ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




คำสั่งอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาไม่ใช่การบังคับคดีตามคำพิพากษา กรณีไม่ต้องห้ามมิให้ยึดซ้ำ

คำสั่งอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาไม่ใช่การบังคับคดีตามคำพิพากษา

ข้อ 6. นายรวย ฟ้องนายจน ให้ชำระหนี้เงินกู้จำนวน 500,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย นายจน ให้การต่อสู้คดี ระหว่างพิจารณา นายรวยยื่นคำร้องขอให้ยึดที่ดินของนายจน 1 แปลง ราคา 300,000 บาท ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งยึดที่ดินแปลงดังกล่าวของนายจน ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาตามขอ ต่อมาศาลพิพากษาให้นายรวย ชนะคดีโดยให้นายจน ชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยแก่นายรวย ตามฟ้อง หลังจากนั้นยังไม่ทันที่นายรวยจะขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี นายสิน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายจน อีกคดีหนึ่งได้ขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของนายจน แปลงที่นายรวย ได้ยึดไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาดังกล่าวเพื่อบังคับคดีตามคำพิพากษา เจ้าพนักงานบังคับคดี จึงยึดที่ดินแปลงดังกล่าว นายรวย ยื่นคำร้องคัดค้านว่าเป็นการยึดซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 290 ววรรคหนึ่ง ขอให้เพิกถอนการยึดที่เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีของนายสิน ได้ยึดไว้

ให้วินิจฉัยว่า ข้อคัดค้านของนายรวย ฟังขึ้นหรือไม่

ธงคำตอบ

กรณียึดที่ดินไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 (1) เป็นวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา มิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ดำเนินการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา จึงไม่ต้องห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตามมาตรา 290 วรรคหนึ่ง ดังนั้น การที่ศาลมีคำสั่งให้ยึดที่ดินของนายจน ไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษาในคดีของนายรวย แม้ต่อมาศาลพิพากษาให้นายรวย ชนะคดีซึ่งคำสั่งยึดที่ดินไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษานั้นยังคงมีผลบังคับต่อไปเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 260 (2) ก็ตาม คำสั่งยึดที่ดินไว้ชั่วคราวนั้น ก็ยังเป็นวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ไม่ใช่การบังคับคดีตามคำพิพากษา เมื่อนายรวย ยังมิได้ขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อดำเนินกระบวนพิจารณาบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา ก็ถือไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้บังคับคดีโดยยึดที่ดินของนายจน ลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนนายรวย เจ้าหนี้ตามคำพิพากษา นายสิน ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายจน ลูกหนี้ตามคำพิพากษาในอีกคดีหนึ่ง จึงยึดที่ดินของนายจน ที่นายรวย ได้ยึดไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษานั้นได้ กรณีไม่ต้องห้ามมิให้ยึดซ้ำตามมาตรา 290 วรรคหนึ่ง ข้อคัดค้านของนายรวย ฟังไม่ขึ้น (คำพิพากษาฎีกาที่ 9270/2547)

กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง 

มาตรา 254 ในคดีอื่นๆ นอกจากคดีมโนสาเร่ โจทก์ชอบที่จะยื่นต่อศาลพร้อมกับคำฟ้องหรือในเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษา ซึ่งคำขอฝ่ายเดียว ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งภายในบังคับแห่งเงื่อนไขซึ่งจะกล่าวต่อไป เพื่อจัดให้มีวิธีคุ้มครองใด ๆ ดังต่อไปนี้

(1) ให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินที่พิพาทหรือทรัพย์สินของจำเลยทั้งหมดหรือบางส่วนไว้ก่อนพิพากษา รวมทั้งจำนวนเงินหรือทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งถึงกำหนดชำระแก่จำเลย

(2) ให้ศาลมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยกระทำซ้ำหรือกระทำต่อไป ซึ่งการละเมิดหรือการผิดสัญญาหรือการกระทำที่ถูกฟ้องร้อง หรือมีคำสั่งอื่นใดในอันที่จะบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายที่โจทก์อาจได้รับต่อไปเนื่องจากการกระทำของจำเลยหรือมีคำสั่งห้ามชั่วคราวมิให้จำเลยโอน ขาย ยักย้ายหรือจำหน่ายซึ่งทรัพย์สินที่พิพาทหรือทรัพย์สินของจำเลย หรือมีคำสั่งให้หยุดหรือป้องกันการเปลืองไปเปล่าหรือการบุบสลายซึ่งทรัพย์สินดังกล่าว ทั้งนี้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

(3) ให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียน พนักงานเจ้าหน้าที่ หรือบุคคลอื่นผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ระงับการจดทะเบียน การแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน หรือการเพิกถอนการจดทะเบียนที่เกี่ยวกับทรัพย์สินที่พิพาทหรือทรัพย์สินของจำเลยหรือที่เกี่ยวกับการกระทำที่ถูกฟ้องร้องไว้ชั่วคราวจนกว่าคดีจะถึงที่สุดหรือศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

(4) ให้จับกุมและกักขังจำเลยไว้ชั่วคราว

ในระหว่างระยะเวลานับแต่ศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์ได้อ่านคำพิพากษา หรือคำสั่งชี้ขาดคดีหรือชี้ขาดอุทธรณ์ไปจนถึงเวลาที่ศาลชั้นต้นได้ส่งสำนวนความที่อุทธรณ์หรือฎีกาไปยังศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกา แล้วแต่กรณี คำขอตามมาตรานี้ให้ยื่นต่อศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นมีอำนาจที่จะสั่งอนุญาตหรือยกคำขอเช่นว่านี้

มาตรา 290 เมื่อเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินอย่างใดของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว ห้ามไม่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาอื่นยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้นซ้ำอีก แต่ให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาเช่นว่านี้มีอำนาจยื่นคำขอโดยทำเป็นคำร้องต่อศาลที่ออกหมายบังคับให้ยึดหรืออายัดทรัพย์สินนั้น เพื่อให้ศาลมีคำสั่งให้ตนเข้าเฉลี่ยในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินนั้นได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ไม่ว่าในกรณีใด ๆ ห้ามมิให้ศาลอนุญาตตามคำขอเช่นว่ามานี้ เว้นแต่ศาลเห็นว่าผู้ยื่นคำขอไม่สามารถเอาชำระได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของลูกหนี้ตามคำพิพากษา

เจ้าพนักงานผู้มีอำนาจตามกฎหมายว่าด้วยภาษีอากรในอันที่จะสั่งยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาเพื่อชำระค่าภาษีอากรค้างให้มีสิทธิขอเฉลี่ยในทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานดังกล่าวได้ยึดหรืออายัดไว้ก่อนแล้วเช่นเดียวกับเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามความในวรรคหนึ่ง แต่ถ้าเจ้าพนักงานมิได้ยึดหรืออายัดไว้ก่อน ให้ขอเฉลี่ยได้ภายในบังคับบทบัญญัติวรรคสอง

ในกรณีที่ยึดทรัพย์สินเพื่อขายทอดตลาดหรือจำหน่ายโดยวิธีอื่น คำขอเช่นว่านี้ให้ยื่นก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันที่มีการขายทอดตลาดหรือจำหน่ายทรัพย์สินที่ขายทอดตลาด หรือจำหน่ายได้ในครั้งนั้น ๆ

ในกรณีที่อายัดทรัพย์สิน ให้ยื่นคำขอเสียก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันชำระเงินหรือส่งทรัพย์สินตามที่อายัดไว้

ในกรณียึดเงิน ให้ยื่นคำขอเสียก่อนสิ้นระยะเวลาสิบสี่วันนับแต่วันยึด

เมื่อได้ส่งสำเนาคำขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการจ่ายเงินหรือทรัพย์สินตามคำบังคับไว้จนกว่าศาลจะได้มีคำวินิจฉัยชี้ขาด เมื่อศาลได้มีคำสั่งประการใดและส่งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบแล้ว ก็ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิบัติไปตามคำสั่งเช่นว่านั้น

ในกรณีที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้ยึดสละสิทธิในการบังคับคดี หรือเพิกเฉยไม่ดำเนินการบังคับคดีภายในเวลาที่เจ้าพนักงานบังคับคดีกำหนดผู้ขอเฉลี่ยหรือผู้ยื่นคำร้องตามมาตรา 287 หรือตามมาตรา 289 มีสิทธิขอให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไป

คำสั่งอนุญาตของศาลตามวรรคแปดให้เป็นที่สุด

มาตรา 260 ในกรณีที่คำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดีมิได้กล่าวถึงวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา

(1) ถ้าคดีนั้นศาลตัดสินให้จำเลยเป็นฝ่ายชนะคดีเต็มตามข้อหาหรือบางส่วนคำสั่งของศาลเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวในส่วนที่จำเลยชนะคดีนั้น ให้ถือว่าเป็นอันยกเลิกเมื่อพ้นกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่ง เว้นแต่โจทก์จะได้ยื่นคำขอฝ่ายเดียวต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนดเวลาดังกล่าว แสดงว่าตนประสงค์จะยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นและมีเหตุอันสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวเช่นว่านั้นยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปในกรณีเช่นว่านี้ ถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอของโจทก์ คำสั่งของศาลให้เป็นที่สุด ถ้าศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้วิธีการชั่วคราวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไป คำสั่งของศาลชั้นต้นให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าจะครบกำหนดยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาหรือศาลมีคำสั่งถึงที่สุดไม่รับอุทธรณ์หรือฎีกาแล้วแต่กรณี เมื่อมีการอุทธรณ์หรือฎีกาแล้ว คำสั่งของศาลชั้นต้นให้มีผลใช้บังคับต่อไปจนกว่าศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น

(2) ถ้าคดีนั้นศาลตัดสินให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี คำสั่งของศาลเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวยังคงมีผลใช้บังคับต่อไปเท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9270/2547 

การปฏิบัติตามคำสั่งอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาของศาลชั้นต้นตาม ป.วิ.พ. มาตรา 254 (1) มิใช่กรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคหนึ่ง แม้หลังจากศาลชั้นต้นตัดสินให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี คำสั่งอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาของศาลชั้นต้นยังคงมีผลบังคับต่อไปเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง ตามมาตรา 260 (2) ก็ตาม แต่ก็เป็นวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ไม่ใช่การบังคับคดีตามคำพิพากษา เมื่อโจทก์มิได้ขอออกหมายบังคับคดีอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษา จึงถือไม่ได้ว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว กรณีจึงไม่ต้องห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตาม มาตรา 290 วรรคหนึ่ง 

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามสัญญากู้ยืมและยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นให้มีคำสั่งอายัดเงินบำเหน็จบำนาญที่จำเลยมีสิทธิได้รับจากการสื่อสารแห่งประเทศไทยไว้เป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้อายัดเงินบำเหน็จบำนาญของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนพิพากษา ต่อมา วันที่ 9 ธันวาคม 2540 การสื่อสารแห่งประเทศไทยส่งเงินบำเหน็จของจำเลยจำนวน 449,286.29 บาท มายังศาลชั้นต้น วันที่ 29 มกราคม 2542 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 480,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2537 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ วันที่ 7 พฤษภาคม 2542 เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 5913/2541 ของศาลแพ่งธนบุรี มีหนังสือถึงศาลชั้นต้นขอให้อายัดเงินบำเหน็จของจำเลย จำนวน 139,629.52 บาท เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่สหกรณ์ออมทรัพย์การสื่อสารแห่งประเทศไทย เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว วันที่ 22 มิถุนายน 2543 ศาลชั้นต้นส่งเงินจำนวน 139,629.52 บาท ให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีในคดีดังกล่าว

โจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคืนเงินที่จ่ายไปดังกล่าวเพราะถือว่าเป็นการยึดซ้ำซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 290

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ไม่ปรากฏว่าจำเลยแก้อุทธรณ์หรือไม่ จึงไม่กำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ให้

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่การสื่อสารแห่งประเทศไทยส่งเงินบำเหน็จของจำเลยมายังศาลชั้นต้นเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามบทบัญญัติแห่ง ป.วิ.พ. มาตรา 254 (1) มิใช่เป็นกรณีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคหนึ่ง แม้ขณะที่เจ้าพนักงานบังคับคดีของเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นขอให้ศาลชั้นต้นส่งเงินบำเหน็จของจำเลยเพื่อชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีอื่นภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นตัดสินให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีและคำสั่งอายัดชั่วคราวก่อนพิพากษาของศาลชั้นต้นยังคงมีผลบังคับต่อไปเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามมาตรา 260 (2) ก็ตาม แต่คำสั่งอายัดชั่วคราวก็เป็นวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ไม่ใช่การบังคับคดีตามคำพิพากษา เมื่อขณะนั้นโจทก์ยังมิได้ขอออกหมายบังคับคดีอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาเพื่อให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล จึงยังถือไม่ได้ว่าคดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ทำการบังคับคดีโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาแล้ว กรณีจึงไม่ต้องห้ามมิให้ยึดหรืออายัดซ้ำตาม ป.วิ.พ. มาตรา 290 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของโจทก์และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนมานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

 




การสอบเนติบัณฑิต ภาคสอง สมัยที่ 60 (วิชาวิธีพิจารณาความแพ่ง)

คำฟ้องหรือคำร้องขอที่เสนอเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดี
การฟ้องซ้ำกับ การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
ขอแก้ไขคำฟ้องหรือคำให้การ จะต้องยื่นคำร้องต่อศาลก่อนวันชี้สองสถาน
โจทก์ขาดนัดพิจารณาโจทก์จึงไม่มีพยานมาสืบในประเด็นข้อพิพาทจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดี
เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้โดยไม่ต้องขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการ
ทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์
อำนาจของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในการต่อสู้คดีใดๆ เกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้
องค์คณะผู้พิพากษาตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม
การบังคับคดีล่วงเลยเวลา 10 ปี