที่ทำให้ผู้เสียหายทั้งห้าต้องให้การและเบิกความปรักปรำให้จำเลยต้องรับโทษ เชื่อได้ว่าผู้เสียหายทั้งห้าเบิกความตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับหากนางสาวสุกัลยาเป็นผู้ให้กู้เงิน หลังจากผู้เสียหายแต่ละคนไม่ชำระเงินคืน นางสาวสุกัลยาคงฟ้องบังคับให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินเช่นเดียวกับที่ฟ้องนางรำไพ นางสุพิศ และนางสุภาพร แต่เมื่อนางสาวสุกัลยานำสัญญากู้เงินที่ได้รับจากจำเลย มาสอบถามผู้เสียหายทั้งห้า นางสาวสุกัลยากลับมิได้เรียกร้องให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้เงินดังกล่าว ทั้งมิได้มีการฟ้องร้องดำเนินคดี จากพฤติการณ์ของจำเลยตามที่โจทก์นำสืบมารับฟังได้ว่า ผู้เสียหายทั้งห้าทำสัญญากู้เงินจากจำเลย และจำเลยมิได้เป็นเพียงคนกลางติดต่อแทนนางสาวสุกัลยาตามที่จำเลยฎีกา ส่วนกรณีที่จำเลยไม่ได้หักจำนวนดอกเบี้ยออกจากเงินต้นที่ให้กู้ ก็เป็นเรื่องที่จำเลยไว้วางใจเชื่อถือผู้กู้แต่ละคนแตกต่างกันเท่านั้น มิได้เป็นข้อพิรุธที่จะรับฟังว่าจำเลยไม่ได้ให้ผู้เสียหายทั้งห้ากู้เงินแต่อย่างใด สำหรับความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธินั้น เห็นว่า ผู้เสียหายทั้งห้าและนางสาวสุกัลยาเบิกความสอดคล้องกันว่า หลังจากผู้เสียหายทั้งห้าลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินแล้ว จำเลยนำสัญญากู้เงินทุกฉบับไป และสัญญากู้เงินที่นางสาวสุกัลยาได้รับมาจากจำเลยปรากฏจำนวนเงินที่กู้และลายมือชื่อของผู้กู้อยู่แล้ว หากนางสาวสุกัลยาเป็นผู้กรอกจำนวนเงินในสัญญากู้เงินดังกล่าว ก็น่าจะเป็นเพราะประสงค์บังคับให้ผู้เสียหายทั้งห้ารับผิดตามสัญญากู้เงิน แต่นางสาวสุกัลยากลับไม่ได้นำสัญญามาฟ้องเรียกให้ผู้เสียหายทั้งห้ารับผิดตามจำนวนเงินที่ระบุไว้ในสัญญากู้เงินแต่อย่างใด ซึ่งเป็นข้อผิดปกติอย่างยิ่งที่ผู้ให้กู้ไม่นำพาต่อการเรียกร้องให้ผู้กู้รับผิดชดใช้เงินที่กู้ยืมไป ทั้งที่นางสาวสุกัลยาเคยนำสัญญากู้เงินที่ทำกับลูกหนี้รายอื่นมาฟ้องบังคับให้ชำระหนี้ ถึงแม้โจทก์จะไม่มีประจักษ์พยานที่รู้เห็นว่าจำเลยกรอกจำนวนเงินกู้และเติมตัวเลขเพิ่มจำนวนเงินกู้ในสัญญากู้เงิน แต่จากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบถึงพฤติการณ์ของจำเลยที่เก็บสัญญากู้เงินมาโดยตลอด เพิ่งจะนำมาแสดงต่อนางสาวสุกัลยาเพื่อใช้เป็นข้ออ้างว่ามีการกู้ยืมเงินไปจากจำเลยเป็นจำนวนมากและจำเลยยังไม่ได้รับการใช้คืน เพื่อให้นางสาวสุกัลยานำสัญญากู้เงินไปเรียกร้องจากผู้กู้เอง โดยที่ผู้เสียหายทั้งห้าต่างยืนยันว่าไม่เคยกู้เงินตามจำนวนที่ปรากฏในเอกสาร พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมามีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยกรอกข้อความเติมจำนวนเงินกู้ลงในสัญญากู้เงินอันเป็นเอกสารสิทธิเกินไปจากที่มีการกู้ยืมกันจริง จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องฐานปลอมเอกสารสิทธิมานั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น เมื่อได้ความว่าจำเลยทำสัญญาให้ผู้เสียหายทั้งห้ากู้เงิน โดยเรียกดอกเบี้ยในอัตราประมาณร้อยละ 2 ต่อสัปดาห์ หรือร้อยละ 8 ต่อเดือน หรือร้อยละ 96 ต่อปี อันเป็นอัตราเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ซึ่งความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดตามพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ.2560 มาตรา 4 (1) สาระสำคัญอยู่ที่การให้กู้เงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามที่กฎหมายกำหนด การกระทำความผิดดังกล่าวจึงเกิดขึ้นและสำเร็จแล้วในทันทีที่จำเลยให้ผู้เสียหายทั้งห้ากู้เงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด มิใช่ว่าจำเลยจะต้องได้รับดอกเบี้ยจากผู้เสียหายทั้งห้าก่อนจึงจะมีความผิดดังที่จำเลยฎีกา จำเลยจึงมีความผิดฐานให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษนั้น เห็นว่า ผู้เสียหายทั้งห้าลงลายมือชื่อทำสัญญากู้เงินกับจำเลย แต่จำเลยกลับกรอกข้อความเติมตัวเลขให้เป็นจำนวนเงินกู้ที่สูงขึ้นไม่ตรงต่อความเป็นจริง เป็นการกระทำที่ไม่สุจริต และไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย มุ่งเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตน โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่ผู้อื่นจะได้รับ แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อนก็ตาม และเพื่อให้จำเลยเข็ดหลาบ สมควรลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำคุกจำเลยโดยไม่รอการลงโทษจำคุกนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์ของคดีแล้ว ศาลฎีกาไม่มีเหตุจะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกข้อ

พิพากษากลับ ให้บังคับตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

 



เกี่ยวกับคดีอาญา

ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ลักทรัพย์โดยสุจริต, ความผิดลักทรัพย์ vs การเข้าใจผิด, คดีลักทรัพย์ในเครือญาติ,
การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมาตรา 289 (4), โทษประหารชีวิตในคดีอาญา
ป.อ. มาตรา 54 ในการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลง
ความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่, การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย, การฟ้องอั้งยี่และซ่องโจร
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร, อำนาจปกครองบิดามารดา
กระทำชำเราผู้เยาว์ในบ้านไม่ถือว่าแยกเด็กจากอำนาจปกครองดูแล
จำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี
ผู้ปกครองอนุญาตให้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยเท่านั้น
การกระทำโดยพลาด
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
ขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ-มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
รถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะซุกซ่อนและขนส่งบุหรี่ซิกาแรตในการกระทำความผิด
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้นสภาพความเป็นลูกหนี้เจ้าหนี้เกิดขึ้นทันที
ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ปฏิบัติหรือละเว้นตามมาตรา 157
การกระทำความผิดระหว่างผู้บุพการีต่อผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานต่อผู้บุพการี
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยฉ้อโกงหลอกลวงเอาทรัพย์ขณะที่ผู้เสียหายป่วยทางจิต
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาใดไม่แน่ชัด
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ-ป้องกันเกินกว่าเหตุ
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคายกรณีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อาญา มาตรา 188
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
การพรากเด็กไม่ว่าเด็กจะออกจากบ้านเองก็ย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น
ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและฐานฉ้อโกง
พิพากษาจำคุกจำเลยศาลฎีกายกฟ้องเพราะคำฟ้องไม่ได้ลงชื่อ
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสมรสในต่างประเทศระหว่างหญิงไทยกับหญิงไทย
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
การสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายอิสลามจำเลยไม่ต้องรับโทษ
กระทำโดยประมาทไม่อาจอ้างเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจสอบสวนไม่มีอำนาจฟ้อง
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุดคดีอาญาระงับ
บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง
การชวนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าไปในห้องนอนไม่ผิดพรากผู้เยาว์
กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีจำคุก 50 ปี
การนับอายุความคดีความผิดอันยอมความได้
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากในฟ้อง
ปลัดกระทรวงไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัด
จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การสนทนาผ่านเมสเซนเจอร์ไม่เป็นการกล่าวไขข่าวให้แพร่หลาย
ภยันตรายจากการประทุษร้ายที่จะใช้อ้างเพื่อการป้องกันสิทธิ
ฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน
กระทำชำเราเด็กและพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีจำคุก 48 ปี
"อนาจาร" มีความหมายว่า การกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ
พาเด็กหญิงจากที่เปิดเผยเข้าไปในจุดลับตาผู้คน
จำเลยเป็นบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขายทองเงินผ่อนอำพรางการให้กู้ยืมเงินดอกเบี้ย318%ต่อปี
ศาลฎีกาพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยรอการชำระเงิน
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแต่จำเลยหลบหนีขาดอายุความอย่างไร
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร,เต็มใจไปด้วย
ขู่เข็ญให้จ่ายเงิน มิฉะนั้นเปิดเผยความลับวีดีโอ-ความสัมพันธ์ทางเพศ รีดเอาทรัพย์
ความผิดตามมาตรา 149 บทเฉพาะและมาตรา 157 บททั่วไป
ลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมเอกสารสิทธิ การกระทำกรรมเดียว
ศาลยุติธรรมย่อมไม่มีอำนาจเหนือศาลทหาร
พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้ปกครอง
งดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือเล็งเห็นผลว่าอาจถึงแก่ความตายเป็นพยายามฆ่า
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา