ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletคำพิพากษาศาลฎีกา
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากในฟ้องที่มิใช่ข้อสาระสำคัญ

ทนายความโทร0859604258

ภาพจากซ้ายไปขวา ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ, ทนายความภคพล มหิทธาอภิญญา, ทนายความเอกชัย อาชาโชติธรรม, ทนายความอภิวัฒน์ สุวรรณ-ปรึกษากฎหมาย ทนายความ (นายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ) โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  : 

      (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3)  @peesirilaw  หรือ (4) peesirilaw   (5)   leenont

ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากในฟ้องที่มิใช่ข้อสาระสำคัญ

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม ศาลอุทธรณ์ภาคพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมด้วย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้บันทึกการประชุมและจัดทำรายงานการประชุม รายงานการประชุมจึงเป็นเอกสารแท้จริงมิใช่เอกสารปลอมย่อมไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ พิพากษายืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6538/2562

การที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อรับรองรายงานการประชุม และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้บันทึกการประชุมในเอกสารฉบับเดียวกัน ย่อมเป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่า การประชุมคณะกรรมการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการและจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ได้กระทำต่อหน้าตนนั้น เมื่อคณะกรรมการดังกล่าวมิได้มีการประชุมกันจริง การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่า การอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) และ (4) แต่โจทก์ทั้งห้ามิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) และ (4) มาด้วย ต้องถือว่าโจทก์ทั้งห้าไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) และ (4) จึงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในความผิดตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) และ (4) ไม่ได้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสี่ และกรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ข้อเท็จจริงตามฟ้องโจทก์ทั้งห้าสืบสม แต่อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิด เพราะโจทก์ทั้งห้ามิได้บรรยายองค์ประกอบความผิด ตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) และ (4) มาในฟ้องด้วย อีกทั้งองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 162 (1) และ (4) กับมาตรา 265 มีความแตกต่างกันมาก จึงมิใช่เป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในเรื่องที่มิใช่ข้อสาระสำคัญ และจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้หลงต่อสู้

โจทก์ทั้งห้าฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 157, 264, 265, 268

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265, 83 เมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นผู้ร่วมกันปลอมเอกสารราชการและร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอม จึงลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคแรก ประกอบมาตรา 265 แต่เพียงกระทงเดียว ตามมาตรา 268 วรรคสอง จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปี กำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมประพฤติจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติคนละ 4 ครั้ง ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้ยก และยกฟ้องโจทก์ทั้งห้าสำหรับจำเลยที่ 3

โจทก์ทั้งห้าและจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ทั้งห้าสำหรับความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ทั้งห้าฎีกา โดยผู้พิพากษาที่พิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้น อนุญาตให้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งห้าข้อแรกมีว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมหรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้บันทึกการประชุมและจัดทำรายงานการประชุม แต่จำเลยที่ 2 เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการและจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) ของเทศบาลตำบลประตูป่า มีหน้าที่บันทึกการประชุมและจัดทำรายงานการประชุมของคณะกรรมการดังกล่าวตามหน้าที่ รายงานการประชุมจึงเป็นเอกสารแท้จริงที่จำเลยที่ 2 จัดทำขึ้น มิใช่เอกสารปลอม และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า คณะกรรมการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการและจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) ของเทศบาลตำบลประตูป่า ไม่ได้มีการประชุมกันเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ดังได้วินิจฉัยมา ย่อมทำให้เชื่อได้ว่า คณะกรรมการดังกล่าวมิได้มีการแสดงความคิดเห็นกันตามที่ปรากฏในรายงานการประชุม และแผนอัตรากำลังมิได้เป็นผลมาจากการประชุมของคณะกรรมการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการและจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) ของเทศบาลตำบลประตูป่าแต่ประการใด การจัดทำแผนอัตรากำลังและรายงานการประชุมจึงมิได้เป็นไปตามหนังสือสำนักงาน ก.จ. ก.ท. และ ก.อบต. ที่ มท 0809.2/ว 55 ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2557 เรื่อง กำหนดขั้นตอนในการจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี ที่ว่า จะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี และไม่เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพนักงานเทศบาลลำพูน เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลของเทศบาล ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2545 ข้อ 16 ที่ให้คณะกรรมการจัดแผนอัตรากำลัง 3 ปี ของเทศบาล มีหน้าที่จัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี โดยคำนึงถึงภารกิจและอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายดังที่โจทก์ทั้งห้ากล่าวในคำฟ้องก็ตาม แต่เมื่อรายงานการประชุมเป็นเพียงเอกสารเท็จ มิใช่เอกสารราชการปลอม การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 มิได้รู้เห็นด้วย ไม่น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 2 จะกล้าจัดทำรายงานการประชุมขึ้นเอง แต่เมื่อจำเลยที่ 2 ไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ จำเลยที่ 1 ย่อมไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ และเมื่อจำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ จำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมไม่มีความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอมด้วย

ส่วนที่โจทก์ทั้งห้าฎีกาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมด้วยนั้น ข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ทั้งห้าปรากฏเพียงว่า จำเลยที่ 3 ไปให้ถ้อยคำต่อคณะทำงานของคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำพูนว่า มีการประชุมคณะกรรมการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการและจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 กันจริงเท่านั้น พฤติการณ์ของจำเลยที่ 3 เพียงเท่านี้ย่อมไม่เพียงพอให้รับฟังว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การที่จำเลยที่ 1 ลงลายมือชื่อรับรองรายงานการประชุมในรายงานการประชุม และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้บันทึกการประชุมในเอกสารฉบับเดียวกัน ย่อมเป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่า การประชุมคณะกรรมการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการและจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2557 ได้กระทำต่อหน้าตนนั้น เมื่อคณะกรรมการดังกล่าวมิได้มีการประชุมกันจริง การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ย่อมเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และ (4) แต่โจทก์ทั้งห้ามิได้ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และ (4) มาด้วย ต้องถือว่าโจทก์ทั้งห้าไม่ประสงค์ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และ (4) จึงลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และ (4) ไม่ได้ ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสี่ และกรณีมิใช่เป็นเรื่องที่ข้อเท็จจริงตามคำฟ้องโจทก์ทั้งห้าสืบสม แต่อ้างฐานความผิดหรือบทมาตราผิดดังที่โจทก์ทั้งห้าฎีกา เพราะโจทก์มิได้บรรยายองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และ (4) มาในคำฟ้องด้วย อีกทั้งองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (1) และ (4) กับมาตรา 265 มีความแตกต่างกันมาก จึงมิใช่เป็นกรณีที่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้องในเรื่องที่มิใช่ในข้อสาระสำคัญและจำเลยที่ 1 และที่ 2 มิได้หลงต่อสู้ ดังที่โจทก์ทั้งห้าฎีกามาด้วย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดฐานปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอมมานั้นชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งห้าในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ทั้งห้าข้อต่อไปมีว่า การกระทำของจำเลยทั้งสาม เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือไม่ เห็นว่า แม้แผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) ของเทศบาลตำบลประตูป่า และรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดโครงสร้างส่วนราชการและจัดทำแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) จัดทำขึ้นโดยที่คณะกรรมการดังกล่าวมิได้มีการประชุมกันจริง แต่การปรับลดอัตรากำลังพนักงานจ้างตามภารกิจ 7 ตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งของโจทก์ทั้งห้าเป็นการดำเนินการตามมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารงานบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2542 ที่บัญญัติว่า ในการจ่ายเงินเดือน ประโยชน์ตอบแทนอื่น และเงินค่าจ้างของข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นและลูกจ้างที่นำมาจากเงินรายได้ที่ไม่รวมเงินอุดหนุนและเงินกู้หรือเงินอื่นใดนั้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแต่ละแห่งจะกำหนดสูงกว่าร้อยละสี่สิบของเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นไม่ได้ และข้อเท็จจริงปรากฏว่า ก่อนเสนอแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) ของเทศบาลตำบลประตูป่า เทศบาลตำบลประตูป่ามีภาระค่าใช้จ่ายด้านการบริหารงานบุคคล คิดเป็นร้อยละ 46.57 การปรับลดกรอบอัตรากำลังบุคลากรของเทศบาลตำบลประตูป่าจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อีกทั้งแผนอัตรากำลัง 3 ปี (รอบปีงบประมาณ 2558 - 2560) ของเทศบาลตำบลประตูป่า ที่จัดทำขึ้นตามมติของคณะกรรมการเทศบาลจังหวัดลำพูนที่ให้เทศบาลตำบลประตูป่าจัดทำขึ้นใหม่ ซึ่งคณะกรรมการเทศบาลจังหวัดลำพูนมีมติเห็นชอบในการประชุมครั้งที่ 11/2559 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2559 ก็มีสาระสำคัญตรงกับที่ปรากฏในแผนอัตรากำลังและรายงานการประชุม กล่าวคือ ให้ยุบเลิกตำแหน่งที่ไม่มีคนครอง และปรับลดพนักงานจ้างตามภารกิจ 7 ตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งของโจทก์ทั้งห้าเช่นเดิม เพียงแต่ปรับลดพนักงานจ้างทั่วไป 14 ราย จากเดิมให้ปรับลด 15 ราย เท่านั้น แสดงให้เห็นว่า การปรับลดอัตรากำลังพนักงานจ้างตามภารกิจ 7 ตำแหน่ง รวมถึงตำแหน่งของโจทก์ทั้งห้าเป็นการดำเนินการโดยมีเหตุผลอันสมควร ประกอบกับทางนำสืบของโจทก์ทั้งห้าไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันจัดทำแผนอัตรากำลังและรายงานการประชุม โดยมีเจตนาพิเศษมุ่งหมายที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งห้า จำเลยที่ 1 และที่ 2 จึงไม่มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ส่วนที่โจทก์ทั้งห้าฎีกาว่า จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดนั้น ฎีกาของโจทก์ทั้งห้าไม่ได้ให้เหตุผลว่าจำเลยที่ 3 มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดอย่างไร ฎีกาของโจทก์ทั้งห้าข้อนี้จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคหนึ่ง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งสามในความผิดฐานนี้ชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ทั้งห้าในข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

พิพากษายืน

ฎีกาอื่นที่เกี่ยวข้องแยกตามกฎหมายและมาตรา

 ป.อ. ม. 162, ม. 265

 ป.วิ.อ. ม. 192

แหล่งที่มา

 กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

จำเลยอยู่กินฉันสามีภริยากับชายอื่นขณะที่โจทก์อุปสมบทเป็นภิกษุ

พฤติการณ์ที่จำเลยพยายามถ่ายโอนทรัพย์สินหลายรายการไปจากโจทก์ และอยู่กินฉันสามีภริยากับชายอื่นโดยเปิดเผยในระหว่างที่จำเลยยังคงเป็นภริยาโจทก์ และการที่จำเลยมิได้ดูแลเอาใจใส่โจทก์เท่าที่ควรในขณะที่โจทก์อุปสมบทเป็นภิกษุ ล้วนเป็นการทำการปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยากันอย่างร้ายแรงโจทก์จึงฟ้องหย่าจำเลยได้




เกี่ยวกับคดีอาญา

การนับอายุความคดีความผิดอันยอมความได้
ปลัดกระทรวงไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัด
จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การสนทนาผ่านเมสเซนเจอร์ไม่เป็นการกล่าวไขข่าวให้แพร่หลาย
ภยันตรายจากการประทุษร้ายที่จะใช้อ้างเพื่อการป้องกันสิทธิ
ฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน ข่มขืนใจผู้อื่น หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น
กระทำชำเราเด็กและพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีจำคุก 48 ปี
"อนาจาร" มีความหมายว่า การกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ
พาเด็กหญิงจากที่เปิดเผยเข้าไปในจุดลับตาผู้คน
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแต่จำเลยหลบหนีขาดอายุความอย่างไร
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร,เต็มใจไปด้วย
ขู่เข็ญให้จ่ายเงิน มิฉะนั้นเปิดเผยความลับวีดีโอ-ความสัมพันธ์ทางเพศ รีดเอาทรัพย์
ความผิดตามมาตรา 149 บทเฉพาะและมาตรา 157 บททั่วไป
พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
งดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือเล็งเห็นผลว่าอาจถึงแก่ความตายเป็นพยายามฆ่า
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
ลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมเอกสารสิทธิ การกระทำกรรมเดียว
ศาลยุติธรรมย่อมไม่มีอำนาจเหนือศาลทหาร
ล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้ปกครอง
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การกระทำโดยพลาด | พยายามฆ่า
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
คำร้องทุกข์ | อำนาจพนักงานสอบสวน
ขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ-มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
ความผิดฐานบุกรุกเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
บิดาบันดาลโทสะ | ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคาย
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
รวบรวมฎีกาเรื่องเบิกความเท็จ
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม