![](https://www.peesirilaw.com/images/column_1718776501/lawyer-under-800-129.jpg)
![](/images_profiles/heading2.jpg)
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (12) จำคุก 8 เดือน ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่าท่อพีวีซีจำนวน 5 ท่อ เป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ทำนากุ้ง ซึ่งเป็นผู้มีอาชีพกสิกรรม แต่การทำนากุ้ง ไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทและแก้ไขโทษให้ถูกต้องได้ พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) จำคุก 6 เดือน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13491/2553 พนักงานอัยการจังหวัดกระบี่ โจทก์ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 357 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) (12) วรรคสอง ประกอบมาตรา 86 จำคุก 12 เดือน คำให้การชั้นสอบสวนและทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 8 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก จำเลยอุทธรณ์ จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาของจำเลย การลักทรัพย์สำเร็จเสร็จสิ้นและเด็ดขาดไปแล้ว ไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เห็นว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกา วินิจฉัยข้อกฎหมายดังกล่าวมาแล้วและยังไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงคำวินิจฉัยเดิม ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระอันควรแก่การพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษา ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 219 วรรคสอง และพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 23 วรรคหนึ่ง อนึ่ง ที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าท่อพีวีซีจำนวน 5 ท่อ เป็นทรัพย์ที่มีไว้เพื่อใช้ทำนากุ้ง ซึ่งเป็นผู้มีอาชีพกสิกรรมและศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา 335 (1) (12) วรรคสอง เห็นว่า ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต พ.ศ.2542 คำว่า “กสิกรรม” หมายความถึงการทำไร่ ไถนา การทำนากุ้ง ไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรมตามความหมายดังกล่าว ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าว และศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน จึงไม่ถูกต้อง ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยปรับบทและแก้ไขโทษให้ถูกต้องได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335 (1) วรรคแรก ประกอบมาตรา 86 ลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว คงจำคุก 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 มาตรา 195 ข้อกฎหมายทั้งปวงอันคู่ความอุทธรณ์ร้องอ้างอิงให้แสดงไว้โดยชัดเจนในฟ้องอุทธรณ์ แต่ต้องเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นมาว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้น มาตรา 225 ให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณา และว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งชั้นอุทธรณ์มาบังคับในชั้นฎีกาโดยอนุโลม เว้นแต่ห้ามมิให้ทำความเห็นแย้ง ป.อ. มาตรา 335 ถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำที่ประกอบด้วยลักษณะ ดังที่บัญญัติไว้ในอนุ มาตรา ดังกล่าวแล้วตั้งแต่สองอนุ มาตรา ขึ้นไป ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่ สองพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท ถ้าความผิดตามวรรคแรกเป็นการกระทำต่อทรัพย์ที่เป็นโค กระบือ เครื่องกล หรือเครื่องจักรที่ผู้มีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับ ประกอบกสิกรรมผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท ถ้าการกระทำความผิดดังกล่าวใน มาตรานี้ เป็นการกระทำ โดยความจำใจหรือความยากจนเหลือทนทานและทรัพย์นั้นมีราคา เล็กน้อยศาลจะลงโทษผู้กระทำความผิดดังที่บัญญัติไว้ใน มาตรา 334 ก็ได้
|