ReadyPlanet.com
bulletรับฟ้องคดีแพ่ง/อาญา
bulletพระราชบัญญัติ
bulletป.แพ่งและพาณิชย์
bulletป.อาญา ฎีกา
bulletป.วิอาญา
bulletป.วิแพ่ง
bulletป.กฎหมายที่ดิน
bulletป.รัษฎากร
bulletฟ้องหย่า
bulletอำนาจปกครอง
bulletนิติกรรม
bulletคดีมรดก
bulletอายุความฟ้องร้องคดี
bulletครอบครองปรปักษ์
bulletเอกเทศสัญญา
bulletเกี่ยวกับแรงงาน
bulletเกี่ยวกับคดีอาญา
bulletคดียาเสพติดให้โทษ
bulletตั๋วเงินและเช็ค
bulletห้างหุ้นส่วน-บริษัท
bulletคำพิพากษาและคำสั่ง
bulletทรัพย์สิน/กรรมสิทธิ์
bulletอุทธรณ์ฎีกา
bulletเกี่ยวกับคดีล้มละลาย
bulletเกี่ยวกับวิแพ่ง
bulletเกี่ยวกับวิอาญา
bulletการบังคับคดี
bulletคดีจราจรทางบก
bulletการเล่นแชร์ แชร์ล้ม
bulletอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
bulletมรรยาททนายความ
bulletถอนคืนการให้,เสน่หา
bulletข้อสอบเนติบัณฑิต
bulletคำพิพากษา 2550
bulletทรัพย์สินทางปัญญา
bulletสัญญาขายฝาก
bulletสำนักทนายความ
bulletป-อาญา มาตรา1- 398
bulletภาษาอังกฤษ
bulletการสมรสและการหมั้น
bulletแบบฟอร์มสัญญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2551-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-แพ่ง
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-วิ-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-อาญา
bulletข้อสอบเนติ-ปี2550-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2549-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2548-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2547-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2546-แพ่งพาณิชย์
bulletข้อสอบเนติ-ปี2545-แพ่งพาณิชย์
bulletนิติกรรมสัญญา
bulletพระธรรมนูญศาล
bulletทรัพย์สิน-สามีภริยา
bulletบิดามารดา-รับรองบุตร
bulletคดีครอบครัว
bulletสัญญาระหว่างสมรส
bulletสิทธิครอบครองที่ดิน
bulletสัญญาซื้อขาย
bulletแปลงหนี้ใหม่
bulletการได้กรรมสิทธิ์
bulletคดีเรื่องบุตร
bulletเช่าซื้อรถยนต์
bulletถอนผู้จัดการมรดก
bulletฟ้องค่าทดแทน
bulletฟ้องหย่า-ฟ้องหย่า
bulletสินสมรส-สินสมรส
bulletบันดาลโทสะ
bulletเบิกความเท็จ
bulletสิทธิ-สัญญาเช่า
bulletค้ำประกัน
bulletเจ้าของรวม
bulletจำนอง
bulletลูกหนี้ร่วม
bulletคำพิพากษาฎีกาทั่วไป
bulletกระดานถาม-ตอบ
bulletป-กฎหมายยาเสพติด2564
bulletขนส่งทางทะเล
bulletสมรสเป็นโมฆะ
bulletสามีภริยา
bulletตัวการไม่เปิดเผยชื่อ
bulletทนายความของสภาจัดให้
bulletอาวุธปืน
bulletรับช่วงสิทธิ
bulletแพ่งมาตรา1-1755




ฟ้องสำนักงานอัยการสูงสุด

ทนายความ ฟ้องหย่า lawyer

ฟ้องสำนักงานอัยการสูงสุด (ดุลพินิจสั่งฟ้องผู้ต้องหา)

พนักงานอัยการในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุด ใช้อำนาจดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในการใช้ดุลพินิจสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล เป็นการดำเนินการของเจ้าพนักงานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดอำนาจไว้เป็นการเฉพาะ  การที่โจทก์กล่าวอ้างว่าได้รับความเสียหายจากการดำเนินการดังกล่าว จึงเป็นคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่อันสืบเนื่องจากการใช้อำนาจในกระบวนยุติธรรมทางอาญา อยู่ในอำนาจควบคุมตรวจสอบของศาลยุติธรรมไม่ใช่ศาลปกครอง

พนักงานอัยการเจ้าหน้าที่ในสังกัด สำนักงานอัยการสูงสุดจำเลย กระทำละเมิดต่อโจทก์กรณีสั่งฟ้องและยื่นฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายว โจทก์เคยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด แต่สำนักงานอัยการสูงสุดจำเลย กลับมีความเห็นว่าคำสั่งฟ้องเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การกระทำของสำนักงานอัยการสูงสุดจำเลย เป็นการจงใจกระทำผิดกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียอิสรภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง ขาดความเจริญก้าวหน้าทางราชการ และขาดรายได้จากการรับราชการตำรวจ  ขอให้บังคับสำนักงานอัยการสูงสุดจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์  เห็นว่า การกระทำตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งเป็นขั้นตอนเพื่อนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิดในคดีอาญาอันอยู่ในอำนาจศาลยุติธรรม  แม้ว่าในขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐคือ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ อาจจะมีการกระทำทางปกครองปะปนอยู่ด้วย แต่ขั้นตอนใดเป็นการกระทำตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวไว้และศาลยุติธรรมมีอำนาจที่จะเยียวยาได้ด้วย  การกระทำในขั้นตอนนั้นก็ย่อมอยู่ในอำนาจควบคุมตรวจสอบของศาลยุติธรรม  คดีนี้เจ้าหน้าที่ในสังกัดสำนักงานอัยการสูงสุดจำเลย ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงานอัยการใช้อำนาจดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในการใช้ดุลพินิจสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล จึงเป็นการดำเนินการของเจ้าพนักงานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดอำนาจไว้เป็นการเฉพาะ  การที่โจทก์กล่าวอ้างว่าได้รับความเสียหายจากการดำเนินการดังกล่าว จึงเป็นคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่อันสืบเนื่องจากการใช้อำนาจในกระบวนยุติธรรมทางอาญา อยู่ในอำนาจควบคุมตรวจสอบของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัยที่  2/2552


ร้อยตำรวจเอก ประสิทธิ์หรือภาคภูมิ สุวรรณโณ             โจทก์
     
สำนักงานอัยการสูงสุด                                              จำเลย

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลที่ ๒/๒๕๕๒     คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
 
วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒

เรื่อง    เขตอำนาจศาลเกี่ยวกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง      พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๓)   

  ศาลแพ่ง

ระหว่าง

  ศาลปกครองสงขลา

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ

                   ศาลแพ่งโดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องกรณีเขตอำนาจศาลขัดแย้งกันระหว่างศาลแพ่งและศาลปกครองสงขลาให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๒ วรรคสอง ซึ่งเป็นกรณีที่ศาลหนึ่งไม่รับฟ้อง เพราะเหตุว่าคดีอยู่ในอำนาจของอีกศาลหนึ่ง เมื่อมีการฟ้องคดีต่ออีกศาลหนึ่งแล้ว ศาลดังกล่าวเห็นว่าคดีนั้นไม่อยู่ในอำนาจเช่นกัน

ข้อเท็จจริงในคดี

  เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๗  ร้อยตำรวจเอก ประสิทธิ์หรือภาคภูมิ  สุวรรณโณ โจทก์ ยื่นฟ้องสำนักงานอัยการสูงสุด จำเลย ต่อศาลแพ่ง เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๒๕๔๐/๒๕๔๗  ความว่า เมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม ๒๕๔๒ สำนักงานอัยการเขต ๘ โดยนายสมยศ  ตาณเสวี รักษาการแทนอธิบดีอัยการเขต ๘  สำนักงานอัยการจังหวัดพังงา โดยนายประชัน  ทองภักดี อัยการจังหวัดพังงา และนายชัยนันทร์  งามขจรกุลกิจ รองอัยการจังหวัดพังงา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในสังกัดจำเลย ร่วมกันกระทำละเมิดต่อโจทก์กรณีสั่งฟ้องและยื่นฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาของศาลจังหวัดพังงา หมายเลขดำที่ ๓๔๒/๒๕๔๒ ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดพังงา โจทก์  ร้อยตำรวจเอก ประสิทธ์หรือภาคภูมิ  สุวรรณโณ ที่ ๑  สิบตำรวจตรี โกวิทย์  มัธยัสถ์ ที่ ๒ จำเลย ข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น โดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ วรรคสาม (เดิม) และมาตรา ๑๔๓ วรรคท้าย  โจทก์เคยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด แต่จำเลยกลับมีความเห็นว่าคำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการเขต ๘ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจกระทำผิดกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียอิสรภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง ขาดความเจริญก้าวหน้าทางราชการ และขาดรายได้จากการรับราชการตำรวจ  ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงินจำนวน ๕๓,๕๙๕,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ

                   จำเลยยื่นคำร้องว่า ตามคำฟ้องเป็นการกล่าวอ้างว่าเจ้าหน้าที่ของจำเลยกระทำนอกเหนือหรือมิได้กระทำตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายเป็นกรณีพิพาทตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

                   โจทก์ทำคำชี้แจงว่า คำสั่งฟ้องของพนักงานอัยการมิใช่คำสั่งทางปกครอง แต่เป็นขั้นตอนการดำเนินกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเพื่อนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

                   ต่อมาศาลแพ่งมีคำสั่งไม่รับฟ้องโจทก์ ให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ เนื่องจากเห็นว่าคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลยุติธรรม แต่เป็นคดีที่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (คดีหมายเลขแดงที่ ๔๘๒๒/๒๕๔๗)  โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฟ้อง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐

                   อนึ่ง ก่อนฟ้องคดีนี้ โจทก์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดพังงา เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๔๐/๒๕๔๓ ระหว่างร้อยตำรวจเอก ประสิทธิ์ สุวรรณโณ โจทก์  นายสุชาติ  ไตรประสิทธิ์ ในฐานะอัยการสูงสุด ที่ ๑ นายนิติ  เมฆสวรรค์ ในฐานะอธิบดีอัยการเขต ๘ ที่ ๒  นายประชัน  ทองภักดี ที่ ๓ นายชัยนันท์  งามขจรกุลกิจ ที่ ๔ จำเลย ข้อหาร่วมกันละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ร่วมกันเป็นพนักงานอัยการไม่กระทำการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ และคดีหมายเลขดำที่ ๒๕๙/๒๕๔๔ ระหว่างร้อยตำรวจเอก ประสิทธิ์ สุวรรณโณ โจทก์  นายสมยศ  ตาณเสวี ในฐานะรองอธิบดีอัยการ เขต ๘ ที่ ๑ นายประภาส  สนั่นศิลป์ ในฐานะรองอัยการจังหวัดพังงา ที่ ๒ จำเลย ข้อหาร่วมกันละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันเป็นพนักงานอัยการไม่กระทำการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ คดีหมายเลขดำที่ ๑๔๐/๒๕๔๓ ศาลจังหวัดพังงามีคำสั่งให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ คดีในส่วนของจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ ให้ประทับฟ้อง คดีอยู่ระหว่างพิจารณา ส่วนคดีหมายเลขดำที่ ๒๕๙/๒๕๔๔ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลจังหวัดพังงามีคำสั่งให้ประทับฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ไว้พิจารณา ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๒ โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายืน

                   ศาลแพ่งเห็นว่า มูลละเมิดคดีนี้เป็นเรื่องที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยร่วมกันออกคำสั่งฟ้องและฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดพังงาในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น การที่โจทก์อ้างว่าคำสั่งฟ้องและการฟ้องดังกล่าวไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่ต้องยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพังงาให้ทำการไต่สวนชันสูตรพลิกศพก่อน เท่ากับโจทก์อ้างว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกระทำโดยไม่มีอำนาจ หรือนอกเหนืออำนาจหน้าที่ หรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือโดยไม่ถูกต้องตามรูปแบบขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการกระทำนั้น หรือโดยไม่สุจริต หรือเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง

                   ศาลปกครองสงขลาเห็นว่า มูลเหตุแห่งการฟ้องคดีนี้สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ของรัฐสังกัดหน่วยงานของจำเลย ร่วมกันฟ้องโจทก์และสิบตำรวจตรี โกวิทย์เป็นคดีอาญาต่อศาลจังหวัดพังงาในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จากกรณีที่โจทก์และสิบตำรวจตรี โกวิทย์ใช้อาวุธปืนยิงจ่าสิบตำรวจ ปรีชา  ฉิมบ้านไร่ จนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยโจทก์กับพวกอ้างว่ากระทำไปโดยการป้องกันตัวไม่มีเจตนาฆ่าและเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมาย และเห็นว่าในกรณีดังกล่าวเจ้าหน้าที่ของจำเลยจะต้องยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดพังงาเพื่อทำการไต่สวนชันสูตรพลิกศพก่อน ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ เดิม แต่เจ้าหน้าที่ของจำเลยมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายที่กำหนดไว้ แต่กลับฟ้องโจทก์และพวกเป็นคดีอาญาจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เช่นนี้เห็นว่า การยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อทำการไต่สวนชันสูตรพลิกศพก่อนฟ้องคดีหรือการฟ้องคดีอาญาต่อศาลของพนักงานอัยการเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐในคดีอาญา อันเป็นขั้นตอนดำเนินการ เพื่อนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิดอาญาตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะ ซึ่งอยู่ในอำนาจควบคุมตรวจสอบของศาลยุติธรรม คดีนี้จึงไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาหรือมีคำสั่งของศาลปกครองตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒  คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัย

                   ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง

                   คณะกรรมการพิจารณาแล้ว  คดีนี้ โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐว่า พนักงานอัยการเจ้าหน้าที่ในสังกัดจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์กรณีสั่งฟ้องและยื่นฟ้องโจทก์เป็นคดีอาญาโดยไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕๐ วรรคสาม (เดิม) และมาตรา ๑๔๓ วรรคท้าย โจทก์เคยยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด แต่จำเลยกลับมีความเห็นว่าคำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการเขต ๘ เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจกระทำผิดกฎหมายทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย เสื่อมเสียอิสรภาพ เกียรติยศ ชื่อเสียง ขาดความเจริญก้าวหน้าทางราชการ และขาดรายได้จากการรับราชการตำรวจ  ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย  เห็นว่า การกระทำตามคำฟ้องของโจทก์เป็นเรื่องการดำเนินคดีอาญาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งเป็นขั้นตอนเพื่อนำไปสู่การลงโทษผู้กระทำความผิดในคดีอาญาอันอยู่ในอำนาจศาลยุติธรรม  แม้ว่าในขั้นตอนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐคือ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ อาจจะมีการกระทำทางปกครองปะปนอยู่ด้วย แต่ขั้นตอนใดเป็นการกระทำตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดให้อำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐดังกล่าวไว้และศาลยุติธรรมมีอำนาจที่จะเยียวยาได้ด้วย  การกระทำในขั้นตอนนั้นก็ย่อมอยู่ในอำนาจควบคุมตรวจสอบของศาลยุติธรรม  เมื่อคดีนี้เจ้าหน้าที่ในสังกัดจำเลยปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงานอัยการใช้อำนาจดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในการใช้ดุลพินิจสั่งฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล จึงเป็นการดำเนินการของเจ้าพนักงานตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญากำหนดอำนาจไว้เป็นการเฉพาะ  การที่โจทก์กล่าวอ้างว่าได้รับความเสียหายจากการดำเนินการดังกล่าว จึงเป็นคดีพิพาทที่เกี่ยวกับการกระทำละเมิดของเจ้าหน้าที่อันสืบเนื่องจากการใช้อำนาจในกระบวนยุติธรรมทางอาญา อยู่ในอำนาจควบคุมตรวจสอบของศาลยุติธรรม

 จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง ร้อยตำรวจเอก ประสิทธิ์หรือภาคภูมิ  สุวรรณโณ โจทก์ สำนักงานอัยการสูงสุด จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

 




อำนาจหน้าที่ระหว่างศาล

การใช้อำนาจตามกฎหมายของ กฟผ. ทำให้โจทก์เสียหาย
อบต. ขุดลอกสระน้ำรุกล้ำเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน
เทศบาลคัดค้านการรังวัดที่ดินไม่เป็นการใช้อำนาจทางปกครอง
อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
องค์การตลาดเพื่อเกษตรกรฟ้องคู่สัญญา
กระทรวงการคลังฟ้องผู้รับเหมา
ฟ้องเทศบาลไม่ดูแลไฟฟ้ารั่วไหล