ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ความผิดฐานฆ่าโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ความผิดฐานฆ่าโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ข้อ 3. นายชมและนายชิตวางแผนกันไปฆ่านายชื่น นายชมจัดหาปืนให้นายชิตเพื่อให้ใช้ยิงนายชื่น โดยนายชมจะทำหน้าที่ดูต้นทาง นายชมและนายชิตไปดักซุ่มยิงอยู่ตรงบริเวณที่นายชื่นจะเดินมา เมื่อนายชื่นมาถึง นายชิตใช้ปืนนั้นยิงไปที่นายชื่น แต่ยิงไม่ถูก นายชมซึ่งดูต้นทางอยู่ใกล้ๆ กลัวความผิดจึงวิ่งหนีกลับไปบ้านเสียก่อน ส่วนนายชิตได้ติดตามนายชื่นไปโดยลำพังและใช้ปืนกระบอกนั้นยิงนายชื่นถึงแก่ความตาย

ให้วินิจฉัยว่า นายชิตและนายชมจะมีความผิดฐานใดหรือไม่

ธงคำตอบ

นายชิตมีความผิดฐานฆ่านายชื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4)
เพราะนายชิตวางแผนกับนายชมไปฆ่านายชื่น และไปดักยิง (คำพิพากษาฎีกาที่ 433/2546)

นายชมเป็นตัวการร่วมกับนายชิตในความผิดฐานพยายามฆ่านายชื่นเท่านั้น เพราะนายชมมีการกระทำร่วมกัน
และมีเจตนาร่วมกันกับนายชิตในขณะที่การกระทำของนายชิตต่อนายชื่นอยู่ในขั้นพยายามฆ่า นายชมจึงมีความผิด
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 80 และมาตรา 83

แต่นายชมเป็นผู้สนับสนุนนายชิตในความผิดที่นายชิตกระทำต่อนายชื่นฐานฆ่านายชื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรอง
ไว้ก่อน เพราะปืนที่นายชิตใช้ยิงนายชื่นนั้น นายชมเป็นผู้จัดหาให้ เป็นการช่วยเหลือก่อนการกระทำความผิด
นายชมจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ประกอบมาตรา 86 ด้วย

มาตรา 289 " ผู้ใด
(1) ฆ่าบุพการี
(2) ฆ่าเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุ ที่จะกระทำ หรือได้กระทำการตามหน้าที่
(3) ฆ่าผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานในการที่เจ้าพนักงานนั้นกระทำ ตามหน้าที่ หรือเพราะเหตุที่บุคคลนั้นจะช่วยหรือได้ช่วยเจ้าพนักงาน ดังกล่าวแล้ว
(4) ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
(5) ฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
(6) ฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการ หรือเพื่อความสะดวกในการ ที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น หรือ
(7) ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ ตนได้กระทำความผิดอื่น เพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนหรือเพื่อ หลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดที่ตนได้กระทำไว้

ต้องระวางโทษ ประหารชีวิต "

มาตรา 80 "ผู้ใดลงมือกระทำความผิดแต่กระทำไปไม่ตลอด หรือกระทำไปตลอดแล้วแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผล ผู้นั้นพยายาม กระทำความผิด

ผู้ใดพยายามกระทำความผิด ผู้นั้นต้องระวางโทษสองใน สามส่วนของโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น"

มาตรา 83 "ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวาง โทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น"

มาตรา 86 "ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการที่ผู้อื่นกระทำความผิด ก่อนหรือขณะกระทำ ความผิด แม้ผู้กระทำความผิดจะมิได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความ สะดวกนั้นก็ตาม ผู้นั้นเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ต้อง ระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่ สนับสนุนนั้น"

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2546

การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หมายความว่า ก่อนทำการฆ่าผู้กระทำผิดได้คิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิด ไม่ใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วนเพราะเมาสุราหรือบันดาลโทสะ การไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุเกี่ยวกับเจตนาส่วนตัวของผู้กระทำผิด ผู้ร่วมกระทำผิดที่มิได้ไตร่ตรองไว้ก่อนไม่มีความผิดด้วยเพราะกฎหมายมุ่งถึงการไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นสภาพจิตใจของแต่ละคน การจะเป็นตัวการร่วมกันฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจึงต้องมีลักษณะเป็นการวางแผนการคบคิดกันมาแต่ต้นที่จะไปฆ่าผู้อื่น หรือด้วยการใช้จ้างวาน หรือไปดักฆ่าผู้อื่นโดยมีพฤติการณ์ร่วมกันมาแต่ต้น แต่การที่จำเลยที่ 1 ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน และเป็นญาติพี่น้องกับผู้ตาย ทั้งก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มสุรากันโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมวางแผนกับจำเลยที่ 2มาก่อน การที่จำเลยที่ 1 ร่วมไปฆ่าผู้ตายจึงเป็นการตัดสินใจในทันทีทันใดลักษณะตกกระไดพลอยโจนมากกว่า ดังนี้ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เท่านั้นไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91, 289, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณานางสุธินี สิตะรุโน ภริยาผู้ตายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาตเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 371, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 วรรคสาม, 72 ทวิ วรรคสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จำคุกคนละ 20 ปี ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุกคนละ 6 เดือนฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 4 เดือน รวมจำคุกคนละ 20 ปี 10 เดือนคำให้การรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 13 ปี 10 เดือน 20 วัน ริบปลอกกระสุนปืนของกลาง

จำเลยที่ 2 โจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์

ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 9 จำเลยที่ 2 ถึงแก่ความตาย สิทธินำคดีอาญามาฟ้องของโจทก์และโจทก์ร่วมสำหรับจำเลยที่ 2 เป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(1) ให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2ออกจากสารบบความของศาลอุทธรณ์ภาค 9

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4), 83 ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนให้ลงโทษประหารชีวิต จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ประกอบมาตรา 52(1) ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิตและเมื่อลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ตลอดชีวิตแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนมารวมได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)รวมทุกกระทงให้จำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ตลอดชีวิต นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า "พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับนายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ฆ่านายชุ่ม สิตะรุโน ผู้ตาย โดยนายธนิตหรือแนบ ธรรมโชติ เป็นคนใช้อาวุธปืนลูกซองยาวยิงผู้ตาย สำหรับข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตยุติแล้วตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คงมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับนายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ ได้ความจากพยานของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า นายธนิตหรือแนบมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน โดยก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 ปี ผู้ตายได้สร้างบ้านหลังที่เกิดเหตุเสร็จ นายธนิตหรือแนบต้องการรับจ้างทาสีบ้านให้ผู้ตายแต่ผู้ตายกลับไปจ้างผู้อื่นทาสี ทำให้นายธนิตหรือแนบไม่พอใจ ส่วนจำเลยที่ 2 ไม่พอใจผู้ตายเนื่องจากจำเลยที่ 2 สมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลทำนบ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา แข่งกับนายถวิล สังฆะโร ผู้ตายสนับสนุนนายถวิลแต่นายธนิตหรือแนบสนับสนุนจำเลยที่ 2 ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ได้เป็นผู้ใหญ่บ้านผู้ตายเคยพูดตำหนิว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใหญ่บ้านขี้เมาวัน ๆ ดีแต่ดื่มสุราไม่คิดพัฒนาหมู่บ้าน นอกจากนี้เมื่อประมาณปลายเดือนมกราคม 2541 นายธนิตหรือแนบได้ชกต่อยนายถาวร มณีโชติ ญาติของผู้ตาย ผู้ตาบอกว่าหากเป็นผู้ตายจะไม่ยอม ถ้ามีอาวุธปืนก็จะยิง เหตุดังกล่าวเชื่อว่ามีส่วนทำให้นายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ไม่พอใจ เพราะนายธนิตหรือแนบเป็นสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล ส่วนจำเลยที่ 2 เป็นผู้ใหญ่บ้าน การกระทำของผู้ตายย่อมทำให้คนทั้งสองรู้สึกในทางที่ไม่ดีต่อผู้ตายนายชวก คงฆะ พยานโจทก์และโจทก์ร่วมเบิกความว่า เหตุการณ์เรื่องทาสีบ้านทำให้นายธนิตหรือแนบเสียหน้า ประกอบกับวันเกิดเหตุได้ความจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 เองว่า จำเลยที่ 1 นายธนิตหรือแนบและจำเลยที่ 2 ได้ดื่มสุราด้วยกันจนเมาสุราจึงทำให้คิดจะไปยิงผู้ตาย โจทก์ร่วมและนายณรงค์สังฆะโร เบิกความว่า เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2541 พันตำรวจตรีคณิต รัตนมณี พนักงานสอบสวนได้ให้โจทก์ร่วมและนายณรงค์พบกับจำเลยที่ 1 ในห้องทำงานซึ่งมีบุคคลอื่น ๆอยู่ด้วย นายณรงค์ถามจำเลยที่ 1 ว่าเหตุใดจึงทำกันอย่างนี้ จำเลยที่ 1 ได้ร้องไห้พร้อมกับยกมือไหว้และพูดว่าผมผิดไปแล้วที่ทำไปเพราะเมาและขัดใจเพื่อนไม่ได้ เมื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ต้องยิงผู้ตายก็ได้ความว่านายธนิตหรือแนบไม่พอใจเรื่องทาสีบ้าน ส่วนนายชูไม่พอใจเรื่องการสมัครรับเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านดังกล่าว โจทก์ร่วมเบิกความตอบคำถามค้านของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 1 ได้เล่าให้ฟังอีกว่า ก่อนจะไปยิงผู้ตายนั้น จำเลยที่ 1 ที่ 2และนายธนิตหรือแนบได้ดื่มสุรากันที่บ้านของจำเลยที่ 2 หลังจากดื่มสุราเมาเต็มที่แล้วจำเลยที่ 2 จึงพูดว่าไปยิงผู้ตายดีกว่า พันตำรวจโทคณิต รัตนมณี พนักงานสอบสวนพยานโจทก์และโจทก์ร่วมก็เบิกความยืนยันว่า ได้ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 1 ปลอก ตกอยู่ที่ริมรั้วหน้าบ้านของผู้ตาย ต่อมาวันที่ 14 ธันวาคม 2541 จึงจับจำเลยที่ 1 ได้ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ทั้งนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ ตามบันทึกคำให้การ บันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำสารภาพ และภาพถ่าย หมาย จ.16 ถึง จ.18 ซึ่งบันทึกคำให้การเอกสารหมาย จ.16มีรายละเอียดเกี่ยวกับการกระทำความผิดสอดคล้องกับที่จำเลยที่ 1 เล่าให้โจทก์ร่วมและนายณรงค์ฟัง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 และนายธนิตหรือแนบร่วมกันฆ่าผู้ตายเพราะมีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตาย ส่วนจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยเพราะเมาสุราโดยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายแต่อย่างใดอย่างไรก็ตาม การฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนนี้ หมายความว่าก่อนทำการฆ่าผู้กระทำผิดได้คิดไตร่ตรองทบทวนแล้วจึงตกลงใจกระทำความผิด ไม่ใช่กระทำไปโดยปัจจุบันทันด่วนเพราะเมาสุรา หรือบันดาลโทสะ การไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นเหตุเกี่ยวกับเจตนาส่วนตัวของผู้กระทำผิด ผู้ร่วมกระทำผิดที่มิได้ไตร่ตรองไว้ก่อนไม่มีความผิดด้วยเพราะกฎหมายมุ่งถึงการไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเป็นสภาพจิตใจของแต่ละคน การจะเป็นตัวการร่วมกันฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจึงต้องมีลักษณะเป็นการวางแผนการคบคิดกันมาแต่ต้นที่จะไปฆ่าผู้อื่นหรือด้วยการใช้จ้างวาน หรือไปดักฆ่าผู้อื่นโดยมีพฤติการณ์ร่วมกันมาแต่ต้น แต่สำหรับคดีนี้จำเลยที่ 1ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับผู้ตายมาก่อน และเป็นญาติพี่น้องกับผู้ตาย ทั้งปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 และคำให้การชั้นสอบสวนว่าก่อนเกิดเหตุได้มีการดื่มสุรากันโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมวางแผนกับจำเลยที่ 2 และนายธนิตหรือแนบมาก่อนการที่จำเลยที่ 1 ร่วมไปฆ่าผู้ตายจึงเป็นการตัดสินใจในทันทีทันใดลักษณะตกกระไดพลอยโจนมากกว่า ดังนี้ จำเลยที่ 1 คงมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 เท่านั้น ไม่เป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 9 ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้น"

พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น




การสอบเนติบัณฑิต ภาคหนึ่ง สมัยที่ 60(วิชากฎหมายอาญา ฯ)

ความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม
ลักทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองทรัพย์
กระทำความผิดนอกราชอาณาจักร
การคำนวณรายได้และรายจ่ายของนิติบุคคล และการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม และการเปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง
อำนาจพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
การกระทำโดยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
อำนาจรับคดีไว้พิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
การขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้ายเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์