การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน, ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมาตรา 289 (4), โทษประหารชีวิตในคดีอาญา
ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์ การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) • คำพิพากษาศาลฎีกา 481/2567 • ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน • ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) • การพิจารณาคดีอาญา • คดีฆาตกรรมและพยายามฆ่า • การร่วมกันกระทำความผิด มาตรา 83 • โทษประหารชีวิตในคดีอาญา สรุปย่อ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2567 ได้ดังนี้ จำเลยและพวกร่วมกันยิงผู้เสียหายที่ 1 และพยายามฆ่า แต่เหตุการณ์ตอนที่นำผู้เสียหายไปยังคลองชลประทาน 2 ขวา และยิงจนถึงแก่ความตายนั้นถือเป็นการกระทำโดยมีการไตร่ตรอง เนื่องจากมีช่วงเวลาให้คิดทบทวนก่อนกระทำ ศาลชั้นต้นพิพากษาจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) และให้ประหารชีวิต ส่วนคำขอให้เพิ่มโทษจำคุกจากคดีเก่า ศาลไม่เห็นพ้องเพราะโทษประหารไม่สามารถนับต่อโทษจำคุกได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 แก้โทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต โจทก์ฎีกาขอให้กลับคำพิพากษา ศาลฎีกาพิจารณาว่าการฆ่าผู้เสียหายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนมีน้ำหนัก จึงพิพากษาให้บังคับตามคำตัดสินศาลชั้นต้น เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจบทความได้ดียิ่งขึ้น ผมจะอธิบายหลักกฎหมายที่เกี่ยวข้อง: ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรานี้กล่าวถึง ความผิดร่วม โดยระบุว่า หากบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปกระทำความผิดร่วมกัน จะต้องรับโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดหลัก ทั้งนี้ผู้ร่วมกระทำผิดต้องมีการวางแผนหรือกระทำร่วมกันอย่างรู้เห็นเป็นใจ ไม่ว่าจะในฐานะผู้สนับสนุนหรือผู้ช่วยเหลือ การใช้มาตรานี้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาการกระทำของกลุ่มบุคคลที่ร่วมกันก่ออาชญากรรม เช่นกรณีในคำพิพากษาที่กล่าวถึง จำเลยและพวกร่วมกันกระทำผิดและมีส่วนร่วมในความผิดนั้น ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) มาตรานี้เป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับ การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยระบุว่าผู้ใดฆ่าผู้อื่นด้วยเจตนาและการไตร่ตรองไว้ก่อนจะต้องรับโทษสูงสุด คือโทษประหารชีวิต คำว่า "ไตร่ตรองไว้ก่อน" หมายถึงการที่ผู้กระทำได้คิดและตัดสินใจก่อนลงมือกระทำผิดอย่างรอบคอบ ไม่ใช่การกระทำจากความโกรธหรืออารมณ์ชั่ววูบ มาตรานี้เน้นย้ำเจตนาและความพร้อมก่อนการกระทำ ซึ่งแสดงถึงความร้ายแรงของอาชญากรรม ในการพิจารณาคดีในบทความนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่จำเลยและพวกนำผู้เสียหายไปยังสถานที่ห่างไกลและกระทำการฆ่า แสดงให้เห็นว่ามีโอกาสไตร่ตรองก่อนกระทำ จึงถือเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ตามมาตรา 289 (4)
การอธิบายนี้ช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมและเข้าใจว่าศาลใช้หลักกฎหมายใดในการวินิจฉัยคดีและเหตุใดการกระทำของจำเลยจึงถูกพิจารณาว่าเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน. การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ผ่านพ้นไปแล้ว ต่อมาจำเลยขับรถกระบะพาผู้เสียหายที่ 1 ออกจากบ้านไปยังคลองชลประทาน จำเลยย่อมมีโอกาสคิดไตร่ตรองทบทวนและตัดสินใจอยู่เป็นเวลานานว่าจะยิงผู้เสียหายที่ 1 ให้ถึงแก่ความตาย การกระทำของจำเลยเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งต้องลงโทษประหารชีวิตจำเลยเพียงสถานเดียวแล้วจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ที่ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอื่นอันสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตอีก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 481/2567 เหตุการณ์ตอนแรกที่จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การที่จำเลยกับพวกร่วมกันขับรถกระบะพาผู้เสียหายที่ 1 ออกจากบ้านที่เกิดเหตุไปยังคลองชลประทาน 2 ขวา ซึ่งอยู่คนละจังหวัด จำเลยกับพวกย่อมมีโอกาสคิดไตร่ตรองทบทวนและตัดสินใจอยู่เป็นเวลานานว่าจะยิงผู้เสียหายที่ 1 ให้ถึงแก่ความตายหรือไม่ การที่จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 1 จนถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ให้ถึงแก่ความตายอันเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อน ตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 83, 91, 288, 289 และนับโทษจำคุกคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1797/2562 ของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ ระหว่างพิจารณา นายจำลอง น้องชายของนายจำรัส ผู้ตาย ยื่นคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อชีวิต 1,200,000 บาท และค่าปลงศพ 50,000 บาท จำเลยให้การในคดีส่วนแพ่งขอให้ยกคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 83 ให้ประหารชีวิต ส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษจำคุกของจำเลยต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1797/2562 ของศาลจังหวัดบุรีรัมย์นั้น เนื่องจากคดีนี้ศาลลงโทษประหารชีวิตจำเลย กรณีไม่อาจนับโทษต่อได้ จึงให้ยกคำขอในส่วนนี้ และยกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน กับยกคำร้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ค่าฤชาธรรมเนียมในคดีส่วนแพ่งให้เป็นพับ จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 83 จำคุกตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา ขณะที่จำเลยกำลังเล่นตะกร้ออยู่หน้าบ้านนางเล็ก มารดาจำเลย นายจำรัส ผู้เสียหายที่ 1 และนายสุทัศน์ ผู้เสียหายที่ 2 ไปหาจำเลยที่บ้านที่เกิดเหตุ เมื่อจำเลยเห็นผู้เสียหายทั้งสองจึงเข้าไปในบ้านที่เกิดเหตุแล้วออกจากบ้านที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธปืน จากนั้นจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 1 หลายนัด กระสุนปืนถูกบริเวณลำตัวผู้เสียหายที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ได้รับอันตรายแก่กายและหมดสติไป เมื่อผู้เสียหายที่ 1 ฟื้นได้สติและร้องขอน้ำดื่ม พวกของจำเลยเข้าไปรุมกระทืบ เตะ และต่อยผู้เสียหายที่ 1 จนหมดสติ ต่อมาจำเลยกับพวกช่วยกันใช้เชือกมัดมือมัดเท้าของผู้เสียหายที่ 1 แล้วนำขึ้นท้ายรถกระบะขับออกจากบ้านที่เกิดเหตุพาผู้เสียหายที่ 1 ไปยังคลองชลประทาน 2 ขวา แล้วจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงศีรษะผู้เสียหายที่ 1 เป็นเหตุให้ผู้เสียหายที่ 1 ถึงแก่ความตาย ต่อมาวันที่ 4 มีนาคม 2548 มีผู้พบศพผู้เสียหายที่ 1 อยู่ในคลองชลประทาน 2 ขวา การกระทำความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 และฐานร่วมกันฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ยุติไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ส่วนความผิดฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2 และฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 2 โดยไตร่ตรองไว้ก่อน กับคดีส่วนแพ่งยุติไปตามคำพิพากษาชั้นต้น ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์มีว่า การกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้เสียหายที่ 1 เป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ เห็นว่า แม้การกระทำความผิดของจำเลยฐานร่วมกันพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 และฐานร่วมกันฆ่าผู้เสียหายที่ 1 เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันไม่ขาดตอนและทางนำสืบของโจทก์ไม่ได้ความว่ามีการวางแผนล่วงหน้าที่จะฆ่าผู้เสียหายที่ 1 มาก่อนดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัย แต่เหตุการณ์ตอนแรกที่จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว เช่นนี้ เหตุการณ์ตอนหลังที่จำเลยกับพวกร่วมกันขับรถกระบะพาผู้เสียหายที่ 1 ออกจากบ้านที่เกิดเหตุไปยังคลองชลประทาน 2 ขวา ซึ่งอยู่คนละจังหวัดกัน แล้วร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 1 จนถึงแก่ความตาย จึงหาใช่จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำในขณะที่เกิดโทสะพลุ่งขึ้นเฉพาะหน้าจากเหตุการณ์ตอนแรกในทันทีทันใดไม่ ทั้งในช่วงเวลาที่จำเลยกับพวกเดินทางไปยังคลองชลประทาน 2 ขวา เชื่อว่าจำเลยกับพวกมีโอกาสคิดไตร่ตรองทบทวนและตัดสินใจอยู่เป็นเวลานานว่าจะยิงผู้เสียหายที่ 1 ให้ถึงแก่ความตายหรือไม่ การที่จำเลยกับพวกร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหายที่ 1 จนถึงแก่ความตาย จึงเป็นการกระทำโดยมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายที่ 1 ให้ถึงแก่ความตายอันเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนและให้การกระทำของจำเลยกับพวกบรรลุผลตามที่จำเลยกับพวกมีเจตนาเอาตัวผู้เสียหายที่ 1 ไปฆ่าที่คลองชลประทาน 2 ขวา การกระทำของจำเลยกับพวกจึงมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยกับพวกถือไม่ได้ว่าเป็นการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น เมื่อวินิจฉัยว่าจำเลยมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งต้องลงโทษประหารชีวิตจำเลยเพียงสถานเดียวแล้ว กรณีจึงไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาโจทก์ที่ขอให้นับโทษจำคุกจำเลยคดีนี้ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.1797/2562 ของศาลจังหวัดบุรีรัมย์อันสืบเนื่องมาจากศาลอุทธรณ์ภาค 1 ลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตอีก พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีอาญาสำหรับจำเลยไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1
บทความเรื่อง: ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีความหมายอย่างไร และมีโทษทางกฎหมายอย่างไร การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน เป็นหนึ่งในข้อหาที่ร้ายแรงที่สุดในกฎหมายอาญา การเข้าใจความหมายและโทษทางกฎหมายของการกระทำดังกล่าวจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในบทความนี้เราจะพิจารณาความหมายของการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งอธิบายหลักกฎหมายเพื่อให้เข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น ความหมายของการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หมายถึง การกระทำที่ผู้กระทำได้วางแผนหรือตัดสินใจอย่างรอบคอบแล้วก่อนที่จะกระทำการฆ่า การมีเจตนาและการเตรียมการล่วงหน้าเป็นลักษณะสำคัญที่ทำให้แตกต่างจากการฆ่าด้วยอารมณ์ชั่ววูบหรือการกระทำโดยบังเอิญ กฎหมายที่เกี่ยวข้องและการอธิบาย 1. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) มาตรานี้กำหนดว่า “ผู้ใดฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ต้องระวางโทษประหารชีวิต” การไตร่ตรองไว้ก่อนในที่นี้หมายถึงการที่ผู้กระทำได้คิดและตัดสินใจล่วงหน้าด้วยความเยือกเย็นว่าจะลงมือฆ่าผู้เสียหาย มีการเตรียมการในแง่ต่าง ๆ เช่น วิธีการ สถานที่ และเวลา จึงถือเป็นการกระทำที่มีความเจตนาและความตั้งใจอย่างชัดเจน 2. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรานี้กล่าวถึงการร่วมกระทำความผิด หากมีบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไปร่วมกันกระทำความผิด ต้องรับโทษเสมือนกับเป็นผู้กระทำความผิดหลัก การใช้มาตรานี้เป็นการขยายความรับผิดชอบให้กับผู้ที่มีส่วนร่วมในแผนหรือการกระทำที่ส่งผลให้เกิดการฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นผู้วางแผนหรือผู้ช่วยเหลือในลักษณะอื่น 3. ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 มาตรานี้กล่าวถึงความผิดฐานพยายามกระทำความผิด โดยกำหนดว่าการพยายามกระทำความผิดใด ๆ จะได้รับโทษตามกฎหมายที่ลดหลั่นจากโทษสำหรับการกระทำสำเร็จ การอ้างถึงมาตรานี้มีความสำคัญในกรณีที่ผู้กระทำพยายามฆ่า แต่ไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงแก่ความตาย โทษทางกฎหมาย โทษที่กำหนดใน มาตรา 289 (4) สำหรับการฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คือ โทษประหารชีวิต ซึ่งเป็นโทษสูงสุดในกฎหมายไทย การกำหนดโทษนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร้ายแรงของการกระทำที่มีเจตนาล่วงหน้าและไตร่ตรองไว้อย่างรอบคอบ ซึ่งถือว่าเป็นอาชญากรรมที่มีความรุนแรงมากที่สุดในกฎหมายอาญา การตีความและการนำกฎหมายไปใช้ ศาลจะพิจารณาองค์ประกอบของการกระทำ เช่น ระยะเวลาในการไตร่ตรอง การวางแผนและการเตรียมการก่อนลงมือ รวมถึงความเยือกเย็นในการตัดสินใจ เพื่อที่จะพิจารณาว่าการกระทำนั้นเข้าข่าย "ไตร่ตรองไว้ก่อน" หรือไม่ การพิจารณาว่าผู้กระทำมีโอกาสทบทวนการกระทำก่อนการฆ่าหรือไม่เป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินโทษ สรุป การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนถือเป็นการกระทำที่มีความร้ายแรง เนื่องจากผู้กระทำได้วางแผนและตัดสินใจอย่างมีสติและความเยือกเย็น โทษของการกระทำนี้ตามกฎหมายไทยคือประหารชีวิต โดยมีมาตรา 289 (4) เป็นหลักสำคัญที่ใช้ในการวินิจฉัยและลงโทษ การทำความเข้าใจบทบัญญัติทางกฎหมายเหล่านี้จะช่วยให้ผู้อ่านตระหนักถึงความร้ายแรงของการกระทำและการลงโทษตามกฎหมายที่เหมาะสมตามหลักความยุติธรรม.
|