

บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง บุตรติดมารดาไม่อยู่ในความปกครองของบิดาเลี้ยง ขณะเกิดเหตุ เด็กหญิงม. ผู้เสียหายมีอายุประมาณ11 ปี 9 เดือน เป็นบุตรนายมนตรี กับนางปรี ต่อมานายมนตรีกับนางปรี จดทะเบียนหย่ากันแล้วนางปรี อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลย ผู้เสียหายจึงอยู่ในความดูแลของจำเลยกับนางปรี จำเลยบิดาเลี้ยงข่มขืนกระทำชำเรา เชื่อได้ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตามฟ้อง โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษหนักขึ้นนั้น เห็นว่าจำเลยมิใช่บิดาเด็กหญิงม. เด็กหญิงม. เป็นบุตรติดนางปรี มาแล้วนางปรี อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลย ฉะนั้น อำนาจปกครองเด็กหญิงม. จึงตกอยู่แก่นางปรี มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1568 หาใช่อยู่ในความปกครองของจำเลยซึ่งเป็นบิดาเลี้ยงไม่ และคำว่า "ผู้อยู่ในความปกครอง" ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285 ต้องตีความโดยเคร่งครัด ดังนั้นจำเลยจึงหาต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ไม่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7795/2538 จำเลยมิใช่บิดาเด็กหญิงม. โดยเด็กหญิงม. เป็นบุตรติดป. มาแล้วป. อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลยฉะนั้นอำนาจปกครองเด็กหญิงม. จึงตกอยู่แก่ป. มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1568 หาใช่อยู่ในความปกครองของจำเลยซึ่งเป็นบิดาเลี้ยงไม่และคำว่า"ผู้อยู่ในความปกครอง"ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285 หมายถึงความปกครองตามที่กฎหมายบัญญัติไว้มิใช่เป็นความปกครองโดยพฤตินัยจำเลยกระทำชำเราเด็กหญิงม.จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา285 โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงม. ผู้เสียหายอายุ 11 ปีเศษ ซึ่งมิใช่ภริยาของจำเลยและเป็นผู้อยู่ในความปกครองของจำเลยโดยผู้เสียหายไม่ยินยอม จำเลยได้ใช้กำลังประทุษร้ายกอดปล้ำและกดทับร่างผู้เสียหายจนผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วจำเลยได้ข่มขืนผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 277, 285 จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 285 ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 9 ปี 4 เดือน จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าขณะเกิดเหตุ เด็กหญิงม. ผู้เสียหายมีอายุประมาณ11 ปี 9 เดือน ตามสูติบัตรเอกสารหมาย จ.3 ผู้เสียหายเป็นบุตรนายมนตรี กับนางปรี ต่อมานายมนตรีกับนางปรี จดทะเบียนหย่ากันตามเอกสารหมาย จ.5 แล้วนางปรี อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลย ผู้เสียหายจึงอยู่ในความดูแลของจำเลยกับนางปรี เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2536 ผู้เสียหายไปแจ้งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลบางยี่ขันว่าถูกจำเลยบิดาเลี้ยงข่มขืนกระทำชำเรา เชื่อได้ว่าจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายตามฟ้อง ที่จำเลยนำสืบต่อสู้ว่าผู้เสียหายไม่ได้ตั้งครรภ์นั้น นายแพทย์บุญเลิศ เตรียมอมรวุฒิ พยานจำเลยก็เบิกความว่ามารดาผู้เสียหายพาผู้เสียหายมาตรวจเพื่อยืนยันว่าผู้เสียหายตั้งครรภ์หรือไม่เท่านั้น ไม่ได้ตรวจว่าผู้เสียหายถูกข่มขืนหรือไม่ ในวันตรวจนั้นยืนยันแต่เพียงว่าผู้เสียหายไม่ได้ตั้งครรภ์ ถ้าหากมีการทำแท้งในขณะที่ครรภ์ยังอายุน้อยจะไม่สามารถตรวจพบการตั้งครรภ์ พยานจำเลยที่นำสืบไม่พอรับฟังหักล้างพยานโจทก์ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แต่ที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ด้วยนั้น เห็นว่า จำเลยมิใช่บิดาเด็กหญิงม. ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1566 วรรคหนึ่งเด็กหญิงม. เป็นบุตรติดนางปรี มาแล้วนางปรี อยู่กินเป็นสามีภริยากับจำเลย ฉะนั้น อำนาจปกครองเด็กหญิงม. จึงตกอยู่แก่นางปรี มารดาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1568 หาใช่อยู่ในความปกครองของจำเลยซึ่งเป็นบิดาเลี้ยงไม่และคำว่า "ผู้อยู่ในความปกครอง" ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 285 ต้องตีความโดยเคร่งครัด ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อมีกฎหมายบัญญัติถึงความเป็นผู้ปกครองไว้แล้ว ฉะนั้น เมื่อมีกฎหมายอื่นกล่าวถึงความเป็นผู้ปกครองก็ย่อมหมายถึงความปกครองตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ หากต้องการให้มีความหมายนอกเหนือไปถึงความปกครองโดยพฤตินัยด้วยแล้วก็ย่อมจะมีระบุไว้เป็นพิเศษ ดังนั้นจำเลยจึงหาต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 285 ไม่ฎีกาโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน" พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 277 วรรคสอง ให้จำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 9 ปี 4 เดือน
|