

จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาว่าไม่ได้มีการไตร่ตรองเพื่อเจตนาฆ่า, โทษประหารชีวิตศาลลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ปรึกษากฎหมายทางแชทไลน์
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำคุกตลอดชีวิต และศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้พิจารณาว่าจำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นซึ่งต้องถือเป็นที่สิ้นสุดในประเด็นว่าจำเลยกระทำผิดฐานฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จำเลยจึงไม่มีสิทธิฎีกาในประเด็นนี้ การที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาในส่วนนี้จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย สำหรับประเด็นที่ว่าควรลงโทษจำเลยสถานเบาหรือไม่นั้นยังไม่ถึงที่สุด จำเลยมีสิทธิฎีกาในประเด็นนี้ได้ ศาลพิจารณาเห็นว่าผู้ตายเป็นอดีตภริยาของจำเลย โดยในวันเกิดเหตุจำเลยพกอาวุธไปแทงผู้ตายถึงแก่ความตาย รวม 35 แผล ลักษณะบาดแผลแสดงถึงความอาฆาตแค้น อีกทั้งภาพถ่ายขณะผู้ตายล้มลง จำเลยยังแทงซ้ำ ซึ่งขัดกับคำอ้างว่าจำเลยยังรักผู้ตาย นอกจากนี้ จำเลยยังหลบหนีการจับกุมและไม่ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ การรับสารภาพของจำเลยเป็นไปเพราะจำนนต่อพยานหลักฐาน
เมื่อพิจารณาแล้ว โทษที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดคือประหารชีวิตและลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต ถือว่าผ่อนปรนแก่จำเลยมากแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยไม่มีเหตุสมควรฟังได้ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลล่าง จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาว่าไม่ได้มีการไตร่ตรอง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 264/2567 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 289 (4) อันเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานเบากว่าคำพิพากษาศาลชั้นต้น ดังนี้ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนเป็นการวินิจฉัยโดยอาศัยอำนาจตาม ป.วิ.อ. มาตรา 245 วรรคสอง มิได้วินิจฉัยเพราะจำเลยอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่ จึงเป็นอันถึงที่สุดตามบทบัญญัติกฎหมายดังกล่าว จำเลยไม่มีสิทธิฎีกาว่าไม่ได้มีการไตร่ตรองหรือตระเตรียมการเพื่อเจตนาฆ่าผู้ตายได้อีก ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยในประเด็นนี้ เป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
|