ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและฐานฉ้อโกง

ความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและฐานฉ้อโกง

จำเลยที่ 1 กู้เงินจากโจทก์ร่วมจำนวน 200,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 มอบใบแทนโฉนดที่ดินซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ร่วมเพื่อเป็นหลักประกันการกู้เงิน ต่อมาโจทก์ร่วมแจ้งความร้องทุกข์โดยมอบหนังสือรับรองซึ่งเป็นเอกสารปลอมแก่พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน โดยหนังสือรับรองดังกล่าวรับรองว่าจำเลยที่ 1 มีที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิจำนวนเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ ปลูกปาล์มน้ำมันประมาณ 40 ไร่ ปลูกยางพาราประมาณ 40 ไร่ การออกหนังสือรับรองขององค์การบริหารส่วนตำบลหินแก้วต้องมีการสำรวจการใช้ประโยชน์ที่ดินและมีผู้ปกครองท้องที่ยืนยัน หนังสือรับรองดังกล่าวจึงเป็นเอกสารราชการ เมื่อจำเลยที่ 1 ปลอมหนังสือรับรองและใช้หรือแสดงหนังสือรับรองปลอมดังกล่าวแก่โจทก์ร่วมเพื่อประกอบการขอกู้เงินจากโจทก์ร่วม โดยหลอกลวงโจทก์ร่วมว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองปลอมดังกล่าวเป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อและให้จำเลยที่ 1 กู้เงินจำนวน 200,000 บาท การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ฐานใช้เอกสารราชการปลอม และฐานฉ้อโกง 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2566

หนังสือรับรองสิทธิครอบครองและการทำประโยชน์ในที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิขององค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีการสำรวจการใช้ประโยชน์ที่ดินและมีผู้ปกครองท้องที่ยืนยัน อันเป็นกิจการที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ จึงเป็นกิจการที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจหน้าที่ หนังสือรับรองดังกล่าวจึงเป็นเอกสารราชการ

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 265, 268, 341 ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนเงิน 200,000 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายที่ 2 และให้นับโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 4 คดีนี้ต่อจากโทษของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 1467/2563 (ที่ถูก อ.467/2563) ของศาลชั้นต้น

ระหว่างพิจารณา นางภิรมย์ ผู้เสียหายที่ 2 ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 1 และที่ 4 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับ ในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 วรรคหนึ่ง (เดิม), 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 264 วรรคหนึ่ง (เดิม), 341 (เดิม) จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมจึงลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมแต่กระทงเดียวตามมาตรา 268 วรรคสอง และความผิดฐานใช้เอกสารปลอมกับฐานฉ้อโกงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมเพียงบทเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี กับให้จำเลยที่ 1 คืนหรือใช้เงินที่ฉ้อโกงจำนวน 180,000 บาท แก่โจทก์ร่วม ส่วนที่โจทก์ขอนับโทษต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 4 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1467/2563 ของศาลชั้นต้น เมื่อศาลพิพากษายกฟ้องในส่วนของจำเลยที่ 4 ทั้งในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.1467/2563 (ที่ถูก อ.467/2563) ของศาลชั้นต้น ยังไม่มีคำพิพากษา จึงไม่อาจนับโทษต่อได้ ให้ยกคำขอในส่วนนี้ ข้อหาอื่นสำหรับจำเลยที่ 1 นอกจากนี้ให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4

จำเลยที่ 1 อุทธรณ์

โจทก์อุทธรณ์ โดยอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีศาลสูงภาค 8 ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุด รับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกา

จำเลยที่ 1 ฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติในชั้นนี้ว่า เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2557 จำเลยที่ 1 กู้เงินจากโจทก์ร่วมจำนวน 200,000 บาท โดยจำเลยที่ 1 มอบใบแทนโฉนดที่ดินเลขที่ 102861 เนื้อที่ 1 งาน ซึ่งมีชื่อจำเลยที่ 1 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์แก่โจทก์ร่วมเพื่อเป็นหลักประกันการกู้เงิน จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกัน และจำเลยที่ 4 เป็นพยานในสัญญาค้ำประกัน ต่อมาโจทก์ร่วมแจ้งความร้องทุกข์โดยมอบหนังสือรับรองซึ่งเป็นเอกสารปลอมแก่พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐาน โดยหนังสือรับรองดังกล่าวมีการถ่ายสำเนาเอกสารที่มีตราประทับขององค์การบริหารส่วนตำบลหินแก้วและลายมือชื่อของนายมนัส นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหินแก้ว ผู้เสียหายที่ 1 ประกอบรูปตราครุฑสีแดงและข้อความล้อมรอบว่า องค์การบริหารส่วนตำบลหินแก้ว ซึ่งประทับในช่องลายมือชื่อดังกล่าว ลงในกระดาษที่มีตราครุฑ และกรอกข้อความว่าหนังสือรับรอง ที่ ชพ 77101/239 รับรองว่าจำเลยที่ 1 มีที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิจำนวนเนื้อที่ประมาณ 80 ไร่ ปลูกปาล์มน้ำมันประมาณ 40 ไร่ ปลูกยางพาราประมาณ 40 ไร่ อยู่หมู่ที่ 5 ออกให้ไว้ ณ วันที่ 9 เดือนมีนาคม 2557

มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ฐานใช้เอกสารราชการปลอม และฐานฉ้อโกงหรือไม่ เห็นว่า แม้สัญญากู้เงินระบุว่า เพื่อเป็นหลักฐานการกู้ยืมเงิน จำเลยที่ 1 นำโฉนดที่ดินเลขที่ 102861 มาวางเป็นหลักประกัน โดยไม่ได้ระบุว่าจำเลยที่ 1 นำหนังสือรับรองมามอบให้แก่โจทก์ร่วมก็ตาม แต่โจทก์ร่วมไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 1 มาก่อน ไม่มีเหตุที่จะกลั่นแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลยที่ 1 โดยไม่เป็นความจริง โจทก์ร่วมเบิกความเป็นลำดับตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจนกระทั่งแจ้งความร้องทุกข์ อีกทั้งโจทก์ร่วมยังมอบสำเนาหนังสือรับรองซึ่งเป็นเอกสารปลอมแก่พนักงานสอบสวนเป็นหลักฐานไว้ด้วย โดยจำเลยที่ 3 ให้การในชั้นสอบสวนว่า ขณะจำเลยที่ 1 กู้เงินจำเลยที่ 3 เห็นจำเลยที่ 1 นำเอกสารมาให้แก่โจทก์ร่วม 2 ฉบับ ฉบับหนึ่งคือโฉนดที่ดิน ส่วนอีกฉบับไม่ทราบว่าเป็นอะไร ซึ่งสอดรับกับคำเบิกความของโจทก์ร่วมว่า นอกจากใบแทนโฉนดที่ดินแล้ว จำเลยที่ 1 ยังส่งมอบหนังสือรับรองให้แก่โจทก์ร่วมอีก 1 ฉบับ แม้จำเลยที่ 3 เบิกความอ้างว่าเอกสารอีก 1 ฉบับ นั้น มีภาพถ่ายติดอยู่คล้ายกับสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน แต่สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเป็นเอกสารราชการที่ประชาชนทั่วไปคุ้นเคยและพบเห็นเป็นประจำ แตกต่างจากหนังสือรับรอง ที่เป็นหนังสือรับรองขององค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งประชาชนทั่วไปไม่คุ้นเคยและพบเห็นได้ยาก หากเอกสารดังกล่าวเป็นสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน จำเลยที่ 3 คงให้การต่อพนักงานสอบสวนเช่นนั้นแล้ว คำเบิกความของจำเลยที่ 3 ไม่น่ารับฟัง ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ยังให้การยอมรับว่าเป็นผู้ทำสำเนาหนังสือรับรองขึ้นมาเอง อันสอดรับกับคำเบิกความของโจทก์ร่วมที่ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้นำหนังสือรับรองมามอบแก่โจทก์ร่วม พยานหลักฐานโจทก์และโจทก์ร่วมสอดคล้องต้องกัน มีน้ำหนักมั่นคง แม้โจทก์และโจทก์ร่วมไม่ได้นำนายสมหมาย สามีของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ด้วยในขณะเกิดเหตุมาสืบก็ไม่ทำให้น้ำหนักพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมเสียไป พยานหลักฐานจำเลยที่ 1 ไม่มีน้ำหนักหักล้าง ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าจำเลยที่ 1 นำหนังสือรับรองดังกล่าวไปใช้กู้ยืมเงินจากนางสาวลัดดา โจทก์ร่วมในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ.467/2563 หมายเลขแดงที่ อ.942/2563 ของศาลชั้นต้น โดยคดีดังกล่าวจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพและศาลพิพากษาลงโทษในความผิดฐานปลอมเอกสารไปแล้ว จำเลยที่ 1 จึงไม่ได้นำไปใช้แสดงต่อโจทก์ร่วมในคดีนี้ จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานปลอมเอกสารอีกนั้น เป็นข้อเท็จจริง ที่จำเลยที่ 1 มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมหนังสือรับรองและใช้หรือแสดงหนังสือรับรองปลอมดังกล่าวต่อโจทก์ร่วมโดยยืนยันว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินตามสำเนาหนังสือรับรองดังกล่าวและมอบหนังสือรับรองปลอมดังกล่าวแก่โจทก์ร่วมเพื่อประกอบการกู้เงินจากโจทก์ร่วม ปัญหาว่าหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นเอกสารราชการหรือไม่ เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติสภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ. 2537 มาตรา 66 องค์การบริหารส่วนตำบลมีอำนาจหน้าที่ในการพัฒนาตำบลทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ดังนั้น เมื่อได้ความจากคำเบิกความของนายมนัส นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหินแก้ว ผู้เสียหายที่ 1 ว่า การออกหนังสือรับรองดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาล และเห็นได้ว่าการรับรองการมีที่ดินและการทำประโยชน์ในที่ดินในเขตนั้นมีความเกี่ยวข้องในด้านเศรษฐกิจอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ องค์การบริหารส่วนตำบลทั้งหลายซึ่งเป็นราชการส่วนท้องถิ่นจึงต้องถือปฏิบัติตามที่ผู้เสียหายที่ 1 เบิกความตอบคำถามติงของโจทก์ อีกทั้งการออกหนังสือรับรองขององค์การบริหารส่วนตำบลหินแก้วต้องมีการสำรวจการใช้ประโยชน์ที่ดินและมีผู้ปกครองท้องที่ยืนยัน อันเป็นกิจการที่กระทำโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ การออกหนังสือรับรองจึงเป็นกิจการที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารราชการขององค์การบริหารส่วนตำบลตามมาตรา 60 วรรคหนึ่ง มีอำนาจหน้าที่ หนังสือรับรองดังกล่าวจึงเป็นเอกสารราชการ เมื่อจำเลยที่ 1 ปลอมหนังสือรับรองและใช้หรือแสดงหนังสือรับรองปลอมดังกล่าวแก่โจทก์ร่วมเพื่อประกอบการขอกู้เงินจากโจทก์ร่วม โดยหลอกลวงโจทก์ร่วมว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองปลอมดังกล่าวซึ่งไม่เป็นความจริง ความจริงแล้วจำเลยที่ 1 ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินดังกล่าว เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมหลงเชื่อและให้จำเลยที่ 1 กู้เงินจำนวน 200,000 บาท การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ ฐานใช้เอกสารราชการปลอม และฐานฉ้อโกง ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ต่อไปว่า โจทก์ร่วมเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกงหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มิได้ฟ้องจำเลยที่ 1 กับพวกในข้อหาความผิดต่อพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2475 หากแต่ฟ้องในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งข้อหานี้โจทก์ร่วมเป็นผู้ถูกหลอกลวงโดยมิได้มีส่วนร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 กับพวก อันจะทำให้โจทก์ร่วมไม่เป็นผู้เสียหายโดยนิตินัย โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหาย มีอำนาจร้องทุกข์ การสอบสวนจึงชอบ และโจทก์มีอำนาจฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ประการสุดท้ายว่า สมควรลงโทษจำเลยที่ 1 สถานเบาและรอการลงโทษหรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 ปลอมเอกสารราชการหนังสือรับรองขององค์การบริหารส่วนตำบลหินแก้วซึ่งรับรองว่าจำเลยที่ 1 มีที่ดิน 80 ไร่ และมีการทำประโยชน์ในที่ดิน แล้วนำไปใช้แสดงต่อโจทก์ร่วมเพื่อขอกู้ยืมเงิน นับว่าเป็นการกระทำที่มุ่งหวังแต่ประโยชน์ของตนฝ่ายเดียว ไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย อีกทั้งจำเลยที่ 1 ไม่ได้บรรเทาความเสียหายหรือชดใช้เงินคืนแก่โจทก์ร่วมอันจะพอเห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 สำนึกในการกระทำความผิด ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 กำหนดโทษและไม่รอการลงโทษมานั้นเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดีแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ประการสุดท้ายว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 กระทำความผิดฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอมหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฎีกาโดยคัดลอกข้อความมาจากอุทธรณ์ตั้งแต่ข้อความว่า “โจทก์ไม่เห็นพ้องด้วย เนื่องจากสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ที่โจทก์มีนางภิรมย์ ผู้เสียหายและโจทก์ร่วมเบิกความว่าขณะทำสัญญากู้ยืมเงินไม่มีบุคคลใดพูดโน้มน้าวให้โจทก์ร่วมต้องให้จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินดังที่ศาลชั้นต้นหยิบยกมาเป็นเหตุยกฟ้องก็ตาม แต่การที่จะพิจารณาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ใช้เอกสารราชการปลอมและฉ้อโกงตามฟ้องนั้น ควรต้องพิจารณาข้อเท็จจริงอันเป็นพฤติการณ์แห่งคดีทั้งก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุทั้งหมดประกอบด้วย กล่าวคือ ... ขอประทานศาลอุทธรณ์ภาค 8 ได้โปรดพิจารณาแล้วมีคำพิพากษาแก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้นแล้วมีคำพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ฐานร่วมกันใช้เอกสารราชการปลอมและร่วมกันฉ้อโกงตามฟ้อง...” เห็นได้ว่า ฎีกาของโจทก์เป็นการคัดลอกข้อความมาจากอุทธรณ์ทั้งสิ้น และเป็นการโต้แย้งคำพิพากษาศาลชั้นต้น มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ว่าพิพากษาไม่ชอบอย่างไร หรือไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เพราะเหตุใด ทั้งเหตุผลในการวินิจฉัยของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 แตกต่างกัน ฎีกาของโจทก์ในข้อนี้จึงมิได้คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 216 วรรคหนึ่ง และมาตรา 225 แม้อัยการสูงสุดรับรองให้โจทก์ฎีกาและศาลชั้นต้นรับฎีกาของโจทก์ส่วนนี้มาก็เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 (เดิม), 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 265 (เดิม), 341 (เดิม) จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลอมเอกสารราชการและใช้เอกสารราชการปลอม จึงลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามมาตรา 268 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 265 (เดิม) แต่กระทงเดียวตามมาตรา 268 วรรคสอง และความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมกับฐานฉ้อโกงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่ละบทโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอมเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8

 




เกี่ยวกับคดีอาญา

ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ลักทรัพย์โดยสุจริต, ความผิดลักทรัพย์ vs การเข้าใจผิด, คดีลักทรัพย์ในเครือญาติ,
การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมาตรา 289 (4), โทษประหารชีวิตในคดีอาญา
ป.อ. มาตรา 54 ในการคำนวณการเพิ่มโทษหรือลดโทษที่จะลง
ความผิดฐานร่วมกันเป็นอั้งยี่, การพนันออนไลน์ผิดกฎหมาย, การฟ้องอั้งยี่และซ่องโจร
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร, อำนาจปกครองบิดามารดา
กระทำชำเราผู้เยาว์ในบ้านไม่ถือว่าแยกเด็กจากอำนาจปกครองดูแล
จำเลยไม่มีความผิดฐานพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปี
ผู้ปกครองอนุญาตให้ไปดูโทรทัศน์ที่บ้านของจำเลยเท่านั้น
การกระทำโดยพลาด
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
ขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ-มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
รถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะซุกซ่อนและขนส่งบุหรี่ซิกาแรตในการกระทำความผิด
ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้นั้นสภาพความเป็นลูกหนี้เจ้าหนี้เกิดขึ้นทันที
ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนให้ปฏิบัติหรือละเว้นตามมาตรา 157
การกระทำความผิดระหว่างผู้บุพการีต่อผู้สืบสันดานหรือผู้สืบสันดานต่อผู้บุพการี
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
จำเลยฉ้อโกงหลอกลวงเอาทรัพย์ขณะที่ผู้เสียหายป่วยทางจิต
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาใดไม่แน่ชัด
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ-ป้องกันเกินกว่าเหตุ
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคายกรณีจึงเป็นการกระทำโดยบันดาลโทสะ
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
เป็นเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์และใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตาม ป.อาญา มาตรา 188
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
การพรากเด็กไม่ว่าเด็กจะออกจากบ้านเองก็ย่อมเป็นความผิดทั้งสิ้น
พิพากษาจำคุกจำเลยศาลฎีกายกฟ้องเพราะคำฟ้องไม่ได้ลงชื่อ
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การสมรสในต่างประเทศระหว่างหญิงไทยกับหญิงไทย
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
การสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายอิสลามจำเลยไม่ต้องรับโทษ
กระทำโดยประมาทไม่อาจอ้างเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย
ไม่ใช่ผู้เสียหายโดยนิตินัยไม่มีอำนาจสอบสวนไม่มีอำนาจฟ้อง
ให้กู้ยืมเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราถูกจำคุก 48 เดือน
ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ก่อนคดีถึงที่สุดคดีอาญาระงับ
บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง
การชวนเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าไปในห้องนอนไม่ผิดพรากผู้เยาว์
กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีจำคุก 50 ปี
การนับอายุความคดีความผิดอันยอมความได้
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากในฟ้อง
ปลัดกระทรวงไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัด
จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การสนทนาผ่านเมสเซนเจอร์ไม่เป็นการกล่าวไขข่าวให้แพร่หลาย
ภยันตรายจากการประทุษร้ายที่จะใช้อ้างเพื่อการป้องกันสิทธิ
ฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน
กระทำชำเราเด็กและพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีจำคุก 48 ปี
"อนาจาร" มีความหมายว่า การกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ
พาเด็กหญิงจากที่เปิดเผยเข้าไปในจุดลับตาผู้คน
จำเลยเป็นบุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจให้กู้ยืมเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต
ขายทองเงินผ่อนอำพรางการให้กู้ยืมเงินดอกเบี้ย318%ต่อปี
ศาลฎีกาพิพากษาให้รอการกำหนดโทษจำเลยรอการชำระเงิน
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแต่จำเลยหลบหนีขาดอายุความอย่างไร
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร,เต็มใจไปด้วย
ขู่เข็ญให้จ่ายเงิน มิฉะนั้นเปิดเผยความลับวีดีโอ-ความสัมพันธ์ทางเพศ รีดเอาทรัพย์
ความผิดตามมาตรา 149 บทเฉพาะและมาตรา 157 บททั่วไป
ลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมเอกสารสิทธิ การกระทำกรรมเดียว
ศาลยุติธรรมย่อมไม่มีอำนาจเหนือศาลทหาร
พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้ปกครอง
งดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือเล็งเห็นผลว่าอาจถึงแก่ความตายเป็นพยายามฆ่า
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา