ReadyPlanet.com
dot
สำนักงานทนายความ
dot
bulletทนายความฟ้องหย่า
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
dot
พระราชบัญญัติ
dot
bulletพระราชบัญญัติ
dot
ประมวลกฎหมาย
dot
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
dot
บทความเฉพาะเรื่อง
dot
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletสัญญายอมความ
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletกรมบังคับคดี
dot
ลิงค์ต่าง ๆ
dot
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletวิชาชีพทนายความ
bulletอำนาจปกครองบุตร




ภยันตรายจากการประทุษร้ายที่จะใช้อ้างเพื่อการป้องกันสิทธิ

ทนายความโทร0859604258

ภาพจากซ้ายไปขวา ทนายความลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ, ทนายความภคพล มหิทธาอภิญญา, ทนายความเอกชัย อาชาโชติธรรม, ทนายความอภิวัฒน์ สุวรรณ

-ปรึกษากฎหมาย ทนายความ (นายลีนนท์ พงษ์ศิริสุวรรณ) โทร.085-9604258

-ติดต่อทางอีเมล  : leenont0859604258@yahoo.co.th

-ปรึกษากฎหมายผ่านทางไลน์ ไอดีไลน์  (5) ID line  :

         (1) @leenont หรือ (2) @leenont1 หรือ (3)  @peesirilaw  หรือ (4) peesirilaw   (5)   leenont 

ภยันตรายจากการประทุษร้ายที่จะใช้อ้างเพื่อการป้องกันสิทธิ

ผู้ตายทำร้ายจำเลยฝ่ายเดียวด้วยการชกต่อยและบีบคอ ถือว่าภยันตรายจากการประทุษร้ายได้เกิดขึ้นแล้ว แต่หลังจากเด็กชาย ช. เข้ามาดึงแยกจำเลยออกจากผู้ตายแล้ว จำเลยก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ส่วนผู้ตายวิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ ถือได้ว่าภยันตรายที่มีต่อจำเลยได้หมดไปแล้ว จำเลยจึงไม่อาจอ้างเพื่อนำอาวุธปืนออกมายิงผู้ตายได้ แต่การกระทำของผู้ตายถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมย่อมก่อให้เกิดโทสะ เป็นความผิดโดยบันดาลโทสะ 

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6936/2562

แม้ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทำร้ายจำเลยฝ่ายเดียว ด้วยการชกต่อยและบีบคอจำเลย อันถือว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้วก็ตาม แต่หลังจากเด็กชาย ช. วิ่งออกจากบ้านเข้ามาดึงแยกจำเลยออกจากผู้ตายแล้ว จำเลยก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ส่วนผู้ตายวิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ ถือได้ว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายดังกล่าวที่มีต่อจำเลยได้หมดไปแล้ว จำเลยจะใช้อ้างเพื่อกระทำการป้องกันสิทธิของตนย่อมหมดไปด้วย แม้ขณะที่จำเลยวิ่งกลับเข้าไปภายในบ้านจะได้ยินผู้ตายตะโกนพูดว่า มึงตายแน่ และเมื่อกลับออกมาก็เห็นผู้ตายยืนเปิดเบาะล้วงเข้าไปหยิบของในกล่องใต้เบาะรถจักรยานยนต์ก็ตาม แต่จำเลยกลับออกมาพร้อมถืออาวุธปืนมาด้วยแล้วใช้อาวุธปืนยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด ทันที โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้กระทำการใดเลย จำเลยจึงไม่อาจอ้างเหตุความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยเข้าใจว่ากล่องใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมีอาวุธปืนอยู่และผู้ตายล้วงลงไปเพื่อนำอาวุธปืนออกมายิงจำเลยได้ แต่การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากการที่ถูกผู้ตายชกต่อยและบีบคอฝ่ายเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมย่อมก่อให้เกิดโทสะแก่จำเลย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ ตาม ป.อ. มาตรา 72

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 288 ริบอาวุธปืนยาวลูกซอง ลูกกระสุนปรายกระสุนปืนลูกซอง เศษหมอนกระสุนปืนลูกซองและปลอกกระสุนปืนลูกซองของกลาง

จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกัน

ระหว่างพิจารณา นางเรียม ภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายชำนาญ ผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต

โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นค่าปลงศพ 100,600 บาท ค่าขาดประโยชน์อันเนื่องมาจากขาดรายได้ 1,100,000 บาท และค่าเสียหายทางด้านจิตใจ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 1,700,600 บาท

จำเลยไม่ยื่นคำให้การในคดีส่วนแพ่ง

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72 จำคุก 9 ปี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 6 ปี ริบอาวุธปืนยาวลูกซอง ลูกกระสุนปรายกระสุนปืนลูกซอง เศษหมอนกระสุนปืนลูกซอง และปลอกกระสุนปืนลูกซองของกลาง ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์ร่วม 270,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

โจทก์ โจทก์ร่วม และจำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า ยกคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดโต้แย้งในชั้นนี้ว่า ในวันและเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง นายชำนาญ ผู้ตาย กับจำเลยนั่งดื่มสุราร่วมกันที่โต๊ะหน้าบ้านของจำเลยที่เกิดเหตุ แล้วผู้ตายกับจำเลยโต้เถียงกัน ผู้ตายชกต่อยที่ใบหน้าและบีบคอจำเลย จำเลยตะโกนร้องขอให้เด็กชายชัชฐภูมิ หลานของจำเลยซึ่งอยู่ในบ้านออกมาช่วยห้ามผู้ตาย เด็กชายชัชฐภูมิจึงวิ่งออกจากบ้านเข้ามาดึงผู้ตายออกจากจำเลย แล้วผู้ตายวิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายซึ่งจอดอยู่หน้าบ้านห่างจากโต๊ะที่จำเลยและผู้ตายนั่งดื่มสุรา 5 ถึง 6 เมตร พูดตะโกนว่า มึงตายแน่ ส่วนจำเลยวิ่งเข้าไปภายในบ้านและหยิบอาวุธปืนยาวลูกซอง ขนาด 12 ออกมายืนบริเวณโต๊ะที่นั่งดื่มสุรา ขณะที่ผู้ตายยืนข้างรถจักรยานยนต์แล้วเปิดเบาะเอามือล้วงเข้าไปในกล่องใต้เบาะรถจักรยานยนต์ จำเลยใช้อาวุธปืนจ้องเล็งและยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด กระสุนปืนถูกบริเวณหน้าอกซ้ายและใต้สะบักขวาของผู้ตาย เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย หลังเกิดเหตุพันตำรวจโทวินัย พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรปางมะค่าเดินทางไปตรวจสถานที่เกิดเหตุและรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย จัดทำบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุคดีอาญา แผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุและถ่ายรูปประกอบคดีไว้ นอกจากนี้พันตำรวจโทวินัยแจ้งให้พิสูจน์หลักฐานจังหวัดกำแพงเพชรไปร่วมตรวจสถานที่เกิดเหตุด้วย วันรุ่งขึ้นจำเลยเข้ามอบตัวต่อพันตำรวจโทวินัยแล้วถูกกล่าวหาเป็นคดีนี้

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกมีว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง หรือเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะ และจำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาศาลล่างทั้งสองหรือไม่ เห็นว่า แม้ก่อนเกิดเหตุผู้ตายทำร้ายจำเลยฝ่ายเดียว ด้วยการชกต่อยและบีบคอจำเลย อันถือว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้เกิดขึ้นแล้วก็ตาม แต่หลังจากเด็กชายชัชฐภูมิวิ่งออกจากบ้านเข้ามาดึงแยกจำเลยออกจากผู้ตายแล้ว จำเลยก็วิ่งเข้าไปในบ้าน ส่วนผู้ตายวิ่งไปที่รถจักรยานยนต์ถือได้ว่าภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายดังกล่าวที่มีต่อจำเลยได้หมดไปแล้ว เช่นนี้เหตุที่จำเลยจะใช้อ้างเพื่อกระทำการป้องกันสิทธิของตนย่อมหมดไปด้วย แม้ขณะที่จำเลยวิ่งกลับเข้าไปภายในบ้านจะได้ยินผู้ตายตะโกนพูดว่า มึงตายแน่ และเมื่อกลับออกมาก็เห็นผู้ตายยืนเปิดเบาะล้วงเข้าไปหยิบของในกล่องใต้เบาะรถจักรยานยนต์ก็ตาม แต่ในการกลับออกมานี้จำเลยกลับออกมาพร้อมถืออาวุธปืนมาด้วยแล้วใช้อาวุธปืนจ้องเล็งยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด ทันที โดยไม่ปรากฏว่าผู้ตายได้กระทำการใดเลย จำเลยจึงไม่อาจอ้างเหตุความสำคัญผิดในข้อเท็จจริงโดยเข้าใจว่ากล่องใต้เบาะรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมีอาวุธปืนอยู่และผู้ตายล้วงลงไปเพื่อนำอาวุธปืนออกมายิงจำเลยได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยอ้างมาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงคดีนี้ไม่อาจนำมาเทียบเคียงกันได้ แต่โดยที่การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่ต่อเนื่องจากการที่ถูกผู้ตายชกต่อยและบีบคอฝ่ายเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการข่มเหงจำเลยด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม ย่อมก่อให้เกิดโทสะแก่จำเลย การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจึงถือได้ว่าเป็นการกระทำความผิดโดยบันดาลโทสะ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72 และการที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ตาย จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาของผู้ตาย ทั้งค่าสินไหมทดแทนที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดมานั้น ก็เหมาะสมแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งละเมิดแล้ว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยข้อนี้ ฟังไม่ขึ้น

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการสุดท้ายมีว่า มีเหตุสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาและรอการลงโทษให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่า แม้ผู้ตายจะเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนก็ตาม แต่ผู้ตายเพียงชกต่อยและบีบคอจำเลยเท่านั้น การที่จำเลยใช้อาวุธปืนซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงยิงผู้ตาย 1 นัด จนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตายนับเป็นเรื่องร้ายแรงและแสดงให้เห็นถึงความไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายของจำเลย แม้จำเลยจะมีอายุมากถึง 70 ปี ประกอบอาชีพทำไร่มันสำปะหลังโดยสุจริต มีส่วนช่วยเหลือสังคม โดยเป็นประธานอาสาสมัครเกี่ยวกับสาธารณสุขของหมู่บ้านส่องตาแล (อ.ส.ม.) มาประมาณ 20 ปี เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 มีวุฒิภาวะต่ำ เป็นผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง หรือไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน รวมทั้งจำเลยโดยนางสาวสุกัญญา บุตรสาวของจำเลยได้ทำบันทึกข้อตกลงเกี่ยวกับค่าสินไหมทดแทนเพื่อบรรเทาความเสียหายให้แก่ผู้ร้องเป็นเงิน 100,000 บาท แต่ผู้ร้องไม่ยอมรับ เพราะผู้ร้องต้องการให้จำเลยชดใช้เงินมากกว่านี้ซึ่งเกินความสามารถและฐานานุรูปของจำเลย ก็ยังไม่เป็นเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษจำคุกให้จำเลย แต่ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดโทษจำเลยก่อนลดโทษให้จำคุก 9 ปีนั้น หนักเกินไปเห็นควรแก้ไขให้เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งคดี ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยบางส่วน ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังขึ้นบางส่วน

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 7 ปี ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามแล้ว คงจำคุก 4 ปี 8 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6 ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

ฎีกาอื่นที่เกี่ยวข้องแยกตามกฎหมายและมาตรา

 ป.อ. ม. 68, ม. 72

แหล่งที่มา

 กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา


เหตุที่ไม่อาจอ้างเป็นเหตุฟ้องหย่าได้ มีอะไรบ้าง

จำเลยในฐานะภริยามีหนังสือร้องเรียนโจทก์ในเรื่องความประพฤติส่วนตัว เป็นสิทธิของจำเลยย่อมกระทำได้ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาว่ากล่าวตักเตือนโจทก์ การที่จำเลยฟ้องเรียกค่าทดแทนจาก หญิงอื่นเป็นกระทำเพื่อรักษาสิทธิในครอบครัวเพื่อไม่ให้หญิงอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับโจทก์ซึ่งเป็นสามีโดยชอบด้วยกฎหมาย พฤติกรรมของโจทก์ก็เป็นฝ่ายไปยกย่องหญิงอื่นเป็นภริยา จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยละทิ้งร้างโจทก์




เกี่ยวกับคดีอาญา

การนับอายุความคดีความผิดอันยอมความได้
ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างจากในฟ้องที่มิใช่ข้อสาระสำคัญ
ปลัดกระทรวงไม่มีอำนาจสั่งย้ายโจทก์ไปดำรงตำแหน่งป่าไม้จังหวัด
จำเลยกระทำความผิดฐานพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่
การสนทนาผ่านเมสเซนเจอร์ไม่เป็นการกล่าวไขข่าวให้แพร่หลาย
ฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ บังคับใช้แรงงาน ข่มขืนใจผู้อื่น หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น
กระทำชำเราเด็กและพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 13 ปีจำคุก 48 ปี
"อนาจาร" มีความหมายว่า การกระทำที่ไม่สมควรทางเพศ
พาเด็กหญิงจากที่เปิดเผยเข้าไปในจุดลับตาผู้คน
หมิ่นประมาทกับดูหมิ่นซึ่งหน้า-ความผิดอาญามีโทษหนักเบาแตกต่างกัน
พรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์เต็มใจไปด้วย
ความผิดอันยอมความได้ | คดีหมิ่นประมาท | ร้องทุกข์ภายในสามเดือน
บันดาลโทสะหรือพยายามฆ่า
มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษแต่จำเลยหลบหนีขาดอายุความอย่างไร
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร,เต็มใจไปด้วย
ขู่เข็ญให้จ่ายเงิน มิฉะนั้นเปิดเผยความลับวีดีโอ-ความสัมพันธ์ทางเพศ รีดเอาทรัพย์
ความผิดตามมาตรา 149 บทเฉพาะและมาตรา 157 บททั่วไป
พนักงานสอบสวนไม่รับแจ้งความเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
งดเว้นไม่ให้ความช่วยเหลือเล็งเห็นผลว่าอาจถึงแก่ความตายเป็นพยายามฆ่า
ลักทรัพย์ในสถานที่บูชาสาธารณะ
ลักทรัพย์นายจ้าง ปลอมเอกสารสิทธิ การกระทำกรรมเดียว
ศาลยุติธรรมย่อมไม่มีอำนาจเหนือศาลทหาร
ล่วงละเมิดอำนาจปกครองของบิดามารดาผู้ปกครอง
พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต
การกระทำโดยพลาด | พยายามฆ่า
ความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
รอการลงโทษ,ให้การรับสารภาพ
เบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล
เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
การกระทำชำเราที่ไม่ต้องรับโทษ
คำร้องทุกข์ | อำนาจพนักงานสอบสวน
ขอคืนของกลางที่ศาลสั่งริบ-มิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
ความผิดฐานบุกรุกเข้าไปโดยไม่มีเหตุอันสมควร
พาไปเพื่อการอนาจาร -บุคคลอายุกว่าสิบห้าปี
ความผิดฐานต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงาน
รอการกำหนดโทษ | รอการลงโทษ | พรบ.ล้างมลทิน
เบิกความอันเป็นเท็จในศาล
ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
บันดาลโทสะเพราะเหตุยั่วยุให้โมโห
หมิ่นประมาท | เข้าใจโดยสุจริต
ความผิดฐานมีอาวุธปืนที่นายทะเบียนจะออกใบอนุญาตให้ไม่ได้
เป็นอันตรายแก่จิตใจ - ใช้ยาสลบใส่กาแฟ
พรากผู้เยาว์เพื่อการอนาจาร | รับส่งเด็กนักเรียน
บันดาลโทสะต้องถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง
หมิ่นประมาท | หนังสือพิมพ์ลงพิมพ์โฆษณา
วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนต้องห้ามฎีกา
บิดาบันดาลโทสะ | ผู้เสียหายด่าจำเลย(บิดา)หยาบคาย
เจตนาประสงค์ต่อผลหรือเล็งเห็นได้ว่าผลนั้นจะเกิดขึ้นในราชอาณาจักร
การริบทรัพย์สิน | ใช้ในการกระทำความผิด
สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป
คำว่า-วิชาชีพ-ในคดีอาญา
หลบหนีไปจากความควบคุมตามอำนาจของพนักงานสอบสวน
พยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจำคุกตลอดชีวิต
สเปรย์พริกไทยไม่เป็นอาวุธโดยสภาพ
กระทำอนาจารต่อศิษย์นอกเวลาเรียน
ที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ยังคงเป็นป่าตาม พ.ร.บ. ป่าไม้
ลงลายมือชื่อรับรองคนต่างด้าว 7 คน
ผู้สนับสนุนให้จำเลยกระทำความผิด
ทวงหนี้ลักษณะข่มขู่ว่าไม่จ่ายจะเดือดร้อนจำคุก 3 ปี
การทำนากุ้งไม่ใช่การประกอบอาชีพกสิกรรม
ลักทรัพย์นายจ้าง, ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย
การจับกุมมิชอบกับการฟ้องคดีอาญา
รวบรวมฎีกาเรื่องเบิกความเท็จ
คำขอในส่วนแพ่งเนื่องความผิดอาญา
แม้ผู้ตายยิงจำเลยก่อนอ้างเหตุป้องกันตัวไม่ได้
ทำร้ายร่างกายกับการป้องกันตัว
พรากเด็กต่ำ15 ปี ไปเพื่อการอนาจารจำคุก 5 ปี
ซื้อเสียงเลือกตั้งไม่รอลงอาญา
ทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดอันพึงริบ
การเอาทรัพย์ที่ผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยไปโดยทุจริตเป็นความผิดฐานลักทรัพย์
กระทำชำเราต่างวันต่างเวลาและต่างสถานที่ผิดหลายกรรม